คอลัมนิสต์

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!! : รายงาน

 

 

          เมื่อใดที่ความรักเปลี่ยนสภาพจาก “คนรัก” เป็น “อดีตคนรัก” หรือทึกทักเข้าใจไปเองว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด “คบซ้อน” พยายามตีจาก จึงเป็นอีกสาเหตุให้เกิดคดีฆาตกรรม โดยคดี “ฆ่า” จำนวนไม่น้อยมีชนวนเหตุมาจากเรื่องชู้สาว ซึ่งส่วนใหญ่ผู้กระทำเป็นฝ่ายชาย ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะคนรัก หรือกลายสภาพเป็นอดีตคนเคยรักไปแล้ว

 

 

          คดีฆาตกรรมจากคนเคยรักกันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นข่าวใหญ่คึกโครมบ้าง ไม่เป็นข่าวก็มี ในปีหนึ่งๆ จะเห็นข่าวความเศร้าสลดของชีวิตคู่แทบนับไม่ถ้วน และมักลงมืออย่าง “โหดเหี้ยม” ราวกับสะสมความโกรธแค้นมาตั้งแต่ชาติปางก่อน? 


          เมื่อต้อง “เลิกรา” ความรักที่เคยมีให้กลับเปลี่ยนเป็นความแค้นมาแทนที่ และในปี 2561 ได้เกิดคดีฆาตกรรมมากมาย โดยเฉพาะชนวนเหตุที่มาจากความแค้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ย้อนไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 ที่บริเวณลานจอดรถ ฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เกิดคดี “พิศวาสฆาตกรรม” ด้วยฝีมืออดีตคนรัก “เสี่ยอ้วน” นายปัญญา ยิ่งดัง ที่ยกทีมไปสังหารโหดจ่อยิงระยะเผาขน “น้องสปาย” น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ กับ “น้องฟอส” นายอนันตชัย จริตรัมย์นง โดยก่อเหตุกลางวันแสกๆ ไม่แยแสสายตาผู้คนที่อยู่กันพลุกพล่าน ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น “คดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ” กระทบอารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมที่รับรู้ข่าวสารผ่านสื่อมวลชน ขณะที่สื่อทุกแขนง ทุกแพลตฟอร์ม ก็นำเสนอเป็นข่าวใหญ่คึกโครม เสิร์ฟความเคลื่อนไหวและความคืบหน้าของคดีทุกระยะ ยิ่งแล้วในสังคมโซเชียลมีเดียต่างเรียกร้องให้ตำรวจตามจับผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีรับโทษทัณฑ์ เพราะนี่คือบุคคลอันตราย!

 

 

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

 

 

 

 

 


          ด้วยคดีที่เกิดขึ้นที่เขาชีจรรย์แม้จะไม่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดา เพราะคนร้ายวางแผนล่วงหน้าอย่างดี มีทีมสะกดรอยรู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่อตลอด กระทั่งเลือกก่อเหตุในจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ยังพอมีพิรุธตรงบาดแผลของ “น้องสปาย” ที่คนร้ายกระหน่ำยิง 4 นัด ซึ่งนักสืบมั่นใจว่าเป็นการกระทำจากความแค้น และไม่น่าใช่มือปืนอาชีพ โดยหลังเกิดเหตุ “บิ๊กตำรวจ” จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) อย่าง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่เกาะติดสางคดีด้วยตัวเอง พร้อมกับนายตำรวจใหญ่ในพื้นที่รวมถึงนายตำรวจนักสืบมือดีจาก ตร. และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)

 


          ชุดสืบสวนใช้เวลาไม่นานก็สามารถแกะเบาะแสปะติดปะต่อจนรู้ตัวบงการและทีมสังหาร ก่อนขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับยกทีม 6 คน ประกอบด้วย 1.“เสี่ยอ้วน” นายปัญญา ยิ่งดัง เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังใน จ.ภูเก็ต ผู้จ้างวานและก่อเหตุยิง “น้องสปาย” ระบายแค้นด้วยตัวเอง ถือเป็นผู้มีอิทธิพล ใจนักเลง กล้าได้กล้าเสีย 2.“บอล” นายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ คนขับรถให้ “เสี่ยอ้วน” 3.“บ่าว” นายณรงค์ วรินทรเดช มือปืนร่วมสังหารที่นั่งรถไปกับ “เสี่ยอ้วน” 4.นายสายันต์ ศรีสุข ชาว จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคนชี้เป้า แฝงตัวตีสนิทเป็นแฟนกับเพื่อนผู้ตาย ก่อนร่วมเดินทางมาเที่ยวที่เมืองพัทยาช่วงวันหยุด คอยรายงานความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว 5.นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน ชาว จ.ภูเก็ต ทำหน้าที่เป็นคนขับรถคุ้มกัน และ 6.“มด” นายกฤษณะ สีสุข ทำหน้าที่เช่าบ้านวางแผน และนั่งมาในรถคุ้มกัน

 

 

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

 


          คล้อยหลังการอนุมัติหมายจับทีมสังหาร 2 ศพเขาชีจรรย์ ผู้ต้องหาในหมายจับทยอยติดต่อเข้ามอบตัวและถูกตำรวจติดตามจับกุมได้เกือบหมด เหลือเพียง “เสี่ยอ้วน” ที่หลบหนีเข้าไปกบดานอยู่ประเทศกัมพูชา โดยมี “ค่าหัว” รางวัลนำจับ 3 แสนบาท แต่ตำรวจไม่ลดละในการจับกุม ได้ประสานงานกับทางการกัมพูชาอยู่ตลอด ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. บอกสื่อมวลชนระหว่างที่ทีมสืบสวนไล่ล่าจับกุม “เสี่ยอ้วน” ว่าผู้ต้องหามีสองทางเลือกคือ “ทางตันกับทางตาย”!

 


          สุดท้าย “เสี่ยอ้วน” ก็จนมุม เพราะเงิน 7 ล้านบาทที่พกติดตัวขณะหลบหนีถูกใช้จนร่อยหรอ ต้องไปทำงานรับจ้างดายหญ้า กระทั่งมีการแจ้งเบาะแสให้ทางการกัมพูชาจับส่งตัวให้ตำรวจไทยแต่ยังไหวตัวทันเตรียมหลบหนีต่อไปยังประเทศเวียดนาม ก่อนถูกจับได้ที่ชายแดนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 เป็นการปิดคดีสังหารโหดในเวลา 18 วัน

 


          ถึงกระนั้นฝีมืออดีตหรือคนรัก ที่ถูกตั้งฉายานำหน้าชื่อว่า “เสี่ย” ยังมีแง่มุมสะท้อนปัญหาสังคมในมิติที่ลึกมากกว่าพิษรักแรงหึงทั่วไป โดย นางอังคณา นีละไพจิต กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มองว่านี่คือปัญหาของโครงสร้างสังคมไทย เพราะเป็นสังคมไม่เท่าเทียม เริ่มจากผู้หญิงที่ขาดโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การทำงาน การใช้ชีวิตครอบครัว ทำให้บางคนต้องพยายามไขว่คว้าให้ตัวเองมีทางเลือกในการดำเนินชีวิต และสุดท้ายบางคนเลือกที่จะยอมให้ผู้ชายมาเป็นใหญ่ มาบงการชีวิตเพื่อแลกกับผลประโยชน์ตอบแทน ซึ่งส่วนหนึ่งในจำนวนผู้หญิงเหล่านี้ถูกทำร้าย บางคนถูกทำร้ายซ้ำๆ จนหนักที่สุดคือถูกฆ่า..! ที่สำคัญคือผู้หญิงที่เลือกชีวิตแบบนี้ บางคนก็ไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายด้วยซ้ำ

 

 

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

 

 


          "โครงสร้างของสังคมไทยนอกจากจะไม่ได้ให้ความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชายแล้ว ยังให้คุณค่ากับสิ่งที่ผิดด้วย เช่น ชื่นชมคนที่หน้าตา อิจฉาคนมีรถ มีบ้าน หรือใช้ของแบรนด์เนม โดยค่านิยมแบบนี้ทำให้ผู้หญิงต้องพยายามไขว่คว้าไปทำศัลยกรรม ฉีดหน้า เพื่อความดูดี พอต้องใช้เงินเยอะ แต่สวนทางกับงานสุจริตที่ทำอยู่ไม่พอตอบสนอง ก็เลยต้อง “เอาตัวเข้าแลก” หรือไม่บางคนก็มีความจำเป็นบางอย่าง เช่น พ่อแม่ป่วยต้องหาเงินมารักษา ในแง่ของผู้ก่อเหตุคนพวกนี้ส่วนใหญ่เคยชินกับการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงมาก่อน และใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนำมาสู่การก่อเหตุฆาตกรรม เมื่อผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงอยู่ก่อน พอไปบวกกับการมีอิทธิพลด้วยแล้วจึงยิ่งหนักขึ้น เพราะพวกนี้มีอาวุธ มีเพาเวอร์ มีลูกน้อง ทำให้คนรอบข้างหวาดกลัว แถมยังวิ่งเต้นคดีกับผู้บังคับใช้กฎหมายได้อีก แต่คนพวกนี้มักไม่ได้รับความรักที่จริงใจ จึงตัดสินปัญหาด้วยอำนาจตัวเอง" นางอังคณา ระบุ


          นอกจากนี้ยังสอดคล้องต้องกันกับ ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักอาชญาวิทยาชื่อดังที่ขมวดปมปัญหาสังคมไทยในภาวการณ์เปลี่ยนแปลง ว่า เป็นเพราะธุรกิจผิดกฎหมาย หรือสุ่มเสี่ยงผิดจริยธรรมทำได้ง่ายขึ้น มีการจ่ายใต้โต๊ะ ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำให้เกิด “ผู้มีอิทธิพลใหม่” หรือ “มาเฟียรุ่นใหม่” จำนวนมาก ขณะที่ผู้หญิงก็เลือกทำงานนอกบ้านมากขึ้นจึงเข้าสู่วงจรธุรกิจประเภทนี้ ผู้หญิงหลายคนกลายเป็น “เด็กเสี่ย” โดยเป็นเป้าหมายของผู้มีอิทธิพล เมื่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็ได้รับความไว้วางใจ สุดท้ายพอขัดแย้งกันอาจจะเกิดจากเรื่องความสัมพันธ์ หรือผลประโยชน์ บทสรุปของเรื่องก็จะจบลงที่การฆ่ากัน!

 

 

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

 


          ด้าน “หมอแอร์” พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำรวจ อธิบายว่า รูปแบบของความรักที่เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นทั้งหมดเกิดจากอารมณ์เพียงชั่ววูบเท่านั้น แม้ว่าหลายๆ คดีจะพบว่าผู้ก่อเหตุตระเตรียมอาวุธไว้ล่วงหน้าก็ตาม โดยคนที่อกหัก หรือไม่สมหวังในความรักถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะก่อความรุนแรงต่อตัวเองและผู้อื่นเนื่องจากสภาพจิตใจไม่ปกติ เกิดจากภาวะซึมเศร้าที่ประสบปัญหาความรัก


          “ปกติคนที่รักกันจะไม่ทำร้ายกัน แต่ที่เป็นข่าวฆ่ากันไม่ได้เกิดจากความรัก เกิดจากความโกรธ ความโมโห ซึ่งจริงๆ แล้วคนเหล่านี้เคยรักกันมาก่อน รักกันมาก พอไม่สมหวัง มีปัญหา เลิกรากันไป ก็ทำใจไม่ได้ รักมากก็จะแค้นมาก โดยเฉพาะอีกฝ่ายมีแฟนใหม่ มีคนอื่น ก็จะยิ่งมีความโกรธบวกกับความหึงหวง พอโกรธมากๆ ก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบถึงขั้นไปทำลายล้าง ประกอบกับความเชื่อผิดๆ ที่ว่า “ฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้"

 

 

 

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

 


          ยิ่งทำให้คนที่เคยรักกันสามารถลงมือฆ่ากันได้ในชั่วพริบตา" พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี กล่าว


          ความอดทนต่อกันของคนในสังคมมีน้อยลง สาเหตุหนึ่งมาจากการเอาแต่ใจ ยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักและโทษคนอื่นมากกว่าจะคิดว่าตัวเองนั่นแหละเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา การจบชีวิตรักด้วยการฆ่าจึงมากขึ้น และการฆ่า 2 ศพอย่างอุกอาจ เย้ยฟ้าท้ากฎหมายที่เขาชีจรรย์ จึงเป็นคดี “พิศวาสฆาตกรรม” แห่งปี 2561..!!
 

 

ฆ่า2ศพเขาชีจรรย์..'พิศวาสฆาตกรรม'แห่งปี!!

พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ