คอลัมนิสต์

ทักษิณครอบงำพรรค? กกต.ต้องชัดยุบไม่ยุบ! 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย... ลมใต้ปีก

 

 

          ข่าวการครอบงำพรรคการเมืองที่อาจจะส่อไปในทางขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กลับมาอีกครั้ง เมื่อ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช. = ทักษิณ ชินวัตร) เปิดประเด็นว่า ถูกเจ้าหน้าที่จาก กกต. เรียกสอบถามข้อมูลที่เขาเดินทางไปพบทักษิณ ชินวัตร ในต่างแดน กกต.กำลังตั้งประเด็นการที่บุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำหรือบงการพรรคการเมือง ซึ่งจะเข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 29 ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใด ซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใด อันเป็นการควบคุม ครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม” และหากกระทำตามมาตรา 29 ดังกล่าว อาจมีโทษยุบพรรคการเมือง ตามมาตรา 92 ในกฎหมายเดียวกัน 

 


          ประเด็นการสอบข้อเท็จจริงการครอบงำพรรคการเมืองนั้น กกต.ตั้งคณะทำงานสอบสวนตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินไล่ส่งสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่กำลังจะย้ายพรรคออกไปเมื่อกลางปีที่ผ่าน พร้อมระบุว่า มีคนใหม่ๆ รอลงเลือกตั้งแทนและขออวยพรให้คนที่ออกไป “ไปดีเถอะนะ...” 


          คณะทำงานดังกล่าวยังไม่ได้ยุติเรื่อง และมีเรื่องใหม่มาสมทบ รวมทั้งประเด็นการเรียกร้องของพรรคไทยรักษาชาติ ที่จะ “เอาทักษิณกลับบ้าน” เช่นเดียวกับที่ ยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ที่รณรงค์ในการปราศรัยว่า “เลือกเพื่อชาติ เพื่อเอาทักษิณ กลับบ้าน” 


          พฤติกรรมที่ต่อเนื่องของพรรคการเมืองเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร มีร่องรอยบ่งชี้ทั้งวัตถุประสงค์และการดำเนินการของพรรค ที่ “เพื่อทักษิณ” ก็น่าจะเพียงพอในการเป็นเหตุจูงใจในการก่อตั้งและครอบงำพรรคการเมืองที่ส่อไปในการขัดต่อพระราชบัญญัติพรรคการเมือง 


          ดังนั้น กกต.ซึ่งเป็นองค์กรที่ควบคุมและกำกับพรรคการเมืองให้ดำเนินกิจกรรมไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย ต้องมีความกล้าและความชัดเจนในการสอบสวนและชี้มูล เพื่อส่งหรือไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าสมควรยุบพรรคในเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ 


          ยิ่งการเปิดเกมรุกครั้งใหม่ด้วยการจัดรายการ Good Monday ของทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มต้นเมื่อจันทร์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา เจตนาเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากการช่วยเหลือพรรคในเครือข่ายต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงอย่างมิต้องสงสัย ยิ่งสะท้อนได้ชัดว่า ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองเหล่านี้ 


          กกต.จะปล่อยให้ทั้งพรรคการเมืองในเครือข่ายและคนอยู่เบื้องหลัง ทำผิดกฎหมายแล้วลอยนวล สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไม่ได้ หาก กกต.ทั้ง 7 เพิกเฉย จงระวัง! จะมีคนไปร้องว่า กกต.จงใจปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา 


          จำได้หรือไม่ว่า กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และคณะ ถูกจำคุกในความผิดตามกฎหมายนี้มาแล้ว จงดูบทเรียนให้ดี... 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ