คอลัมนิสต์

หยุดใบสั่งซ้ำซาก..ชงโทษหนักขจัดคนผิดซ้ำซ้อน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย   โดย...  สุริยา ปะตะทะโย


 

          ปัญหาจราจรนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังรอการแก้ไขให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจัยหลักส่วนหนึ่งเกิดจากความ “มักง่าย” ขาดวินัย ไม่เคารพกฎจราจร แต่ละวัน แต่ละปี มียอดผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรมากมาย หลายคนเป็นผู้กระทำผิดซ้ำซ้อน การออกใบสั่ง จับปรับของตำรวจจึงวนซ้ำๆ กับเรื่องเดิมๆ และคนเดิมๆ ชนิดที่เรียกว่าของเก่ายังไม่ชำระ ใบสั่งใหม่ก็ตามมาแบบติดๆ หรือเป็นเพราะกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ต้องใช้ “ยาแรง” เพิ่มโทษให้หนักขึ้นถึงจะเห็นผล

 

 

          ด้วยเหตุนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดย พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วยผบ.ตร.) ได้เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร กรณีผู้กระทำผิดซ้ำ ตามโครงการพัฒนาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ในระยะที่ 4 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ได้สนับสนุนให้ กองบัญชาการศึกษา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (บช.ศ.) ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกระทำผิดกฎจราจรโดยใช้ระบบ ptm หรือ police ticket management มาใช้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 


          สำหรับระบบนี้จะรวบรวมข้อมูลการกระทำความผิดต่างๆ ไว้ และนำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางในการลดอุบัติเหตุ และจากการวิเคราะห์ข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า ในปี 2561 พบมีการกระทำผิดกฎจราจรและออกใบสั่งเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 3.2 ล้านครั้ง คิดเป็น 39% โดยยอดรวมของปี 2560 มีการออกใบสั่ง 8.4 ล้านครั้ง แต่ในปี 2561 มีการออกใบสั่ง 11.7 ล้านครั้ง ขณะเดียวกันจากการศึกษายังพบอีกว่า มีคนไทยที่มีใบสั่งซ้อนสูงสุด 144 ใบ ใน 1 ปี ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นรถขนส่งของภาคเอกชน ที่วิ่งขนส่งของทั่วประเทศ และถูกกล้องตรวจจับการกระทำความผิดอัตโนมัติ ในข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และรถบรรทุกไม่ขับชิดขอบทางด้านซ้าย ส่วนผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับโดนจับซ้ำรวมกว่า 1,507 ราย ภายในรอบ 4 ปี




          ทั้งนี้ทั้งนั้น พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผบช.ศ. ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า จากผลวิจัยดังกล่าวทำให้เห็นได้ว่าปัญหาใบสั่งซ้ำซ้อนเกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายเดิมนั้น ไม่สามารถบังคับใช้ได้กับทุกคน และไม่ทำให้เกิดความหวาดกลัวในการลงโทษ จนเกิดการกระทำผิดซ้ำ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังพระราชบัญญัติจราจรทางบกฉบับใหม่บังคับใช้ จะสามารถนำระบบตัดแต้มมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ขับขี่เกิดความระมัดระวังในการขับรถไม่ให้ผิดกฎจราจร จนทำให้เกิดใบสั่งซ้ำซ้อนแบบที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตการใช้ระบบการตัดแต้มไม่สามารถใช้งานได้จริง เนื่องจากใบขับขี่เป็นแบบกระดาษ และฐานข้อมูลของตำรวจกับกรมการขนส่งทางบกไม่ได้เชื่อมโยงถึงกัน แต่กฎหมายใหม่จะบังคับให้ 2 หน่วยงานต้องเชื่อมโยงฐานข้อมูล ทำให้ระบบการตัดแต้มมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้จริง


          กรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแนวทางการชำระใบสั่งที่ซ้ำซ้อนหลายใบในแบบเหมาจ่าย หรือลดราคา ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถพิจารณาปรับลดเองได้ ต้องนำเรื่องเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาลพิจารณา ส่วนข้อมูลการศึกษาที่พบว่ามีคนเมาแล้วขับซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเกิดจากตัวผู้ขับขี่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเกิดจากกฎหมายมีบทลงโทษที่ไม่รุนแรง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่เกรงกลัวกฎหมายและฝ่าฝืน โดยในที่ประชุมอยู่ระหว่างการพิจารณานำปัญหาดังกล่าวหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขบทลงโทษในข้อหาเมาแล้วขับให้หนักขึ้น เหมือนอย่างในประเทศญี่ปุ่นที่มีการลงโทษผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย ในข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิด ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง" พล.ต.ต.เอกรักษ์ อธิบาย


          แค่เคารพกฎระเบียบ มีวินัยในการขับขี่ นอกจากสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตัวเองแล้ว ยังไม่ก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แต่ต้องรอดูว่าโทษหนักขึ้นที่เตรียมเสนอมาบังคับใช้จะได้ผลแค่ไหน..!?
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ