คอลัมนิสต์

ประชันนโยบายศึกษาเดินพันอนาคตชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย... พรทิพย์ ทองดี

 

 

   

          ในที่สุด “พรรคเพื่อไทย” ก็ได้เสนอนโยบายด้านการศึกษาออกมาฟาดฟันกับพรรคอื่นๆ ในช่วงหาเสียงแล้ว โดยพรรคเพื่อไทยใช้โอกาสในช่วงวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา จัดการเสวนาเรื่องการศึกษาเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ขึ้นในหัวข้อ “นโยบายการศึกษา และเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กและเยาวชน” ภายในงานมีสมาชิกของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และตัวแทนเยาวชน ร่วมรับฟังวิสัยทัศน์และนโยบายของทางพรรค

 


          โหมโรงนโยบายศึกษาของพรรคเพื่อไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท คือ “การปรับตัวของประเทศเพื่อรองรับเด็กและเยาวชน Gen Z” “ทิศทางและนโยบายการศึกษาของพรรคเพื่อไทย” และสุดท้ายได้เปิดโอกาสให้เยาวชนและสื่อมวลชนได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์พร้อมตอบข้อซักถาม


          ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้นำเสนอแนวคิดในหัวข้อ “การปรับตัวของประเทศไทยเพื่อรองรับเด็กและเยาวชน Gen Z” ว่า ทางพรรคได้มองถึงเด็กและเยาวชนที่กำลังเติบโตขึ้น ทั้งยังเป็นกำลังพัฒนาของประเทศที่สำคัญ พรรคเพื่อไทยจึงคิดว่าเราจะต้องเตรียมความพร้อม เตรียมการรับมือ เพื่อให้เด็กที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาในสังคมนี้ พร้อมรับกับการพัฒนา 


          เด็ก Gen Z หรือ Generation Z  เกิดในช่วงปี 2540 จนถึงปัจจุบัน มีอายุอยู่ในช่วง 0 ถึง 21 ปี และเด็ก Gen Z รุ่นแรกกำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน 

          

          “เด็กและเยาวชนในยุคนี้เกิดมากับพ่อแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน พวกเขาเติบโตขึ้นมาและได้รับการเลี้ยงดูมาจากเทคโนโลยี ซึ่งแตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมาอย่าง Generation Y หรือ Gen Y ที่จะหาจุดสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของพวกเขา แล้วยุคต่อไปจะกลายเป็นยุคแห่งผู้ประกอบการยุคใหม่ เพราะว่าคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ชอบการเป็นลูกน้องใคร สามารถสร้างเงินผ่านความคิดสร้างสรรค์ของตนเองได้โดยใช้เทคโนโลยี หาทางลัดให้ตัวเองสร้างทางพิเศษที่รวดเร็ว ไม่ต้องการที่จะไต่เต้าจากส่วนล่างของสังคมโดยการเป็นพนักงานกินเงินเดือนแล้วค่อยไปสู่ผู้บริหาร พวกเขาต้องการความสำเร็จที่รวดเร็ว และไม่ชอบการถูกบังคับให้อยู่ในกรอบ ไม่ชอบอยู่ในเงื่อนไข แล้วก็ไม่ชอบงานประจำ ชอบองค์กรในแนวราบมากกว่าองค์กรในแนวดิ่ง และนี่ก็คือลักษณะของ Gen Z ที่พรรคเพื่อไทยได้ทำการศึกษามา”


0000000


          สร้างทางลัดรับGEN Z
          ดร.เผ่าภูมิ บอกว่า พรรคเพื่อไทยได้เสนอการเตรียมความพร้อมประเทศเพื่อรองรับเด็ก Gen Z ไปกับ “เพื่อไทย” คือ


          - เปลี่ยนรัฐที่ควบคุมเป็นรัฐที่ให้สนับสนุน “รัฐควรจะใหญ่ในที่ที่ควรจะใหญ่ แล้วก็ควรจะเล็กในที่ที่ควรจะเล็ก อย่างการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่มักจะติดปัญหาอยู่ที่เรื่องการขอใบอนุญาต ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่ศักยภาพของพวกเขาถูกจำกัดด้วยใบอนุญาต อันนี้เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น”


          - ต้อนรับเทคโนโลยีอย่างเป็นผู้นำ พรรคเพื่อไทยจะ “ขี่เสือแห่งเทคโนโลยีด้วยแนวคิดที่แตกต่าง”


          - สร้างทางลัด สร้างโอกาส สร้างช่องทางให้ Gen Z “Sharing Economy ที่ไม่ใช่แค่แชร์สินทรัพย์” เพราะพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ทักษะของมนุษย์จะสามารถแชร์และใช้งานร่วมกันผ่านทางเทคโนโลยีได้


          - ลดการผูกขาดด้านเทคโนโลยี และเอาเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใส่มือผู้ประกอบการรุ่นใหม่
          - ยกระดับนวัตกรรมของประเทศ ให้ทัดเทียมกับประเทศที่เจริญแล้ว
          - พลิกโฉมระบบการทำงาน ลดชั่วโมงการทำงานที่ไม่จำเป็น เพิ่มศักยภาพการทำงานต่อชั่วโมง
          - สร้างการศึกษาศักยภาพสูง ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิต ลงทุนในเด็กและเยาวชน เตรียมความพร้อมประเทศ เพื่อรองรับศักยภาพที่จะเกิดขึ้นเอง


          สำหรับแนวคิดนโยบายด้านการศึกษาคือ “มุ่งพัฒนาคนให้ทันโลก ไม่ทิ้งลูกหลานไทยไว้ข้างหลัง” โดยนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวในการเสวนาว่า แนวคิดทำนโยบายการศึกษาของพรรคนั้น จะมุ่งพัฒนาคนให้ทันโลกไม่ทิ้งลูกหลานไทยไว้ข้างหลัง โดยนโยบายจะแก้ปัญหาพื้นฐานสำคัญ 3 เรื่องคือ 1.สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เด็กไทยไม่ว่าจะยากดีมีจน ถ้าอยากเรียนต้องได้เรียน 2.ยกระดับคุณภาพการศึกษาทุกช่วงชั้น ตั้งแต่เด็กอ่อน จนถึงมหาวิทยาลัย และ 3.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การใช้งบประมาณ และกระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้โรงเรียน ชุมชน เข้าร่วมจัดการศึกษา


          จากแนวคิดดังกล่าวพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายที่จะทำให้คนไทยมีสมรรถนะและทักษะการคิดวิเคราะห์ มีทักษะสูงถึง 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ จีน เรียนจบแล้วมีงานทำ โดยเฉพาะอาชีวศึกษา ให้คนเรียนมีฝีมือและทักษะตามที่ตลาดต้องการ พรรคเพื่อไทยได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการศึกษาปฐมวัยหรือเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 8 ขวบ เพราะการศึกษาของเด็กเล็กเปรียบเสมือนเสาเข็มแรกของชีวิต


000000


          ปฏิรูปสูตรเพื่อไทย
          แนวคิดเชิงนโยบายบางส่วนของพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้ปัญหาการศึกษาไทย ประกอบด้วย
          1. เรียนฟรี 15 ปีต้องฟรีจริง


          2. ไม่ทิ้งเด็กไทยไว้ข้างหลัง เด็กจะยากดีมีจนต้องได้เรียนหนังสือ สนับสนุนให้นักเรียนที่ออกจากโรงเรียนเพราะยากจนให้เรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนให้เด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษากลับเข้าสู่ระบบการศึกษาและพัฒนาอาชีพ


          3. แปดปีชี้ทางชีวิต เพิ่มงบประมาณ และให้ความสำคัญการศึกษาปฐมวัย มีมาตรการช่วยเหลือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงอายุแปดขวบ ยกระดับให้มี “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอัจฉริยะ” 2 หมื่นแห่ง


          4. “เรียนก่อนผ่อนทีหลังเมื่อมีงานทำ” ด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต ผ่อนคืนเมื่อมีรายได้
          5. “โรงเรียนออนไลน์” คนไทยต้องเข้าถึงการศึกษาคุณภาพ ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยการเรียนรู้แบบดิจิทัล ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยเนื้อหาระดับโลก


          6. ปฏิรูปหลักสูตร “หลักสูตรศตวรรษที่ 21 เลิกท่องจำก้าวล้ำคิดสร้างสรรค์” ให้เด็กไทยมีทักษะคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สร้างสมรรถนะ เลิกการเรียนแบบท่องจำ คนรุ่นใหม่ต้องคิดเป็น แก้ปัญหาได้


          7. สอนน้อยลง แต่เก่งมากขึ้น ลดชั่วโมงเรียนทั้งปีลง แต่ไปเรียนรู้ทักษะและฝึกสมรรถนะอนาคตมากขึ้น
          8. “เด็กไทยได้สามภาษา” ไทย อังกฤษ จีน พลิกโฉมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้สามารถสื่อสารได้ตั้งแต่ชั้น ม.3 ผ่านครูเจ้าของภาษาและแอพพลิเคชั่นฝึกภาษา

          9. หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนสองภาษา ไทยและอังกฤษ เพื่อเพิ่มทักษะด้านภาษาและการเรียนรู้ให้นักเรียนทั่วประเทศ
          10. สร้างครูพันธุ์ใหม่ และ “คืนครูให้ห้องเรียน” เวลาอย่างน้อย 90% ของครู ต้องใช้เพื่อการเรียนการสอน ไม่ใช่ไปทำงานธุรการ
          11. เรียนฟรีสำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษาในสาขาที่ขาดแคลน
          12. ศูนย์ฝึกทักษะฝีมืออัจฉริยะ ในทุกภูมิภาคเพื่อฝึกทักษะฝีมือครู นักเรียน ประชาชน
          13. “กองทุนอาชีวะสตาร์ทอัพ” เพื่อมีเงินทุนตั้งต้นส่งเสริมให้นักเรียนอาชีวะไปเป็นผู้ประกอบการ
          14. มหาวิทยาลัยให้บริการเรียนรู้ตลอดชีวิต และรองรับสังคมผู้สูงอายุ ฝึกทักษะใหม่ให้คนทำงาน
          15. “โรงเรียนของเรา ชุมชนของเรา” โดยใช้การกระจายอำนาจ เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่นในการจัดการศึกษาของโรงเรียน

          ทั้งหมดล้วนเป็นนโยบายที่ทันสมัย และเปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ แต่จะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามชม

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ