เมื่อวัดพระธรรมกายเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
โดยยังเกี่ยวเนื่องกับวัดและพระธัมมชโยในความผิดฐานร่วมกันรับของโจร ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน
เข็มย่อมหันไปทาง “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย)” อยู่แล้ว ค่าที่เป็น “หัวใจ” เพราะเงินบริจาคไหลเข้ามากที่สุด!
ดังนั้นนอกจากคดีที่จะดำเนินกับพระธัมมชโยและผู้เกี่ยวข้องในความผิดฐานร่วมกันรับของโจร ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน แต่ฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสหนีหายไปแล้ว
เวลานี้ก็มีคดีของมูลนิธิคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง นี่แหละ ที่กำลังถูกเช็กบิล
โดยก่อนหน้านี้ช่วงกรกฎาคม ที่ผ่านมา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งอายัดอาคารตามโครงการ 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ไปแล้ว
โดยพบว่าเงินที่มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง นำไปใช้ในการก่อสร้างอาคารนี้เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับความผิดในคดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น
ทั้งนี้ดีเอสไอและปปง.พบพฤติการณ์ว่ากลุ่มผลประโยชน์ภายในวัดพระธรรมกายได้รับเช็คจาก ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ หรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ใช้เงินดังกล่าวก่อสร้าง และยังพบว่าพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้รับเงินจากศุภชัยผ่านเช็คจำนวน 27 ฉบับ รวมวงเงิน 1,458 ล้านบาท
มาถีงวันนี้เมื่อได้สอบสวนต่อเนื่องจนได้พยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว ดีเอสไอจึงได้ออกมาระบุความคืบหน้าเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่า เส้นทางการเงินของคดีมีความเชื่อมโยงไปถึงมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และกรรมการ อย่างชัดเจนว่ามีความผิดในข้อหา “สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน”
ทั้งเงินที่ไม่ได้ถูกบริจาคเข้ามาโดยตรงเข้ามูลนิธิ แต่ถูกโอนมาจากบัญชีของพระธัมมชโย เพื่อนำมาสร้างอาคาร 100 ปี และสร้างมหารัตนวิหารคด และเงินบางส่วนถูกนำไปเล่นหุ้น และซื้อที่ดินโดยพระในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการฟอกเงินกับทั้งมูลนิธิ ยังดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ก่อตั้ง
จึงมีมติสั่งยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ของมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และยังเตรียมเสนอให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อสั่งให้ “ยุบ” มูลนิธิ พร้อมสั่งให้ทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดินต่อไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง