คอลัมนิสต์

"เรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่กลายเป็นเรื่อง"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่กลายเป็นเรื่อง" : คอลัมน์...  ขยายปมร้อน  โดย... เร้นกาย ไร้เงา


 

          กลายเป็นประเด็นใหม่ทางการเมืองที่ “งอก” และขยายผลได้ทุกวี่วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะของ ”ลุงตู่” ในทุกลีลา


          แม้ล่าสุดจะมีการปลดล็อก 9 คำสั่ง คสช. เกี่ยวกับคนและพรรคการเมืองให้โล่งใจ ว่า "ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อใด และมีผลแบบไหน ?” ได้แล้ว ทว่าความร้อนทางการเมืองไทยในเหมันตฤดูกลับมิได้บรรเทาลง...

 

 

          เพราะเรื่องร้อนของสัปดาห์นี้คงไม่พ้น "บัตรเลือกตั้ง” ซึ่งเริ่มสะบัดความทะแม่งๆตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สายกับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา


          โดยมีการอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เสนอกลางที่ประชุมว่า "ไม่ควรกำหนดตราสัญลักษณ์หรือโลโก้พรรคและชื่อพรรคลงในบัตรเลือกตั้ง ทำให้เกิดกระแสคัดค้าน จากพรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ และประชาชนทั่วไป”


          ทันทีที่ข่าวสารนี้เผยแพร่ออกมา โลกออนไลน์และคนการเมืองรวมทั้งแวดวงอื่นๆ ต่าง "รุมกระหน่ำแบบไม่ยั้ง” ว่า “ทำไมเมืองไทยต้องเดินย้อนยุค...ทั้งๆ ที่ชาติต่างๆ ก็ใช้บัตรเลือกตั้งที่มีหมายเลขและโลโก้พรรคบนบัตรเลือกตั้งทั้งนั้น”


          ทุกสายต่างรุมกระหน่ำลุงตู่และเครือข่ายแบบรอบทิศทาง และท่าทีแลดูจะลุกลามไปใหญ่และเกินกว่าจะเยียวยา ล่าสุดลุงตู่ออกมาไขข้อกังขาว่า "ผมไม่ได้เป็นคนสั่ง เป็นเรื่องของ กกต. วันนั้นผมคุยกับคนที่เสนอมา ผมแค่พูดความคิดของผมกับเขา เขาเป็นคนถามผม ผมตอบ ก็แค่นั้นเอง โดยไม่ได้สั่ง กกต. ส่วนจะมีชื่อหรือไม่มีชื่อผู้สมัครหรือไม่เป็นเรื่องของ กกต. ไม่เกี่ยวกับผม เพราะไม่ได้เกี่ยวกับกลไกการเลือกตั้งอะไรสักอย่าง วันนั้นผมไปในฐานะหัวหน้า คสช. ที่จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพของประเทศให้เรียบร้อย จะพูดอะไรไม่ได้เลยหรือ”




          ส่วนการเรียกร้องใช้ ม.44 แก้บัตรเลือกตั้งให้เป็นพรรคเดียว เบอร์เดียว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ใช้ เรื่องบัตรออกแบบกันเองไม่ได้หรืออย่างไร ตอนนี้ก็เห็นในสื่อว่าเสนอให้มี 2 แบบให้เลือก ส่วนจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ กกต. การเลือกตั้งทั้งหมด กกต.เป็นผู้ดำเนินการ เป็นเรื่องของเขา ส่วน ม.44 ที่จะใช้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง คือใช้สำหรับการปลดล็อก”


          วิษณุ เครืองาม “เนติบริกร” ไขข้อข้องใจให้คลายลงว่า ”ทราบข้อกังวล แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของ กกต. รัฐบาลไม่ควรไปพูดอะไร ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยพูด และไม่เคยสั่งอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเหตุการณ์ในการประชุมระหว่าง คสช.กับพรรคการเมือง มีคนพูดถึงข้อกังวลเกี่ยวกับความสับสนเรื่องบัตรเลือกตั้งที่แต่ละเขตใช้เบอร์ไม่เหมือนกัน นายกรัฐมนตรีจึงได้กล่าวสรุปตอนจบว่า “หากกลัวว่าเบอร์จำไม่ได้ ก็ต้องหาทางจำให้ได้” ซึ่งต้องเป็นเรื่องของผู้สมัครเองที่ต้องช่วยรณรงค์เรื่องนี้ให้ด้วย”


          “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงหลังอ่วมไปหลายวันว่า “ยืนยันว่านายกฯ ไม่ได้เป็นผู้เสนอ แต่มีตัวแทน 1-2 พรรคการเมือง สอบถาม กกต.ว่าควรมีชื่อและโลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้งหรือไม่”


          “เลขาธิการ กกต.ได้ชี้แจงแนวทางที่กำหนดไว้เบื้องต้นว่า 1.กรณีเลือกตั้งล่วงหน้าในต่างประเทศ ซึ่งเบอร์ผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งไม่เหมือนกัน การจะมีทั้งชื่อและโลโก้พรรคจะเกิดความสับสน และต้องส่งบัตรเลือกตั้งทั้ง 350 แบบไปตามแต่ละประเทศ แต่หากใช้เบอร์อย่างเดียว ผู้ใช้สิทธิ์สามารถสอบถามมายังคนใกล้ชิดและคนในครอบครัวว่าผู้สมัครแต่ละคนใช้เบอร์อะไร 2.เรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นของ กกต. ซึ่งเมื่อมีการสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุมวันที่ 7 ธันวาคม นายกฯ เพียงแต่ระบุว่าถ้าจะเลือกใครทุกคนก็ต้องจำให้ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลและนายกฯ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหรือชี้นำการทำงานของ กกต. อย่างไรก็ตาม กกต.จะได้นำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาอีกครั้ง”


          "ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล” รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาแก้ลำว่า “เตรียมไว้ 2 รูปแบบ คือบัตรที่มีความพร้อมสมบูรณ์ ทั้งหมายเลข ชื่อ และโลโก้พรรค และบัตรที่มีเพียงหมายเลขผู้สมัครอย่างเดียว ซึ่งจะรวบรวมข้อดีข้อเสียเสนอต่อ กกต.ภายในสัปดาห์นี้"


          แต่กว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะออกมาแถลงไข...เล่นเอาน่วมไปหมดทั้ง “ลุงตู่, พปชร. และกกต.” เพราะทุกคนต่างมองมุมเดียวกันแล้วว่า ”เลือกตั้งคราวนี้...อะไรบางอย่างยังเอื้อเฟื้อใครบางคนและบางพรรคแบบปฏิเสธไม่ได้” หากยังมีเรื่องวุ่นๆ แบบนี้โผล่มาอีก “ท่าทางจะดูไม่จืดและกู่ไม่กลับ”


          เมื่อผนวกกับอีกหนึ่งความร้อนทางการเมืองที่มาจากบางช่วงบางตอนในการปาฐกถาพิเศษของ “ธีรยุทธ บุญมี” ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน ในโอกาส 45 ปี 14 ตุลา ครั้งที่ 4 เรื่อง “มองประเทศไทยหลังการเลือกตั้ง ปัญหาที่ใหญ่กว่าวิกฤติการเมือง”


          ท่อนหนักๆ ที่ “อาจารย์เสื้อกั๊ก” ซึ่งเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางการเมืองไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สื่อความออกมาแบบชัดๆ นั้นเกี่ยวกับ ”ถนนอำนาจ” ที่ คสช.สร้างไว้


          “คสช.ตั้งใจสืบทอดอำนาจมานานแล้ว ตั้งแต่ล้มรัฐธรรมนูญฉบับบวรศักดิ์มาเป็นร่างฉบับมีชัย ให้พรรคการเมืองมีสิทธิเสนอชื่อคนนอกที่ไม่ใช่ ส.ส. หรือปาร์ตี้ลิสต์ เพิ่มทั้งจำนวนและอำนาจ ส.ว. ตั้งโดยทหาร 250 คน มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี การดึงกลุ่มการเมือง “ยี้” “มาร” มารวมเป็นพรรคพลังประชารัฐโดยไม่กังวลเสียงวิจารณ์ เป็นการการันตีเกือบ 100% ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ต้องขอวิงวอน พล.อ.ประยุทธ์ กองทัพ และนายทหารที่มีวิจารณญาณ ช่วยระงับไม่ให้ฝ่ายต่างๆ ใช้อภินิหารกฎหมายหรืออำนาจอื่นๆ จนถึงขั้นมีเสียงกล่าวหาว่าเป็น “การเลือกตั้งสกปรก” หรือ “โกงการเลือกตั้ง” แบบเดียวกับสมัยเผด็จการทหารปี 2500”
ตรงนี้สิ... "เจ็บจริง” 


          ล่าสุดบิ๊กตู่ตอบว่า "เป็นเรื่องของท่าน พูดมาตลอด 40 ปีอยู่แล้ว อยากให้ไปดูวิธีการเลือกตั้งว่าต่างกันตรงไหน แล้ววันนี้ปัญหาประเทศมันต่างจากเดิมหรือไม่ หากยังพูดอยู่เหมือนเดิมก็เป็นการเอาความคิดแบบเดิมมาฝังหัวทุกวัน ผมไม่ค่อยให้ความสนใจ ถ้าดีจริงทำได้จริงมันจบมานานแล้ว ประเทศไทยคงไม่มีปัญหาเช่นนี้”


          เกมนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะโหรการเมืองจับยามสามตาแล้วว่า มันจะมีอะไรแปลกๆใหม่ๆ โผล่มาอีก... และไม่มีใครรับรองว่า "คำทำนายของธีรยุทธ” จะบังเกิดผลอย่างไรในอนาคต...
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ