คอลัมนิสต์

ส่องวงใน2พรรคใหญ่ทำอะไรระหว่างรอผลเลือกตั้ง?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย... ทีมข่าวการเมือง เครือเนชั่น


 

          สถานการณ์การเมืองวันนี้ยังอึมครึมท่ามกลางการปล่อยข่าวลือ และข่าวลวงหลากกลยุทธ์ที่มีผลพันลึกกับการเลือกตั้งครั้งล่าสุด


          การชิงธงตั้งรัฐบาลแม้ยามนี้ยังไม่ชัดแจ้งนักว่า พรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรคที่อ้างว่าต้านการสืบทอดอำนาจ ฝ่ายใดจะตบเท้าเข้าตึกไทยคู่ฟ้า เพราะยังไม่มีคำตอบชัดๆ ว่าพรรคใดได้ ส.ส.กี่คน และทำให้เกมสาดโคลนรวมทั้งสงครามน้ำลายเลอะเทอะไปทั่วว่า อีกฝ่ายไม่เคารพมติสังคม

 

 

          เมื่อบวกกับการปล่อยข่าวหลากช่องทางที่บางครั้งเกินเลยไปไกลและสร้างความสับสนต่อสังคมที่มีมากมาย จนกระทั่งบิ๊กตู่และฝ่ายความมั่นคงต้องออกมาส่งสารและแถลงข่าวแจ้งเตือนสังคมว่า อย่าให้ความสำคัญกับการบิดเบือนข่าวของผู้ไม่หวังดีและจะเร่งจับกุมผู้ไม่หวังดีมาลงโทษให้เร็วที่สุด


          คนที่ไม่หวังดีกับบ้านเมืองนั้นไม่ว่าจะมาจากด้วยเหตุผลกลใด ก็ใช้วิธีนี้กับการหาประโยชน์ทางการเมืองมาหลายยุคสมัยแล้ว หากฝ่ายรัฐมีข้อมูลก็ควรดำเนินการอย่างโปร่งใสและรวดเร็วที่สุด เพื่อดับไฟที่มีการพยายามจุดขึ้นมาให้ติดในไม่กี่อึดใจข้างหน้า โดยอาศัยพลังบริสุทธิ์ออกมาเป็นเหยื่อบนเกมอำนาจ
วิงวอนว่าพลังบริสุทธิ์ควรขยับในบริบททางกฎหมายก็พอ และอย่าเชื่ออะไรที่ปั่นหัวจนทำให้การกระทำในบางสิ่งบางอย่างเกินเลยออกไป เพราะเกมแห่งอำนาจมีอะไรมากกว่าที่คิด


          ฉะนั้น คนที่หลอกใช้คนบริสุทธิ์มาเป็นเครื่องมือบนสนามการเมืองนั้นนับว่าเลวที่สุด และควรเร่งตัดไฟแต่ต้นลม


          เมื่อความจริงผนวกกับข่าวลวงกับกลเกมการเมืองยามนี้ หากมองลึกๆ ไปยังจังหวะจะโคนของทั้งสองขั้วการเมืองนั้น วันนี้จะพบอะไรที่กลบซ่อนอยู่และรอการเปิดตัวในไม่ช้านาน...


          เริ่มจากขั้วหนุนบิ๊กตู่ ยามนี้จะพบว่าบิ๊กตู่พยายามประหยัดคำพูดทางการเมืองและให้น้ำหนักไปยังภารกิจหลักคืองานพระราชพิธี และการแก้ปัญหาบ้านเมืองในช่วงนี้ เมื่อภารกิจหลักของประเทศเสร็จสิ้น จังหวะนั้นบิ๊กตู่จึงจะลงมาบัญชาการเกมในช่วงสุดท้าย


          ส่วนเกมการเมืองในช่วงนี้นั้น บิ๊กตู่ปล่อยให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บัญชาการเบื้องต้นไปพลางๆ ก่อน และจะประมวลสถานการณ์เสนอให้บิ๊กตู่รับทราบและเคาะโต๊ะในยามสุดท้าย




          สายสืบจากพปชร.แจ้งว่า "ข้อมูลที่วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แจ้งต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อสงสัยในการทำหน้าที่ของ กกต.นั้น น่าจะไม่มีปัญหาใดตามมา เพราะถือว่า สิ่งที่วิษณุสื่อออกไป กกต.น่าจะจับความได้


          ส่วนข้อกังวลเรื่องการถอดถอน กกต.นั้น น่าจะไม่มีผล เพราะต้องพิสูจน์ข้อกล่าวหาในชั้นศาล และน่าจะใช้เวลาอีกพอควร ตรงนี้จึงเบาใจได้ และผลการเลือกตั้งน่าจะรับรองได้ตามห้วงเวลา"


          สายสืบระบุว่า “ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นั้น หากพรรคใดมีหลักฐานก็ต้องฟ้องร้องและรอมติ กกต. รวมทั้งศาล แต่ข้อมูลวงในที่ทราบงานนี้มีหลายพรรคที่จะโดน “ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง” และจะส่งผลกับการคิดแต้ม ส.ส.ทั้งสองระบบของแต่ละพรรค ตอนนี้ควรรอดูว่าผลจาก กกต.จะออกมาแบบใด”


          สายสืบแจ้งว่า "ตอนนี้ควรจับจังหวะของคีย์แมนของ พปชร. ที่แบ่งออกกันหลายก๊กก๊วน โดยแบ่งก๊กก๊วนขนาดใหญ่ในพรรคได้ดังนี้ กลุ่มสามมิตร กลุ่มสี่กุมาร กลุ่ม กปปส. แต่ละกลุ่มมีว่าที่ ส.ส.กันหลายสิบคนที่พยายามเคลื่อนไหวในยามนี้ทั้งบนดินและใต้ดิน 


          และตอนนี้แกนนำแต่ละก๊กก๊วนเร่งวางแผนแก้เกมเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในเขตที่พ่ายขั้วตรงข้าม โดยเป้าหมายคือต้องกวาดที่นั่งให้มากที่สุดเพื่อพลิกแต้มให้กลับมาเป็นต่อและชอบธรรม เพื่อที่จะปิดปากขั้วตรงข้ามไม่ให้อ้างอะไรได้...ในการฟอร์ม ครม.ชุดใหม่"


          ส่วนการวางคนให้เป็นเสนาบดีของ ครม.ชุดหน้านั้น สายสืบแจ้งว่า “เก้าอี้กระทรวงหลัก เช่น กลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม จะอยู่ในการดูแลของบิ๊กตู่ที่จะพิจารณา และสิ่งที่ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลจะขอโควตากระทรวงเหล่านี้น่าจะหมดสิทธิ์ เพราะเบื้องต้นนั้นบิ๊กตู่วางกติกาที่ระบุไว้สำหรับคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีชุดใหม่ไว้แล้วว่า ภาพลักษณ์และผลงานต้องดี สังคมยอมรับ


          อดีต ครม.ในรัฐบาลปัจจุบันจะมาช่วยงานรัฐบาลใหม่ไม่มากนัก และควรดูว่า คีย์แมน คสช.คนใดจะได้ทำงานต่อ ส่วนอดีตสี่รัฐมนตรีที่เป็นแกนนำพรรคน่าจะมีตำแหน่งใน ครม.ใหม่ แต่อาจไม่ใช่เก้าอี้เดิมทั้งหมด และไม่ได้มาหมดทุกคน เพราะต้องเกลี่ยให้กลุ่มอื่นๆ ด้วย


          ฉะนั้นแต่ละกลุ่มในพรรคอาจจะมี รมว.ในกระทรวงขนาดรอง และ รมช.ในกระทรวงหลัก ตามสัดส่วน แต่คงไม่มากนัก เพราะโควตาอีกส่วนต้องแบ่งให้ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ด้วย แต่ทั้งหมดจะเริ่มต้นแบบจริงจังช่วงหลังรู้ผลเลือกตั้งแบบเป็นทางการ และดำเนินการช่วงกลางเดือนพฤษภาคมไปแล้ว รวมทั้งควรติตตามคลื่นใต้น้ำในพรรคที่เริ่มก่อตัวหลังเลือกตั้งจบ”


          “เก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติคือประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น อาจให้ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล เพราะบุคคลเด่นๆ ในพรรคด้านนี้มีน้อย และเป็นการให้เกียรติพรรคที่จะมาช่วยตั้งรัฐบาลด้วย แต่ต้องดูว่า พรรคสีน้ำเงินหรือพรรคสีฟ้าจะรับเงื่อนไขที่เสนอไปหรือไม่” สายสืบระบุ


          ส่วนแหล่งข่าวจากถนนเพชรบุรีตัดใหม่แจ้งว่า หลังทราบผลการเลือกตั้งเสร็จสิ้น “สองคุณหญิง” ได้ประสานตรงกับคีย์แมนพรรคต่างๆ ให้มาแตะมือ โดยไม่มีเงื่อนไข แต่พรรคหลักหลายพรรคยังไม่ตอบรับ โดยอ้างสั้นๆ ว่ารอผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก กกต.ก่อน


          แหล่งข่าวกล่าวว่า "คุณหญิงจากจันทร์ส่องหล้าลงมือเองในหลายกรณีในช่วงนี้ในการเปิดเงื่อนไขแบบแทบไร้เงื่อนไขกับพรรคต่างๆ เพราะรู้ดีว่า ไม่ว่าคีย์แมนคนไหนในพรรคเพื่อไทยไปเปิดก๊อกเจรจา แต่อำนาจต่อรองแบบม้วนเดียวจบนั้น ยามนี้ขึ้นอยู่ที่คุณหญิงคนนี้เท่านั้น และเงื่อนไขเก้าอี้แบบไร้ข้อต่อรองที่เพื่อไทยเปิดไว้หลวมๆ เพื่อรวมขั้วให้ได้นั้น วันนี้ก็ขยับอยู่แต่พรรคที่ทาบทามไว้ยังไม่ตอบรับ แบบนี้ก็ต้องพยายามต่อไป


          แต่สถานการณ์เพื่อไทยวันนี้ แม้จะมีตัวเลขที่เหนือกว่าพลังประชารัฐ แต่อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ เพราะหากมีใบสารพัดสีผลิออกมาแล้วนั้น แกนนำพรรคมองว่า เพื่อไทยและอนาคตใหม่น่าจะโดนทั้งสองระบบ คือบางเขตนั้นจะโดนแขวนหนึ่งปีด้วยใบส้ม ที่จะกระเทือนการคิดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ และบางส่วนเลือกใหม่คือใบเหลืองและใบแดง แต่ก็มั่นใจในหลักฐานที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจับทุจริตคู่แข่งได้หลายกรณี หากเลือกใหม่ขั้วเพื่อไทยชนะแน่"


          “จับตาอนาคตใหม่ด้วยเพราะความเสี่ยงสูงในหลากเรื่องที่ปรากฏ รอดูว่าจะเกิดอะไรกับพรรคนั้น แต่ยังมั่นใจว่าพรรคนี้จะไม่เปลี่ยนขั้ว"


          เกมนี้ที่สองพรรคใหญ่เดินเครื่องใต้ดินในคราวนี้ ก็ต้องตามกันแบบติดๆ ว่าใครจะโผล่ขึ้นบนดินได้ก่อนกัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ