คอลัมนิสต์

'บิ๊กโจ๊ก' โนแคร์..ถูกมองเตะตัดขา 'เพื่อไทย'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจเลือกตั้ง  โดย... มณเฑียร  อินทะเกตุ 


 

          นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักนายพลสีกากีที่ชื่อว่า “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เพราะปรากฏตัวออกสื่อแทบทุกวัน เนื่องจากเป็นมือปราบอาชญากรรม จับผู้กระทำผิดกฎหมายแทบจะทุกรูปแบบมาดำเนินคดี ทำงานสนองนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณี่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะในแวดวงสีกากีและคอการเมือง พ.ศ.นี้ ต่างรู้ดีว่า “บิ๊กโจ๊ก” เป็นลูกน้องคนสนิทของ “บิ๊กป้อม” ซึ่งเจ้าตัวก็พูดชัดว่า “ที่งานราบรื่นเพราะบารมีของท่าน พล.อ.ประวิตร” จึงไม่แปลกที่จะถูกจับจ้องเกี่ยวกับบทบาทในห้วงของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

 


          การปราบปรามผู้มีอิทธิพล นายทุนปล่อยกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด ยึดโฉนดที่ทำกินของประชาชน ถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบ เป็นงานใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องคืนความสุขให้ประชาชน ด้วยการคืนความเป็นธรรม นำโฉนดที่ทำกลับคืนให้ประชาชนที่เป็นลูกหนี้ และให้นโยบาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เร่งดำเนินการ ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก” ก็ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานสำคัญนี้ เพราะนอกจากหน้าที่หลักโดยตำแหน่งก็ยังมีบทบาทเป็นรองผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองผอ.ศปอส.ตร.) จัดกำลังนำทีมลงพื้นที่ปราบปรามด้วยตัวเอง นำโฉนดที่ดินคืนให้ชาวไร่ชาวนา โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งว่ากันว่าเป็นพื้นที่ “คนเสื้อแดง” และฐานเสียงหลักของตระกูล “ชินวัตร” สำหรับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปราบนายทุนเงินกู้นอกระบบเอาโฉนดคืนลูกนี้ เป็นปฏิบัติการหาเสียงให้รัฐบาล คสช.

 


          แม้จะถูกวิจารณ์หรือตั้งข้อสังเกตเรื่องทำคะแนนนิยมให้รัฐบาลคสช. เพื่อหวังต่อยอดผลทางการเมืองในอนาคตของ “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” แต่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็ยืนยันว่า ดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะรัฐบาลทราบดีว่านี่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วนของพี่น้องประชาชน เพราะถูกเอารัดเอาเปรียบไม่ได้รับความเป็นธรรม สิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องที่ดี ทำตามหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คืนความสุข คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน ไม่ได้มุ่งหวังผลทางการเมืองแต่อย่างใด 

 


          เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม คล้อยหลังปีใหม่ 2562 ไม่กี่วัน “บิ๊กโจ๊ก” ถูกแวดวงการเมืองพูดถึงอีกครั้งถึงขั้นที่ว่าเป็นปฏิบัติการ “เตะตัดขาพรรคเพื่อไทย”!? เพราะทีม ศปอส.ตร. ภายใต้การควบคุมของ “บิ๊กโจ๊ก” นำหมายศาลบุกจับ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัครที่จะลงสู้ศึกเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.บุรีรัมย์ ระหว่างที่ นายพรชัย พร้อมว่าที่ผู้สมัครอีก 3 คน ได้พา “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคลงพื้นที่พบปะประชาชนและเปิดเวทีปราศรัยนโยบายพรรคที่ อ.ลำปลายมาศ ก่อนควบคุมตัวไปที่สภ.นางรอง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายศาลในคดีเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ 

 


          สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้นายพรชัยไม่สามารถเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยและพบปะประชาชนที่บริเวณศูนย์ประสานงานพรรค อ.นางรอง ที่มีพี่น้องประชาชนมารอฟังการปราศรัยได้ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงชาวบ้าน ต่างตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ เพราะมีการเข้าจับกุมในวันที่ “เจ๊หน่อย” ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ที่มีการส่งว่าที่ผู้สมัครลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้..!

 


          “มีหลายคนโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจับกุมว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย พูดถึงผมว่าไปเตะตัดขาพรรคเพื่อไทย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่การไปกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือไปเตะตัดขาใคร เราดำเนินการตามกฎหมาย ไปจับตามหมายศาล ทำทุกอย่างตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายหมด แต่บังเอิญผู้ต้องหาเป็นอดีตส.ส. และเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา ข้าราชการ หรือแม้แต่ผู้สมัคร ส.ส. ไม่ว่าจะพรรคไหน ถ้าทำผิดกฎหมายจับกุมหมด ไม่มีละเว้น ต่อให้เป็นพรรคที่มีนโยบายสนับสนุนให้ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ผมก็ไม่ปล่อยไว้ถ้ากระทำผิดกฎหมาย ไม่มีเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น ก็ไม่เป็นไรที่จะถูกมองว่าไปเตะตัดขา ทำสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายก็พอ เพราะคงไปห้ามความคิดใครไม่ได้ ใครจะรักใครเชียร์พรรคไหน ก็อยู่ที่อำนาจตัดสินใจของประชาชน ซึ่งท่านนายกฯ และรองนายกฯ ก็สั่งกำชับให้ดำเนินการด้วยความเป็นกลาง บริสุทธิ์เที่ยงธรรม” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุ

 


          สำหรับความกังวลเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าวจะมาสวมบัตรประชาชนคนไทยใช้สิทธิ์เลือกตั้ง “บิ๊กโจ๊ก” บอกว่าเรื่องนี้หายห่วงไม่ต้องกังวล เพราะสตม.ดำเนินการปราบปรามบุคคลที่โอเวอร์สเตย์เป็นศูนย์ พร้อมกำชับด่านเข้าออกประเทศ ทั้งช่องทางปกติและช่องทางธรรมชาติอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญกำลังตำรวจตม.ที่มีอยู่ทั่วประเทศต้องวางตัวเป็นกลาง สนับสนุนงานกับฝ่ายความมั่นคงทั้งของตำรวจและทหาร รวมทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งช่วงเวลาปกติก็ดำเนินการอยู่แล้ว รวมทั้งเร่งทำบัญชีบุคคลสองสัญชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ต้องทำบัญชีให้ตรงกันกับทางการมาเลเซีย โดยมีการหารือและทำข้อตกลงกับ ผบ.ตร.ของมาเลเซียไปแล้วเช่นกัน

 


          ด้วยความที่ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นนายตำรวจใกล้ชิดรัฐบาล โดยเฉพาะที่ลูกน้องคนสนิท “บิ๊กป้อม” จะขยับไปไหน ทำอะไร จึงถูกฝ่ายที่อาจจะเสียผลประโยชน์ทางการเมืองจับจ้องเป็นกรณีพิเศษ..!!
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ