คอลัมน์... ล่าความจริงพิกัดข่าว โดย... ปกรณ์ พึ่งเนตร
สถานการณ์ไฟใต้ที่ร้อนแรงขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงใกล้ครบวาระ 15 ปีเหตุการณ์ปล้นปืน 413 กระบอก จากค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ทำให้หลายคนอาจจะมองว่าช่วงเวลานับจากนี้คงจะมีแต่ข่าวความรุนแรง
แต่แท้ที่จริงแล้วในวาระครบรอบ 15 ปีปล้นปืนครั้งนี้ จะไม่ได้มีแต่ข่าวร้ายหรือข่าวในแนวสิ้นหวังเท่านั้น เพราะในวันที่ 4 มกราคมปีหน้า จะเป็นวันดีเดย์เดินเครื่องกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขรอบใหม่ ซึ่งเป็นความหวังดับไฟใต้ทั้งของคนในพื้นที่และคนไทยทั้งประเทศ
จะว่าไปสาเหตุที่สถานการณ์กลับมาร้อนระอุในช่วงนี้มีหลายเหตุผล นอกจากใกล้วาระ 15 ปีปล้นปืนแล้ว ยังปรากฏว่าปีนี้ฝนตกน้อยในพื้นที่ ไม่เหมือนปีก่อนๆ (คือทุกปีเหตุรุนแรงช่วงนี้จะลดเพราะน้ำท่วม) และที่สำคัญมีความเคลื่อนไหวเรื่องพูดคุยสันติสุขทำให้กลุ่มต้านต้องแสดงตัว และเร่งก่อเหตุ
สำหรับกระบวนการพูดคุยที่จะเริ่มเดินหน้ากันใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2562 ในส่วนของรัฐบาลไทย นอกจากจะมีคณะพูดคุยชุดใหม่ที่มี พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นหัวหน้าคณะแล้ว ยังมีการตั้ง “สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้” ใช้ชื่อย่อว่า “สล.คพส.” ตามคำสั่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย โดย สล.คพส. จะทำหน้าที่ประเมินสถานการณ์ในเชิงยุทธศาสตร์ของการพูดคุย รวมทั้งประสานงานกับคณะทำงานระดับพื้นที่และองค์กรต่างประเทศ
โดย สล.คพส. ขณะนี้จัดตั้งเสร็จสิ้นแล้วเพิ่งประชุมนัดแรกไปเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม และได้กำหนดไทม์ไลน์ของการพูดคุุยในปี 2562 เอาไว้
เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 15 ปี เหตุการณ์ปล้นปืน คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขของรัฐบาลจะพบปะหารือเต็มคณะกับผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยคนใหม่ ซึ่งก็คืออดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลมาเลเซีย โดยวาระการหารือคือการวางกรอบการทำงานร่วมกัน
จากนั้นวันที่ 8 มกราคม คณะพูดคุยที่นำโดย พล.อ.อุดมชัย จะหารือร่วมกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งรับผิดชอบคณะประสานงานระดับพื้นที่ของกระบวนการพูดคุย
รุ่งขึ้นวันที่ 9 มกราคม จะมีการแถลงข่าวใหญ่ต่อสื่อมวลชน ภาคประชาสังคม และผู้นำกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) จากนั้นวันที่ 11 มกราคม จะเปิดแถลงข่วาต่อสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ โดยการแถลงข่าวทั้ง 2 ครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงแนวทางการทำงานและรับฟังความคิดเห็น
วันที่ 24 มกราคม จะมีการประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นแนวทางการสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้และแนวทางการทำงานของคณะพูดคุยกับสถานทูต 5 ประเทศ
ส่วนในเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกันยายน ก็จะมีวาระงานตลอดทุกเดือน ทั้งการลงพื้นที่ การรับฟังความคิดเห็น การเปิดเวทีวิชาการ ควบคู่กับการพูดคุยกับผู้เห็นต่างจากรัฐที่จะเดินหน้าต่อไปตามกรอบการทำงานที่กำหนดเอาไว้
นี่คือความคืบหน้าของกระบวนการพูดคุยดับไฟใต้ที่จะมีขึ้นในปีหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีการเลือกตั้งใหญ่ในบ้านเรา กระบวนการพูดคุยก็จะไม่หยุดชะงัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง