คอลัมน์... อ๊อด เทอร์โบ..ดับเครื่องชน [email protected]
เรียน คุณอ๊อด เทอร์โบ
ผมเป็นคนเมืองกาญจน์ที่ปกติน้ำท่าอุดมบริบูรณ์มากๆ และยังมีเขื่อนด้วย แล้วหลายปีที่ผ่านมาไม่มีปัญหาเรื่องภัยแล้งเหมือนที่อื่นๆ
แต่มาปีนี้ ผมได้ติดตามข่าวสาร แล้วรู้สึกหวั่นใจ เมื่ออ่านข่าวจาก ‘คมชัดลึก’ วันก่อนว่าปีนี้จะเกิดภัยแล้งจากภาวะเอลนีโญ ซึ่งอยากรายงานเป็นสื่อกลางผ่านไปยังประชาชนว่าจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร
นักวิชาการคาดการณ์ว่าภัยแล้งปีนี้เกิดภาวะช่วงภัยแล้งยาวนานกว่าปี 2557-2558 และสภาพอากาศปีนี้เป็นภาวะเอลนีโญ ซึ่งกรมชลประทานยืนยันปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ มีน้ำใช้ในการได้ 24,095 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มีเพียงพอใช้ได้ถึงเดือนพฤษภาคม และสำรองไว้ต้นฤดูฝนบางส่วน
สถานการณ์ภัยแล้งที่มาเร็วขึ้นและได้ให้ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกร เพื่อบรรเทาผลกระทบให้น้อยที่สุด
ที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาทันท่วงทีในแนวทางทำงานแบบบูรณาการผ่านอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ เป็นประธาน บริหารงานเชิงรุกทั้งโครงสร้างภาคเกษตร
ปัญหาภัยแล้งในปีนี้ ได้เปิดปฏิบัติการฝนหลวงแล้วพร้อมกับให้กรมฝนหลวงตั้งฐานฝนหลวง 20 ชุด เพื่อปฏิบัติการให้ทั่วทุกภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเร่งชี้แจงเกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อย งดทำนาปรังต่อเนื่อง
พร้อมที่มากับภัยแล้งคือไฟป่า ซึ่งเกิดจากความแห้งแล้ง ทำให้เกิดไฟป่าได้โดยง่าย และบางทีก็เกิดจากฝีมือคนทั่วไปที่จุดไฟเผาใบไม้ หรืออื่นๆ เช่นหาของป่า, เผาป่า, หาเห็ด ฯลฯ
จดหมายของผมอาจจะทำให้ดูเป็นเรื่องธรรมดาๆ เพราะเกิดขึ้นทุกปี แต่อย่าลืมว่า ‘กันไว้ดีกว่าแก้’ นะครับ เพราะภัยแล้งนี้ทำความเดือดร้อนแสนสาหัส และไฟป่าก็จะทำให้เกิดหมอกควัน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง -น่าเป็นห่วงมากๆ ครับ
วีระชัย (กาญจนบุรี)
ตอบคุณ ‘วีระชัย’ กาญจนบุรี
ประเทศไทยของเรานี่แปลกที่สุดโลก คือ ไม่ทำอะไรที่เป็นการแก้ปัญหา หรือวางแผนทำงานระยะยาว ดังนั้น จึงเกิดเรื่องสร้างความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติ และภัยเกิดจากมนุษย์ ให้คนไทยเป็นประจำ เช่น น้ำท่วมทุกปี – เกิดภัยแล้งทุกปี – ปีแล้วปีเล่า
ยิ่งไปกว่านั้นคือ รัฐบาลได้ทุ่มเทเงินนับแสนล้านบาท เพื่อป้องกันน้ำท่วมที่เรียกว่า “การบริหารจัดการน้ำ” ซึ่งเมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ท่วมเป็นประวัติศาสตร์
พอถึงรัฐบาล คสช. นายกรัฐมนตรี ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ก็ประกาศแก้ปัญหาแบบระยะยาว ซึ่งเรียกสายหรูว่า แบบบูรณาการ มีการขุดลอกคูคลอง และอีกมากมายหลายแผนการ แต่ยังไม่มีอะไรเห็นชัดเจน
มาถึงเรื่องไฟป่าก็เช่นกัน เพราะเกิดขึ้นทุกปี และปีนี้ก็เกิดขึ้นแล้วในหลายจังหวัดทางอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งพอถึงเดือนเมษายนที่ร้อน-แห้งแล้งมากๆ ก็จะเกิดไฟป่าได้ง่าย
รัฐบาลจึงต้องวางแผน ‘ดับไฟป่า’ และ ‘ป้องกันไฟป่า’ นับตั้งแต่เวลานี้ – คนไทยไม่สนใจเท่าไร ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล หรือ นายกรัฐมนตรี
ขอเพียงให้ดูแลประชาชนตามนโยบายและคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียงและเท่าที่ดูแล้ว ไม่เห็นพรรคไหนมีนโยบายชัดเจนเรื่องภัยธรรมชาติ
“น้ำท่วม-ภัยแล้ง-ไฟป่า” เลยเป็นปัญหาโลกแตกคู่ประเทศไทยตลอดไปหรืออย่างไร ?
อ๊อด เทอร์โบ
***
‘ดับเครื่องชน’ ส่งท้ายด้วยจดหมายของคุณ ‘วิโรจน์’ บางแสน ซึ่งเป็นข่าวดีที่รอคอย จากมติมหาเถรสมาคมให้จัดระเบียบงานบวชและการสำรวมในบริเวณวัดวาอารามทั่วประเทศ
‘อ๊อด เทอร์โบ’ ขอสนับสนุน และขออนุโมทนาสาธุ และหวังว่าต่อไปงานบวช-งานวัดจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย–พอเพียง และขอความร่วมมือจากญาติโยมพุทธศาสนิกชนให้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป
อ๊อด เทอร์โบ
***
บวชแบบพอเพียง
เรียน คุณอ๊อด เทอร์โบ
ผมเป็นชาวพุทธและบวชแล้ว และทุกวันนี้ก็มีความสุขสงบ พอมีเวลาก็เข้าวัดทำบุญ ทำงาน และหากไม่มีเวลาพอก็จะสวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่กับบ้านที่ห้องพระ
ต่อมาเมื่อมีข่าวงานบวชที่วัดสิงห์ ซึ่งขบวนแห่นาคมีเรื่องราวใหญ่โต ไปทำร้ายร่างกาย-ลวนลาม เจ้าหน้าที่ครู นักเรียน จนพวกป่วนเมืองนี้ถูกจับไปเกือบหมดแก๊ง ซึ่งทราบว่าจะมีการลงโทษสถานหนักตามกฎหมาย หลายกระทง ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของคนที่อยากเห็นพวกอันธพาลได้รับโทษ
มีข่าวดีแจ้งให้ทราบว่า เมื่อต้นเดือน มส.(มหาเถรสมาคม) มีมติแจ้งให้เจ้าคณะปกครองหรือพระผู้ใหญ่ผู้ดูแลวัดวาอารามทั่วประเทศ
ต่อไปนี้ห้ามดื่มสุรายาเมาในบริเวณวัด การสูบบุหรี่ในวัดและในการบวชก็ให้เป็นไปแบบพอเพียง และฉลองใหญ่โต เรียกว่าจัดระเบียบการบวชใหม่–ดีจริงๆ ด้วย
วิโรจน์ (บางแสน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง