คอลัมนิสต์

'ปปง.'ตั้งศูนย์ปราบการกระทำผิดเลือกตั้ง!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย   ทีมข่าวอาชญากรรม


 

          ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วประเทศ และรัฐบาลได้ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศมาร่วมกันใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งตามภูมิลำเนาของตัวเอง พร้อมทั้งกำหนดให้การซื้อสิทธิขายเสียงและการทุจริตในการเลือกตั้งเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งหลายหน่วยงานมีการตั้งศูนย์อำนวยการ หรือศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงการเลือกตั้ง จัดชุดทำงานสืบสวนหาข่าว เพื่อเฝ้าระวังการกระทำผิดดังกล่าว หากพบการกระทำผิดก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายในทันที

 

 

          เช่นเดียวกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน” เพื่อดำเนินการประสานและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก ส.ส. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 ซึ่งตามมาตรา 73 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม บัญญัติให้เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง. อธิบายว่า ศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะมีหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางสำหรับการประสานรับและส่งเรื่องจาก กกต. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานเพื่อขยายผลในการดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงรับหรือส่งรายงาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับคดี เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


          “ตามมาตรา 73 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการ 1.จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด 2.ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด” พล.ต.ต.ปรีชา ระบุ

 

 


          ด้วยเหตุนี้ ปปง.จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่ลงสมัครเป็น ส.ส. ขอให้ระมัดระวังการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง หรือการหาเสียงทุกรูปแบบ ในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากจะเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดและอายัดทรัพย์ได้ นอกจากนี้หากบุคคลใดมีพฤติการณ์ในการโอน หรือรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 


          พล.ต.ต.ปรีชา บอกด้วยว่า กล่าวโดยสรุปแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินแล้ว ตัวผู้กระทำความผิดเอง ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือนอมินี ที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้กระทำความผิดทุกคนก็ยังอาจต้องถูกลงโทษจำคุกในความผิดฐานฟอกเงินด้วย อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่พบเห็นผู้ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ปปง. ได้ที่สายด่วน ปปง.1710


          ว่ากันว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถือเป็นวันชี้ชะตาอนาคตประเทศ ซึ่งคนไทยผู้มีสิทธิทุกคนเป็นผู้กำหนด ฉะนั้นช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าให้มีการซื้อสิทธิขายเสียง..!! 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ