คอลัมน์... ถอดรหัสลายพราง โดย... พลซุ่มยิง
ศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) ภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ได้กำหนดแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเพื่อให้การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์-ยุติธรรมและคงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย
แผนปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานความมั่นคงระหว่าง กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมสรุปแผนการดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งในเหตุการณ์ปกติ คือ
การอำนวยความสะดวกประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และหากกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
ต้องจัดชุดเฉพาะกิจ ดูแลพื้นที่เสี่ยง-พื้นที่ล่อแหลมและพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ รวมทั้งจัดชุดรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ทั้งนี้ยังต้องเกาะติดงานด้านการข่าว เน้นความถูกต้องแม่นยำ ภายหลังมีการปลุกกระแส ‘โกงเลือกตั้ง’ อย่างต่อเนื่อง ให้จับตาสถานการณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการลงคะแนนในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 24 มีนาคม เป็นต้นไป โดยเฉพาะในห้วงการนับคะแนนและการประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากขั้นตอนดังกล่าว จะมีทั้งกองเชียร์-กองแช่ง มาเฝ้าติดตามผลการเลือกตั้ง หากออกมาไม่ตรงใจ อาจเกิดการปลุกระดมทำให้เกิดความวุ่นวาย
สำหรับปฏิบัติการ ‘เฟคนิวส์’ หรือข่าวลวง
ที่จะส่งผลกระทบให้การเลือกตั้งเกิดความไม่เรียบร้อย พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำให้ หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาตอบโต้ และเอาผิดกับบุคคลที่เผยแพร่อย่างทันท่วงที เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชนทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ขณะเดียวกันภาคใต้ถือเป็นพื้นที่น่าห่วง
ภายหลังการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลุกลามไปยัง จังหวัดสงขลา
สตูล และพัทลุง โดย พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เตรียมแผนและมาตรการรองรับสถานการณ์ แบบจัดกำลังเต็มอัตราศึก ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ หรือการจัดชุดปฏิบัติการทางอาวุธ รวมถึงชุดลาดตระเวนในแบบจรยุทธ์ ให้ปฏิบัติการทันต่อเป้าหมายเพื่อเป็นการจำกัดการเคลื่อนที่ของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่
รวมถึงการสแกนพื้นที่หน่วยเลือกตั้งทุกจุด
เส้นทางลำเลียงหีบลงคะแนนเสียงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หากประเมินแล้วมีความเสี่ยง อาจต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการลำเลียง
และถ้าเกิดกรณีฉุกเฉิน ก็จะมีชุดเคลื่อนที่เร็วทางอากาศ และภาคพื้นที่ดินคอยสนับสนุนเข้าพื้นที่ปฏิบัติการทันทีควบคู่กับการขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านติดตามความเคลื่อนไหวบุคคลที่มีหมาย ป.วิอาญา
“พล.อ.ประวิตร สั่งการให้กำชับกำลังพลทุกนายตื่นตัวในการปฏิบัติหน้าที่รักษาบรรยากาศประเทศให้เกิดความเรียบร้อย ลดเงื่อนไขที่จะกลายเป็นประเด็นให้ผู้ไม่หวังดี นำไปขยายผลและส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ภายหลัง มีการสร้างข่าวบิดเบือนทหารขนคนไปเลือกตั้ง การปลอมแปลงเอกสาร ทหารปฏิบัติการไอโอช่วยเหลือพรรคการเมืองหนึ่ง เพื่อหวังผลให้ประชาชนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งภัยแทรกซ้อนจากปัจจัยอื่น” แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ
ส่วนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส) ได้ปรับลดกำลังทั่วประเทศไปแล้ว 70% จากเดิมมี 200 กองร้อย กองร้อยละ 150 คน รวมกำลังพล 3 หมื่นนาย และนายทหารประจำกองบัญชาการ 50 นาย ปัจจุบันคงเหลือ 150 กองร้อย กองร้อยละ 70 คน
นายทหารประจำกองบัญชาการ 10 คน เพื่อสร้างบรรยากาศการเลือกตั้งและการลงพื้นที่หาเสียงของทุกพรรคการเมือง
แต่การเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม กกล.รส.จะออกมาปฏิบัติหน้าที่ 100% อีกครั้ง โดยส่วนหนึ่งได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางมาใช้สิทธิ์นอกคูหาเลือกตั้ง
และอีกส่วนได้รับคำสั่งให้ดูแลพื้นที่ตั้งของหน่วยทหารพื้นที่สำคัญทางราชการ เพื่อป้องกันมือที่สาม สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนให้เกิดขึ้น
โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ 7 ประการเดิม 1.การปฏิบัติต่อเป้าหมายบุคคลและการติดตามกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
2.การติดตามเฝ้าระวังสื่อโทรทัศน์โทรคมนาคม ระบบการติดต่อสื่อสารสถานีวิทยุชุมชน และสื่อออนไลน์
3.การควบคุมระบบคมนาคม การจัดตั้งด่านตรวจจุดตรวจ เพื่อสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย 4.การควบคุมการเคลื่อนไหวการชุมนุมบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และการบริหารงานแผ่นดิน 5.การปฏิบัติการกิจการพลเรือน 6.การปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. 7.การปฏิบัติตามนโยบายของ ผบ.กกล.รส.
นับถอยหลังอีก 3 วัน สู่การเลือกตั้ง 24 มีนาคม ที่เปลี่ยนประเทศสู่ระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางจับตามอง ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จะโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับของประชาชนในประเทศและต่างชาติหรือไม่ ???
ข่าวที่เกี่ยวข้อง