คอลัมน์... กระดานความคิด โดย... ร่มเย็น
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ออกเอกสารแถลงข่าวชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำวินิจฉัย คดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในเอกสารแถลงข่าวดังกล่าวยังมีการทำตารางเปรียบเทียบระหว่าง คดีรถโฟล์กสวาเกน ของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม กับคดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร อีกด้วย เหตุเพราะว่าหลังจากที่คณะกรรมการป.ป.ช. ได้วิินิจฉัยคดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร ได้มีการวิจารณ์กัน โดยนำคดีนี้ไปเทียบเคียงกับคดีรถโฟล์กสวาเกนของนายสุพจน์ ว่าทั้งสองคดีเป็นคดียืมทรัพย์สินจากเพื่อนเหมือนกัน ทำไมคดีหนึ่งป.ป.ช. วินิจฉัยว่าผิดแต่อีกคดีกลับวินิจฉัยว่าไม่ผิด
และหลังจากที่ได้อ่านตารางการเทียบเคียงคดีรถโฟล์กกับคดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร ที่สำนักงานป.ป.ช.จัดทำขึ้น ซึ่งแบ่งประเด็นเทียบเคียงออกเป็น 5 ประเด็น คือ 1.พฤติการณ์การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เป็นเหตุให้ต้องวินิจฉัย 2.พฤติการณ์การครอบครองและการใช้ประโยชน์ทรัพย์สิน 3.หลักกฎหมายที่ปรับใช้แก่คดี 4.บทสันนิษฐานการเป็นเจ้าของ และ 5.ข้อวินิจฉัยแล้ว (ต้องบอกตรงๆ โดยไม่เหนียมอายว่า) การชี้แจงอธิบายเกี่ยวกับเหตุผลที่ป.ป.ช.ยุติการสอบสวนและตีตกคดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร ฟังขึ้น
ซึ่งคดีรถโฟล์กของนายสุพจน์ และคดีนาฬิกาหรูของพล.อ. ประวิตร นั้น เมื่อดูจากตารางเทียบเคียบของทั้ง 2 คดีที่ สำนักงานป.ป.ช.จัดทำขึ้น แล้วเรานำมาสกัดเองอย่างละเอียดเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ ก็จะพบว่ามี “ความเหมือน” และ “ความต่าง” ดังนี้
เริ่มที่ “ความเหมือน” ของทั้ง 2 คดีกันก่อน โดยข้อเหมือนของคดีรถโฟล์กนายสุพจน์ และคดีนาฬิกาหรูของพล.อ. ประวิตร มีอยู่ด้วยกัน 2 ข้อ คือ
ข้อ 1.ข้อหาเหมือนกัน คือทั้งคู่โดนกล่าวหาว่าปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
ข้อ 2.ต่อสู้ว่าได้ทรัพย์สินมาจากการยืมเพื่อน
ส่วน “ความต่าง” มีด้วยกันหลายข้อ
ข้อ 1.นายสุพจน์ โดนหลายคดี โดยคดีหลักคือคดีร่ำรวยผิดปกติ ส่วนคดีปกปิดบัญชีทรัพย์สินเป็นเพียงคดีรอง เมื่อนายสุพจน์ โดนป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติในคดีหลัก ก็ย่อมโดนชี้มูลว่ามีความผิดฐานปกปิดบััญชีทรัพย์สินในคดีรองไปด้วย
ส่วนพล.อ.ประวิตร โดนแค่การกล่าวหาว่าปกปิดบัญชีทรัพย์สิน เพียงคดีเดียว และคดีอยู่ในชั้นที่ป.ป.ช.ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ก่อนที่จะถูกตีตก
ข้อ 2.ทรัพย์สินที่นายสุพจน์ ถูกกล่าวหาว่าปกปิดบัญชีทรัพย์สินนั้น ไม่ได้มีแค่รถโฟล์กเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ ทั้งเงินสด เงินฝาก ทองคำ ดังนั้นการที่นายสุพจน์ โดนป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินไม่ได้เกิดจากกรณีรถโฟล์กอย่างเดียว แต่เกิดจากการปกปิดทรัพย์สินอื่นด้วย ส่วน พล.อ.ประวิตร มีแต่เรื่องนาฬิกาหรู
ข้อ 3.มีการยึดรถโฟล์กได้ที่บ้านของนายสุพจน์ แต่นาฬิกาหรูมีเพียงแต่ภาพถ่ายนาฬิกาหรูที่ถ่ายภาพได้ขณะ พล.อ.ประวิตร สวมใส่ที่ข้อมือ ไม่ได้มีการยึดนาฬิกาหรูได้ที่บ้านของพล.อ.ประวิตร และมีการคืนนาฬิกาหรูให้เพื่อนไปแล้ว
กรณีของนายสุพจน์ หากมีแต่เพียงภาพถ่ายขณะที่นายสุพจน์ขับรถโฟล์ก โดยที่รถโฟล์กไม่ได้อยู่ในบ้านนายสุพจน์และไม่ได้มีการยึดรถโฟล์กได้ที่บ้านนายสุพจน์ ข้อต่อสู้ของนายสุพจน์ที่ว่ารถโฟล์กเป็นของเพื่อนที่ยืมมาก็อาจฟังขึ้นเหมือนกับกรณี พล.อ.ประวิตร
ข้อ 4.คณะทำงานของป.ป.ช.ได้ไปตรวจพบนาฬิกาหรูจำนวนมากที่บ้านของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนของพล.อ. ประวิตร และพล.อ.ประวิตร อ้างว่ายืมนาฬิกาหรูมาจากนายปัฐวาท และพบนาฬิกาที่ตรงกับภาพถ่ายที่เป็นข่าวจำนวน 20 เรือน และพบเอกสารใบรับประกันนาฬิกาที่บ้านของนายปัฐวาท
ส่วนกรณีของนายสุพจน์ไม่ได้มีการยึดรถโฟล์กได้ที่บ้านของคนที่นายสุพจน์ อ้างว่ายืมมา แต่กลับยึดรถโฟล์กได้ที่บ้านนายสุพจน์
ข้อ 5.พยานบุคคลในคดีที่กล่าวหานายสุพจน์ให้การเป็นโทษต่อนายสุพจน์ โดยมีนายเอนก ให้ถ้อยคำต่อ ป.ป.ช.ว่า เป็นคนซื้อรถโฟล์กคันดังกล่าวให้ภรรยานายสุพจน์ คำให้การของพยานปากนี้จึงมัดนายสุพจน์ เพราะถูกมองว่าซื้อให้ภรรยานายสุพจน์ก็เหมือนซื้อรถให้นายสุพจน์ เพื่อตอบแทนเชื่อมกับผลประโยชน์ของนายสุพจน์ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ในขณะที่พยานในคดีที่กล่าวหาพล.อ.ประวิตร ให้การเป็นคุณแก่พล.อ.ประวิตร โดยมีพยานบุคคลให้ถ้อยคำว่านายปัฐวาท เป็นคนชอบสะสมนาฬิกาและเป็นเพื่อนสนิทกับพล.อ.ประวิตร จึงมักให้พล.อ.ประวิตร ยืมนาฬิกาไปสวมใส่เป็นประจำ อีกทั้งไม่มีพยานบุคคลแม้แต่คนเดียวให้การต่อป.ป.ช.ว่านาฬิกาหรูตามภาพถ่ายเป็นของพล.อ.ประวิตร
และคดีที่กล่าวหาพล.อ.ประวิตร เป็นคดีอาญา เมื่อพยานหลักฐานไม่ชัดเจนตามข้อกฎหมายก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ผู้ถูกกล่าวหา
ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมของคดีซึ่งก็ต้องบอกว่า พล.อ.ประวิตร “เคลียร์” แต่เป็นการ “เคลียร์” ตามพยานหลักฐานของคดีและข้อกฎหมายเท่านั้น
ส่วนในเรื่องของสังคมอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะได้มีข้อสรุปต่อประเด็นพล.อ.ประวิตร ในเรื่องนาฬิกาหรูไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะพยายามอธิบายในรายละเอียดของคดีในเรื่องของพยานหลักฐานและข้อกฎหมายก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง