คอลัมนิสต์

เด้งตำรวจเซ่นพิษการเมือง !?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจเลือกตั้ง  โดย... มณเฑียร อินทะเกตุ 


 

          จะว่าไปแล้วการเมืองกับตำรวจแทบจะแยกกันไม่ออก เพราะในสังคมยังมองว่าบุคคลทางการเมืองกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มักจะถูกกล่าวถึงในเชิงลบ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายวาระต่างๆ ขั้วใครมา ขั้วไหนวิน ฝ่ายไหน พวกใคร ได้ดิบได้ดี เสมือนหนึ่งมีอิทธิพลร่วมกัน

 

 

          ผ่านพ้นไปแล้วหลังจากที่ตั้งตารอมานานแสนนาน สำหรับคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจวาระประจำปี 2561 ระดับ สารวัตร (สว.) ถึง รองผู้บังคับการ (รองผบก.) ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูว่าต้องเลื่อนออกไป และอาจจะส่งผลต่อการจัดวางกำลังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง ถือเป็นอีกเรื่องที่ได้รับความสนใจไม่น้อยไปกว่าความร้อนแรงทางการเมืองในปัจจุบัน


          เกี่ยวกับเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (รองผบช.สกพ.) ได้ออกมาชี้แจงแถลงไข เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา เพราะ ผบ.ตร.ได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากมีจำนวนมากทำให้ต้องมีความละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด อีกทั้งครั้งนี้มีการปรับตำแหน่งในสถานีตำรวจทั่วประเทศ 1,482 สถานี ซึ่งปรับโละ สารวัตรปราบปราม (สวป.) แต่เพิ่ม สารวัตรสอบสวน ให้เป็นไปตามนโยบายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมทั้ง “บิ๊กแป๊ะ” เอง ที่จะให้มีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพงานสอบสวน ให้มีการกำหนดตำแหน่งพนักงานสอบสวนไปตามปริมาณคุณภาพงาน จึงแต่งตั้งรวมไปในคราวเดียวกัน โดยให้ตำรวจไปรับตำแหน่งใหม่ ในวันที่ 13 มีนาคม นี้

 



          ท่ามกลางการรอลุ้นโผแต่งตั้งโยกย้ายจะออกหรือไม่ออก โดยกระแสข่าวจากแหล่งข่าวคนสำคัญในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ออกแน่ในวันที่ 6 มีนาคม ทั้งนักข่าวและนายตำรวจต่างตั้งตารอกันทั้งคืน แต่ยังเงียบ จู่ๆ วันรุ่งขึ้นกลับปรากฏคำสั่งย้าย “บิ๊กตำรวจ” จ.พะเยา ที่ลงนามโดย “บิ๊กแป๊ะ” ซึ่งเป็นคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 180/2562 ลงวันที่ 6 มีนาคม ใจความว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงให้ พล.ต.ต.อดุลย์ ดรุณเพท ผบก.ภ.จว.พะเยา มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการ ศปก.ตร.มอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

 

          การเด้งเข้ากรุครั้งนี้ว่ากันว่าเป็นผลพวงจากเรื่องร้อนทางการเมือง ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง จากกรณีที่ น.ส.อรุณี ชำนาญยา ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้หอบเอกสารหลักฐานที่ถูกชายชุดดำติดตามตลอดช่วงลงพื้นที่ ขณะที่คณะหาเสียง หรือหัวคะแนนของพรรคมักจะมีรถยนต์แปลกหน้าขับวนเวียนรอบๆบ้าน นอกจากนี้ตัวแทน หรือกลุ่มผู้หาเสียง หรือผู้สนับสนุนพรรค ยังมีโทรศัพท์ลึกลับเข้ามาข่มขู่ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่สนับสนุนพรรคและตัวผู้สมัครเป็นอย่างมาก จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแล จึงอาจเป็นความบกพร่องที่เกิดขึ้น จนไปนำไปสู่การสั่งเด้ง

 

          นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจอีกคนที่เฉียดฉิว โดย “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะที่กำกับดูแลการเลือกตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตำหนิด้วยวาจาต่อ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และสั่งให้ยุติการสำรวจความคิดเห็นหรือทำโพลล์ตำรวจในสังกัด เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้น เนื่องจากจะทำให้เกิดประเด็นและข้อครหาตามมา ซึ่งเบื้องต้น พล.ต.ต.พิเชษฐ ยืนยัน เป็นการสำรวจเฉพาะกลุ่มตำรวจ ไม่ได้สำรวจความเห็นประชาชน ทำให้ “บิ๊กปู” มองว่า ยังไม่เข้าข่ายความผิด ตามมาตรา 72 และมาตรา 157 ของกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากไม่เข้าข่ายชี้นำ หรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็น แต่จะส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาว่าเป็นความผิดหรือไม่ และคงไม่ต้องสั่งกำชับตำรวจทั่วประเทศ เพราะการตำหนิตำรวจเชียงใหม่ครั้งนี้ น่าจะทำให้ตำรวจทั่วประเทศไม่กล้าทำเช่นนี้อีก

 

          แน่นอนว่าการแต่งตั้งโยกย้ายแต่ละครั้งมีหลายคนสมหวัง และมีอีกไม่น้อยที่อกหัก แต่เป็นตำรวจต้องมีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นผู้เสียสละพร้อมทำงานได้ทุกที่ และแม้เคสเด้งเข้ากรุของผู้การฯ พะเยา ทั้งเจ้าตัวและผู้ใหญ่ในรั้วปทุมวันจะไม่มีคำอธิบายเหตุผล แต่สื่อทุกสำนักต่างฟันธงว่าเป็นเพราะพิษการเมือง..!!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ