"เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ เทินบุษบกบนยอดเขาพระสุเมรุ" เพื่อหลวงพ่อคูณ จึงสะท้อนออกมาถึงความเชื่อที่ว่านกในตำนานโบราณตนนี้จักนำดวงวิญญาณหลวงพอคูณสู่สรวงสวรรค์เป็นแน่
ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาและความรักที่ลูกศิษย์ลูกหา ชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีอย่างเต็มล้นท้นใจ แด่ “พระเทพวิทยาคม” หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
“เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ เทินบุษบกบนยอดเขาพระสุเมรุ” เพื่อหลวงพ่อคูณ จึงสะท้อนออกมาถึงความเชื่อที่ว่านกในตำนานโบราณตนนี้จักนำดวงวิญญาณหลวงพอคูณสู่สรวงสวรรค์เป็นแน่แท้
ดังที่รู้กันว่าหลวงพ่อคูณมีความตั้งใจให้ ม.ขอนแก่น เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดการทุกสิ่งทุกอย่างภายหลังหลวงพ่อมรณภาพ นับแต่การนำสรีระสังขารของหลวงพ่อเข้าสู่กระบวนการเป็นอาจารย์ใหญ่แก่คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น
จนถึงวันนี้ในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่หลวงพ่อคูณในวันที่ 29 มกราคม 2562 ณ พุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น ตามที่สถาบันได้สร้างเมรุลอยนกหัสดีลิงค์ขึ้นเพื่อประกอบพิธีการอันสำคัญยิ่งใหญ่ ก็เป็นการสร้างขึ้นตามประเพณีโบราณที่มีไว้เฉพาะการฌาปนกิจเจ้านายชั้นสูง หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่
ดังนั้นทั้งหมดจึงผ่านการศึกษาค้นคว้าทำการสำรวจวรรณคดีโบราณ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ทั้งหมดเป็นไปตามธรรมเนียมประเพณีที่เหมาะสมดีงาม
ทั้งนี้ทีมออกแบบพยายามถอดรหัสความเป็นหลวงพ่อคูณออกมาจนพบว่าอัตลักษณ์ของหลวงพ่อไม่ใช่อื่นใดเลยนอกจาก “ความเรียบง่าย” จึงนำมาสู่แนวคิดที่จักสร้างเป็นงานศิลปะสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ผสมผสานกับรูปแบบงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ซึ่งมีรูปปั้นช้าง 4 งา ดังนั้นส่วนหัวของนกหัสดีลิงค์ จึงเป็นช้าง 4 งา ด้วยเช่นกัน
ที่สุดจึงออกมาเป็น “นกหัสดีลิงค์” ปากเป็นช้าง หางเป็นหงส์ เคลื่อนไหวได้ ส่วนลายกลีบและเกสรดอกคูนปรากฏบนตัวนก
ส่วนของการลงมือก่อสร้างดำเนินการโดยช่างสิบหมู่ ทั้งเขียน แกะ สลัก ปั้น ปูน รัก หุ่น บุ กลึง หล่อ ที่ช่างหลายสถาบันทุ่มเทสุดชีวิตอยู่ที่ริมบึงสีฐาน ม.ขอนแก่น นั่นเอง
สำหรับโครงสร้างตัวนกเป็นไม้เนื้อแข็ง สูง 22.6 เมตร นำไม้ไผ่มาทำโครงด้านนอกและใช้กระดาษสีขาวพับคล้ายการทำเปเปอร์มาเช่ หรือประติมากรรมกระดาษ ประดิษฐานบนฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 16 เมตร ประกอบด้วยนาคที่มีความยาว 5 เมตร 12 ตน และรายล้อมด้วยสัตว์หิมพานต์ 32 ตน ซึ่งทั้งหมดจะถูกเผาพร้อมกับร่างหลวงพ่อในวันที่ทำพิธีฌาปนกิจ
ภายในตัวนกหัสดีลิงค์ บรรจุเตาเผาออกแบบพิเศษ ภายในเตาเผามีกองฟืนจากไม้จิก 136 ต้น ซึ่งเป็นไม้อีสานโบราณนิยมใช้กับพระเกจิ บนเตาเผาเป็นหีบศพบรรจุสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ
หีบนั้นมี 3 โลง ประกอบด้วยโลงที่ 1 ทำด้วยไม้จันทน์หอม เป็นโลงที่บรรจุสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ส่วนโลง 2 คือโลงสเตนเลส วางบนท่อนฟืนไม้จิก ล็อกด้วยกุญแจ 4 ตัว กันเปลวไฟไม่ให้เข้าไปถึงเถ้ากระดูกของหลวงพ่อ โลงสุดท้ายคือ ประติมากรรมนกหัสดีลิงค์ ที่ครอบโลง 1 และ 2 อยู่
ทั้งนี้เมื่อฌาปนกิจแล้วร่างของหลวงพ่อจะอยู่ในโลงสเตนเลสกันเปลวไฟ และโลงจะล็อกเพื่อไม่ให้ผู้ใดสามารถเข้าถึงเถ้ากระดูกของหลวงพ่อได้ตามประสงค์ของหลวงพ่อ
วันนี้ทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมและสักการะตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา ณ พุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น
หากแต่เมื่อเข้าสู่วันที่ 29 มกราคม 2562 จะเคลื่อนย้ายสรีระสังขารหลวงพ่อคูณจากศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มายังพุทธมณฑลอีสาน ซึ่งไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปยังมณฑลพิธีได้ แต่คณะกรรมการดำเนินงานได้จัดเตรียมจุดสักการะให้ประชาชนได้วางดอกไม้จันทน์ไว้อย่างเหมาะสม
กล่าวถึงตำนานโบราณอันเป็นที่มาของ “เมรุลอยนกหัสดีลิงค์เทินบุษบกบนยอดเขาพระสุเมรุ” นั้นมีว่า สมัยโบราณหลายพันปีมาแล้ว ในนครตักกะศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานคร กษัตริย์แห่งนครนั้นถึงแก่สวรรคต ตามธรรมเนียมต้องอัญเชิญพระศพออกไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวง ในครั้งนั้นมีการแห่พระศพออกจากพระราชวังไปยังทุ่งหลวงเพื่อถวายพระเพลิง
ทว่าบังเอิญที่นกสักกะไดลิงค์ หรือนกหัสดีลิงค์ซึ่งกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารบินมาจากป่าหิมพานต์ เมื่อเห็นพระศพคิดว่าเป็นอาหาร จึงบินโฉบลงมาฉกพระศพไปต่อหน้าต่อตาพระมหาเทวี
เมื่อพระมหาเทวีเห็นเช่นนั้นก็ประกาศให้คนดีต่อสู้นกหัสดีลิงค์เพื่อเอาพระศพคืนมา หากแต่หลายคนต้องมาถูกนกหัสดีลิงค์จับกินหมด
จนกระทั่ง “สีดา” ธิดาแห่งพญาตักกะศิลา ได้เข้ารับอาสาสู้นกหัสดีลิงค์ นางได้ใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์จนถึงแก่ความตาย และตกลงมาพร้อมพระศพแห่งกษัตริย์องค์นั้น
พระมหาเทวีจึงโปรดสั่งให้ช่างทำเมรุ คือหอแก้วบนหลังนกหัสดีลิงค์แล้วเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน
อนึ่ง หลังแล้วเสร็จพิธีกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับฉันทานุมัติจากคณะดำเนินงานพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่ และครูใหญ่พระเทพวิทยาคม เป็นกรณีพิเศษ ให้สร้างเจดีย์ครอบบริเวณที่ทำฌาปนกิจสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ จะไม่มีการเคลื่อนย้าย นาคและสัตว์ป่าหิมพานต์ รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ
ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้สักการะ และรำลึกถึงพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ไปตราบนานเท่านาน
************************///******************88
//// ภาพจากเฟซบุ๊ก Khon Kaen University
ติดตามภาพทั้งหมดได้ที่ลิงค์นี้
https://www.facebook.com/pg/kkuthailand/photos/?ref=page_internal
ข่าวที่เกี่ยวข้อง