ทำไม "บิ๊กตู่" ยังอุ้ม "บิ๊กป้อม"?

 

                “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกถล่มอีกครั้ง จาก “คำพูดเป็นพิษ” กรณีให้ความเห็นเรื่องระเบิดโรงแรมไทยที่เคนย่า “อาหารอร่อยมั้ง” 

 

 

                ท่ามกลางกระแสร้อนฉ่า โดยเฉพาะในโลกโซเชียล คำถามเดิมวนกลับมา...ทำไม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอุ้ม พล.อ.ประวิตร ?

 

 

                และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คำถามนี้เกิดขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร มีสภาพเป็น “ตำบลกระสุนตก” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด

                กรณีล่าสุดที่โด่งดังไปทั่วโลก คือ “ยืมนาฬิกาเพื่อน” ที่สุดท้าย ป.ป.ช. ตัดสินมาว่า ไม่มีมูลความผิด

 

(อ่านต่อ..." นาฬิกาหรู" จบ !! ป.ป.ช. ตีตก "บิ๊กป้อม"คลีน)

 

(อ่านต่อ..."บิ๊กป้อม"เฮ"ป.ป.ช."ไม่รับไต่สวน ปมเช่าเหมาลำ20ล้านไป"ฮาวาย")

 

                ถึงแม้ประธาน ป.ป.ช. ซึ่งเคยเป็นคนสนิททำงานใกล้ชิดกับ “บิ๊กป้อม” จะไม่ได้ร่วมพิจารณาด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียงครหาต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.หมดไป

                ผู้ติดตามข่าวสารการเมืองในรอบทศวรรษนี้ ย่อมรู้จักชื่อคณะทหารกลุ่มหนึ่งที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดคือ กลุ่มพี่น้อง “บูรพาพยัคฆ์”(นายทหารที่เติบโตมาจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์)

                “บิ๊กป้อม” ได้ชื่อว่าเป็น “พี่ใหญ่” ของนายทหารกลุ่มนี้

                สำหรับรัฐบาล คสช. “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” คือ “หัวเรือใหญ่” ที่มีส่วนสำคัญในการคิด วางเกม ทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 จนสำเร็จลุล่วงและเป็นตัวตั้งตัวตีจัดตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศ และเขียนกรอบให้ฝ่ายการเมืองเดินตามโรดแม็พที่วางไว้จนมาถึงทุกวันนี้

                สองหัวเรือใหญ่นี้ ต่างมีจุดเด่น จุดด้อย ที่คอยเติมเต็มในส่วนที่ขาด

                พล.อ.ประยุทธ์ แม้ไม่ได้มีคอนเนคชั่นกว้างขวาง แต่อาศัยบุคลิคที่โดดเด่น พูดจาตรงไปตรงมา เรียกความนิยมชมชอบและคะแนนเสียงจากประชาชน รวมถึงบทบาทในเวทีระดับประเทศก็ไม่ได้ขี้เหร่

                ส่วน พล.อ.ประวิตรแม้ไม่มี พ่อยก แม่ยก แต่เป็นมือประสานสิบทิศพูดคุยกับกลุ่มการเมือง นักธุรกิจ และยังเป็นที่เคารพนับถือจากทหาร ตำรวจ

                ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่น ที่เป็นมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง ตั้งแต่รับราชการทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ยาวนานกว่า50 ปี เป็นจุดแข็งสำคัญ ทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง กำกับดูแล ข้าราชการทหาร ตำรวจ ไม่ให้ใส่เกียร์ว่าง แต่ให้เป็นมือเป็นไม้ ควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบ และผลักดันงานต่างๆ

                ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสมาตลอด ตั้งแต่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในกองทัพ การปรับย้ายนายทหารตำรวจ การใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านในการเช่าเหมาลำการบินไปกับประชุมที่ฮาวาย และล่าสุด “นาฬิกาหรู” ที่ไม่ปรากฏในรายการบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.

                มีการมองกันว่า หากเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ดวงจันทร์ ค่อยส่องสว่างในช่วงกลางคืน พล.อ.ประวิตร คือ ดวงอาทิตย์ ส่องสว่างในเวลากลางวัน

 

 

                 ถามว่า ทำไมเปรียบ “บิ๊กตู่” เป็นดวงจันทร์ น่าจะเป็น “ดวงอาทิตย์” ซึ่งร้อนแรงกว่าไหม

                ถ้าตอบแบบขำๆ ก็ต้องบอกว่า ดูที่นามสกุลบิ๊กตู่ซิ... “จันทร์โอชา” จะให้เป็น “พระอาทิตย์” ได้อย่างไร

                แต่ถ้าดูที่เนื้อหาสาระจริงๆ คนที่ติดตามพี่น้องคู่นี้มาตลอด ยังยืนยันว่า “บิ๊กป้อม” ก็เหมาะที่จะเป็น “พระอาทิตย์”

                และหากดวงอาทิตย์ดับลงสักดวงนั้นหมายความว่า เสถียรภาพรัฐบาล คสช.ย่อมสั่นคลอนแน่นอน

                พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทราบถึงข้อเท็จจริงตรงนี้ดี จึงยื่นมือเข้ามาประคับประคองและปกป้อง พล.อ.ประวิตร ในยามพลาดพลั้ง และบางครั้ง “บิ๊กตู่” ต้องออกปากปรามสื่อ ให้ลดราวาศอก ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ

 

 

(อ่านต่อ..."บิ๊กตู่" บอก "บิ๊กป้อม" "อยู่กับผมไปทั้งชาติ"!!)

 

                นอกจากความเป็นพี่เป็นน้องที่คลานตามกันมาจาก “บ้านทหารเสือ” กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ “บิ๊กป้อม” ยังมีความสำคัญอะไรอีกในการรักษาอำนาจ และการเป็นนายกฯของ “บิ๊กตู่”

                คนที่ติดตามเส้นทางชีวิตราชการของกลุ่มพี่น้อง “บูรพาพยัคฆ์” มาอย่างต่อเนื่อง จะรู้ดีว่า พล.อ.ประวิตร มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนทหารอาชีพทั่วไป และแตกต่างจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์

                “บิ๊กป้อม” มีความเป็น “ทหารการเมือง” มาตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สมัยรัฐบาลทักษิณ

                หลังจบนายร้อย จปร. “บิ๊กป้อม” ประจำการที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (บ้านทหารเสือ) ชลบุรี จนถึงปี 2523 เป็นรองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์

                ปี 2524 ย้ายมาอยู่แถวปราจีนบุรี และสระแก้ว ระหว่างนั้น “บิ๊กเหวียง” พล.อ.พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็นเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ทัั้งคู่จึงสนิทชิดเชื้อกันยิ่งนัก

                เมื่อ “บิ๊กเหวียง” เป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็ผลักดัน “น้องป้อม” เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และขยับเข้ามาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพน้อยที่ 1

                ปี 2547 “บิ๊กเหวียง” เป็นรัฐมนตรีกลาโหม “บิ๊กป้อม” ก็ได้นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก

                จริงๆแล้ว พล.อ.ประวิตร เป็นคนมีบุคลิกผู้นำและมีมนุษยสัมพันธ์ดี จึงได้เป็นประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 (ทบ.) มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน

                นอกจากนี้ “บิ๊กป้อม” ยังสานสัมพันธ์กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และได้ก่อรูป "เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น” ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจ และนักการเมืองมาอยู่ในกลุ่มนี้

                ด้วยเหตุนี้ “บิ๊กป้อม” จึงคุ้นเคยกับนักการเมืองสาย ไม่เฉพาะสายพรรคไทยรักไทยเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงพรรคการเมืองอื่นๆ

 

(อ่านต่อ..."บิ๊กป้อม" ปราการนี้ยังแกร่ง !!)

 

                ปลายปี 2551 พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ ใช้กองบัญชาการสำรอง ด้านหลังตึกบัญชาการของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ (ร.1 พัน 1 รอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต เป็นสถานที่จัดตั้ง ‘รัฐบาลพลิกขั้ว’ ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

                ในวันที่ไม่มีหัวโขนรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ก็ยังใช้บ้านพัก และที่ตั้งมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ภายในค่ายทหาร ร.1 รอ. เป็นที่ทำงาน และนัดพบเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ

                ที่สำนักงานมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ได้แปรสภาพเป็นศูนย์รวม “กลุ่มเพื่อนประวิตร” ที่มิได้มีเพียงเพื่อนร่วมรุ่นจากเซ็นคาเบรียลเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงนักการเมือง และนักธุรกิจจากหลายกลุ่มก๊วน

                รวมทั้งเครือข่าย “สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน” ที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และไพศาล พืชมงคล เป็นแกนหลัก ได้มีการเชื่อมต่อกับ “บิ๊กป้อม” มาแบบเงียบๆ จนหลังรัฐประหาร “สมคิด” จึงได้เป็นทีี่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ คสช.

                มาวันนี้ “บิ๊กป้อม” ผลักดันให้ “สมคิด” รองนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด เนื่องจาก “พี่น้อง 3 ป.” มีเดิมพันอำนาจในอนาคต

                แม้จะมีเสียงวิจารณ์ พล.อ.ประวิตร มีจุดอ่อนอย่างไร? แต่พล.อ.ประยุทธ์ ก็รักและศรัทธาในตัวพี่ใหญ่ “ผู้มีแต่ให้” ในสายตาของน้องๆ นักรบบูรพา

 

(อ่านต่อ..."บิ๊กตู่" อ้อน "รักรองนายกฯด้วย" ขอโทษหากผิดพลาด)

 

                เหนืออื่นใด “บิ๊กป้อม” คือจุดแข็งทางการเมืองของ คสช. หากไม่มี “พี่ใหญ่” คนนี้ ก็ไม่มีมือประสานสิบทิศที่ถนัด ทั้งเกมบนโต๊ะและใต้โต๊ะ

 

 

***********************

เรื่องโดย คมชัดลึกออนไลน์

 

ดูคลิป