(ขยายปมร้อน) "คนไม่ใช่หัวหน้าพรรค" ลุ้นขึ้นป้ายหาเสียง !!
เรื่องรูปบุคคลที่จะอยู่ในป้ายหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ประเด็นที่ที่ประชุมระหว่าง กกต. และพรรคการเมือง ในวันนี้ (19 ธ.ค.) ใช้เวลาพูดคุยกันมากที่สุด
ตามร่างระเบียบการหาเสียงของกกต.ที่ออกมาก่อนหน้านี้ กำหนดให้บุคคล 3 ประเภทอยู่ในป้ายหาเสียงได้ คือผู้สมัคร ส.ส. หัวหน้าพรรค และผู้ที่อยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรคนั้น
วันนี้ตัวแทนหลายพรรคได้แสดงความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ในส่วนของผู้สมัครและผู้ที่อยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรคนั้น ทุกพรรคไม่มีใครติดใจ แต่ที่กำหนดให้เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ให้เปิดกว้างเป็นบุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคที่ “ผู้สมัครเห็นว่าสำคัญ” โดยไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคได้หรือไม่
สำหรับเงื่อนไขบุคคลที่อยู่ในป้ายหาเสียงนี้ หากเป็นตามร่างเดิมของ กกต. มองกันเร็วๆ ก็จะคิดไปถึงกรณี “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” อดีตนายกฯ ที่จะมาอยู่ในป้ายหาเสียงไม่ได้แน่ๆ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค นอกเหนือไปจากกลไกกติกาที่วางกันไว้ตั้งแต่ตอนร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไม่ให้คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคมามีอิทธิพลครอบงำพรรค และเขียนกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งกติกานั้นที่จะสกัด “ทักษิณ” ออกจากพรรคเพื่อไทย และส่งผลถึงตอนหาเสียงเลือกตั้งด้วย จากเดิมที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้ยุทธศาสตร์ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว
แต่ถ้าคิดขยายความไปอีกว่าถ้าตามเงื่อนไขข้างต้นของ กกต. แม้แต่คนที่เป็นสมาชิกพรรคก็ไม่สามารถอยู่ในป้ายหาเสียงได้ รวมไปถึงคนที่อยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ที่เป็น “ตัวชู” ของพรรคก็ทำไม่ได้เช่นกัน ก็จะมีอีกหลายคนหลายพรรคที่ได้รับกระทบ
คนแรกที่ถูกนึกถึงว่าจะอยู่ในป้ายหาเสียงไม่ได้คือ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดูดคะแนนให้พรรคโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้
ในการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ มักจะนำรูปนายชวนไปช่วยหาเสียงด้วย ใน 2 แบบ คือ ขึ้นป้ายรูปนายชวน หรือรูปคู่นายชวน พร้อมลายมือนายชวนที่เขียนฝากฝังให้ชาวบ้านเลือกผู้สมัครรายนั้นๆ และอีกแบบคือ ในบัตรหาเสียงเล็กที่ผู้สมัครทำแจกชาวบ้านเวลาลงพื้นที่ ด้านหน้าจะเป็นรูปผู้สมัครคนนั้น ส่วนด้านหลังก็เป็นรูปนายชวน พร้อมลายมือนายชวนเช่นกัน
คนพรรคประชาธิปัตย์บอกถ้าครั้งนี้เอารูปนายชวนมาทำป้ายหาเสียงไม่ได้ ก็คงกระทบต่อคะแนนของพรรคพอสมควร
คนต่อมาคือ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่วันนี้ไม่มีตำแหน่งอะไรในพรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นเพียงสมาชิกพรรค แต่น่าจะพูดได้ว่าเป็นสมาชิกพรรคที่ทรงอิทธิพลที่สุดในพรรคนี้
ถ้าถามชาวบ้านว่าใครเป็นหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย คนอาจจะตอบผิด หรืออาจจะตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ
หากกกต.ไม่เปลี่ยนกติกา “สุเทพ” ก็จะไปอยู่ในป้ายหาเสียงพรรคพลังประชาชาติไทยไม่ได้เช่นกัน
ถ้าไม่นับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” นั่นคือ 2 คนแรกที่จะถูกนึกถึง
แต่ถ้าค่อยๆ มองไปที่แต่ละพรรคอีกครั้ง จะพบว่าในหลายๆ พรรค นอกจากหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีบุคคลที่ถือว่าเป็น “ตัวชูโรง” ที่จะสามารถเรียกคะแนนให้พรรคได้ หากไปอยู่ในป้ายหาเสียงของพรรค
ภาพของพรรคตระกูล “เพื่อ” ของฝ่ายทักษิณ น่าจะได้รับผลกระทบแบบหนักๆ ไปด้วย เพราะถ้าดูตัวคนที่เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ตอนนี้ ก็ไม่น่าจะเป็น “ตัวหลัก” ในการดึงคะแนนเสียงให้พรรค
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์”
หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ คือ “ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พาณิช”
จะมีผู้สมัครมากน้อยแค่ไหนที่อยากใส่รูปหัวหน้าพรรคในป้ายหาเสียงด้วยจริงๆ
ถ้าเทียบกับ “สมาชิกพรรค” หรือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคคนอื่นๆ ที่มีความโดดเด่นกว่า
“สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” และ “จาตุรนต์ ฉายแสง” หากได้อยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และพรรคไทยรักษาชาติก็ไม่มีปัญหา
แต่ทั้งสองพรรคก็ยังมี “ตัวชูโรง” คนอื่นๆ ที่ผู้สมัครน่าจะอยากเอามาอยู่ในป้ายหาเสียงมากกว่าหัวหน้าพรรค
นอกจากนี้ยังมีพรรคอื่นๆ อีก เช่น พรรคอนาคตใหม่ นอกจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังมี “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อีกคนที่เป็น “ตัวขาย” ของพรรค
ดร.ปิยบุตร บอกว่า ได้เสนอในที่ประชุม กกต. วันนี้ว่า เมื่อเปิดให้มีการแข่งขันแล้ว กกต. ควรตีความกฎหมายให้เสรีภาพเป็นเรื่องหลักแก่พรรคการเมือง เพื่อให้ประชาชนมีเสรีภาพในการตัดสินใจเลือก ดังนั้นควรให้นำภาพผู้สมัคร ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ลงบนป้ายหาเสียงได้ด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะหัวหน้าพรรค
ต้องรอดูว่ากกต.จะยอมถอย ลดความเข้มข้นในร่างระเบียบนี้ตามที่พรรคต่างๆ ประสานเสียงเสนอหรือไม่ว่าไม่ควรกำหนดไว้เฉพาะหัวหน้าพรรค
อีกประเด็นที่ถูกจับตาว่าจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุมอย่างไร คือ เรื่องข้อเสนอ “พรรคเดียวกันใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ” นั้น ดูเหมือนจะได้ข้อยุติแล้วว่าจะไม่เกิดขึ้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่าในที่ประชุมมีการพูดคุยเรื่องนี้กันเพียงเล็กน้อย มีผู้เสนอความเห็นเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่อยากให้พรรคเดียวกันใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ และก็เป็นพรรคเล็กๆ เท่านั้น บรรยากาศต่างจากการประชุมครั้งก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานที่ประชุม
ครั้งนั้นที่ประชุมติดใจเรื่องบัตรเลือกตั้งอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องบัตรเลือกตั้งที่เดิมจะไม่มีทั้งชื่อและโลโก้พรรค ดังนั้นเมื่อ กกต.เปลี่ยนรูปแบบบัตรเลือกตั้งใหม่ ให้มีชื่อพรรคและโลโก้พรรคด้วย พรรคส่วนใหญ่จึงไม่ติดใจเรื่องที่แต่ละพรรคต้องมีเบอร์เดียวกัน รวมถึงพรรคเพื่อไทยที่ก่อนหน้านี้เคยเสนอประเด็นนี้อย่างแข็งขันก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
อีกเรื่องที่ที่ประชุมใช้เวลาพูดคุยกันมากคือเรื่องการหาเสียงทางออนไลน์ โดยมีข้อกังวลว่า กกต.จะมีกำลังพลมารับมือกับเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะหากมีการใส่ร้ายป้ายสีกันในโลกโซเชียล เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ในการหาเสียง
รอดูระเบียบ กกต.ที่จะออกมาอย่างทางการอีกครั้ง กกต.บอกว่าไม่เกินปีใหม่ !!
===================
โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบุรณ์
ดูคลิป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง