คอลัมนิสต์

ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง 62 แบ่งเขต..ใครได้-ใครเสีย?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง 62 แบ่งเขต..ใครได้-ใครเสีย? : คมชัดลึก...ลุยเลือกตั้ง

 


          ฤดูเลือกตั้งได้เริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ กกต. เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งว่าด้วยการแบ่งเขตของ กกต. ทั้ง 350 เขต ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561

 

 

          วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า กกต.ได้แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จ และเมื่อประกาศผ่านราชกิจจานุเบกษา ก็ไม่สามารถร้องเรียนอะไรได้ เพราะถือว่าเป็นการแบ่งเขตการเลือกตั้งโดยสมบูรณ์ หากมีความเห็นต่างก็สามารถไปร้องเรียนที่ศาลปกครองได้ ซึ่งหากศาลปกครองไม่ส่งความเห็นใดๆ มา กกต.ก็ยังสามารถเดินหน้าต่อได้


          ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. ยืนยัน กกต.ดำเนินการโดยยึดหลักของกฎหมาย และระเบียบ กกต.เป็นหลัก เพราะ กกต.ก็กลัวการทำผิดกฎหมายเหมือนกัน


          แน่นอน เมื่อทราบผลการแบ่งเขต ย่อมสร้างความพึงพอใจให้แก่นักการเมืองบางกลุ่ม ส่วนนักการเมืองอีกจำนวนไม่น้อย ได้ลุกขึ้นมาทักท้วงเรื่องการแบ่งเขตที่ไม่เป็นธรรมมาก่อนหน้านั้นแล้ว


          โคราช..เพื่อไทยป่วน
          สนามเลือกตั้งนครราชสีมา ที่มีจำนวน 14 เขต (ลดจากเดิม 1 เขต) ได้มีอดีต ส.ส.เพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า มีการแบ่งเขตที่เอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองบางพรรค

 

          หากพิจารณาจากเขตเลือกตั้งที่ 4 อ.โนนสูง อ.โนนไทย (บางตำบล) และ อ.พิมาย (บางตำบล) กับเขต 7 อ.ชุมพวง และ อ.พิมาย (บางตำบล) ซึ่งเป็นการผ่า “อ.พิมาย” ออกเป็น 2 ซีก ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการแบ่งเขตโดยการแบ่งครึ่งอำเภอใหญ่ชายขอบทุ่งกุลา


          ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแบ่งเมืองพิมายคือ “จรูญพงศ์ พันธุ์ศรีนคร” อดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่มีฐานเสียงใหญ่อยู่ใน ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย เนื่องจาก จรูญพงศ์เคยเป็น ส.อบจ.นครราชสีมา เขต อ.พิมาย มาก่อน




          ส่วนคู่แข่งของจรูญพงศ์ อย่าง อนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ อดีต ส.ส.ปี 2550 ได้ย้ายจากพรรคชาติพัฒนาไปซบพรรคพลังประชารัฐ นัยว่าจะลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และเปิดทางให้ตระกูล “รัตนเศรษฐ” ส่งผู้สมัคร ส.ส.ทั้งเขต 4 และเขต 7


          “จรูญพงศ์” กลายเป็นเสือลำบาก เมื่อ ต.สัมฤทธิ์ และอีกสองตำบล ถูกโยกไปอยู่ที่เขต 4 อันเป็นฐานเสียงใหญ่ของ วิรัช รัตนเศรษฐ โดยแม่ทัพใหญ่ พปชร.เมืองโคราช จะให้ลูกชาย ทวิรัฐ ลงเขต 4 และภรรยา ทัศนียา ลงเขต 7 


          ข้ามฟากมาทางโคราชซีกชายแดนกัมพูชา กกต.แบ่งเขตใหม่เหมือนกัน โดยเขตเลือกตั้งที่ 10 อ.ครบุรี อ.เสิงสาง และเพิ่ม อ.วังน้ำเขียว (ต.วังน้ำเขียว และ ต.ไทยสามัคคี) เข้าไปเป็นหนแรก


          ตามรูปการณ์นี้ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” ค่าย พปชร. ที่จะลงเขต 10 ย่อมได้เปรียบ เพราะผู้ยิ่งใหญ่วังน้ำเขียวอย่าง “ประนอม โพธิ์คำ” อดีต ส.ส.หลายสมัย ได้ย้ายมาสังกัดค่ายเดียวกัน และขอลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ คงเทคะแนนจาก 2 ตำบลใหญ่ที่วังน้ำเขียวช่วยแรมโบ้อีสาน


          ทำนองเดียวกัน “สมศักดิ์ พันธุ์เกษม” อดีต ส.ส. ที่ย้ายจากชาติพัฒนามาอยู่ค่าย พปชร.จะลงเขต 11 อ.ปักธงชัย อ.เมืองนครราชสีมา(บางตำบล) อ.วังน้ำเขียว (ยกเว้นสองตำบลที่โยกไปเขต 10) และ อ.ปากช่อง (ต.วังกะทะ) ย่อมจะได้รับการช่วยเหลือจาก “กำนันประนอม” เช่นเดียวกัน


          “หัวเขียง”ลุ้นเหนื่อย
          ลักษณะการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบ “ผ่าอำเภอใหญ่” ยังเกิดในพื้นที่ จ.มหาสารคาม โดยเฉพาะ “อ.โกสุมพิสัย” ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของ ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และลูกชาย จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์


          ปรากฏว่า คราวนี้ ตำบลต่างๆ ในเขต อ.โกสุมพิสัย ถูกซอยแบ่งไปอยู่เขตเลือกตั้งที่ 1, 4 และ 5 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการผ่า อ.โกสุมพิสัย แบบนี้



          งานนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่าง “หัวเขียง” หรือประยุทธ์ แม่ทัพอีสานคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ต้องปรับแผนขนานใหญ่ เพราะอำเภอบ้านเกิดถูกซอยย่อยเป็น 3 ส่วน


          สุโขทัย..ปชป.เดือด!
          สนามสุโขทัย เหลือ 3 เขต มาตัั้งแต่การเลือกตั้งปี 2557 (เลือกตั้งโมฆะ) ทาง กกต.ส่วนกลางไม่เอารูปแบบเดิม โดยแบ่งใหม่ จัดการผ่า อ.กงไกรลาศ ให้บางตำบลไปอยู่ที่เขตเลือกตั้งที่ 1 และส่วนใหญ่อยู่ที่เขตเลือกตั้งที่ 2 พ่วงด้วย อ.บ้านด่านลานหอย อ.ทุ่งเสลี่ยม และ อ.คีรีมาศ


          ทันทีที่ข่าวแบ่งเขตเลือกตั้งแพร่สะพัด “สัมพันธ์ ตั้งเบญจผล” อดีต ส.ส.สุโขทัย พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศปลุกคนสุโขทัยว่า ไม่เอาเผด็จการ เนื่องจาก อ.กงไกรลาศ เป็นฐานเสียงสำคัญของสัมพันธ์มาทุกสมัย และเอาชนะผู้สมัคร ส.ส.ค่าย “เทพสุทิน” มาทุกครั้ง


          ลำพังพื้นที่ อ.กงไกรลาศ ถูกตัดแบ่งไปยังไม่เท่าไร แต่เจอ กกต.โยก “อ.ทุ่งเสลี่ยม” อันเป็นฐานคะแนนของกลุ่มบ้านใหญ่ศรีสำโรงเข้ามาอยู่ในเขตนี้ ก็เลยออกอาการฉุนขาด


          ยังไม่ชัดเจนว่า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จะส่งใครลงแข่งกับสัมพันธ์ แต่รับประกันว่า ดุเดือดแน่สนามนี้ แถม “บ้านใหญ่ศรีสำโรง” ก็แพ้ไม่ได้ ขอล้างตาสักครั้ง


          เมืองกาญจน์..ปชป.ปิ๋ว?
          สมรภูมิกาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับผลกระทบมากที่สุด หลังสองอดีต ส.ส. “อัฏฐพล-ธรรมวิชญ์” ทายาทกำนันเซี้ยย้ายออกไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังเหลือ “ส.จ.แมน” หรือ “ฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร” อดีต ส.ส.กาญจนบุรี สมัยเดียวที่ไม่ยอมย้ายตามไปด้วย


          อย่างไรก็ตาม “ฉัตรชัย” ก็ไม่พอใจกับการแบ่งเขตใหม่ เฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 2 อ.ท่าม่วง และ อ.ด่านมะขามเตี้ย เนื่องจากประชากรในพื้นที่ อ.บ่อพลอย (เฉพาะ ต.หนองกุ่ม) และ อ.พนมทวน(เฉพาะ 4 ตำบล) ถูกโยกออกไปจากเขต 2 เดิมไปอยู่เขตอื่น


          “ฉัตรชัย” บอกว่า การแบ่งแบบนี้ ทำให้ประชากรเขต 2 เหลือแค่ 142,047 คน ไม่ถึงจำนวนเฉลี่ยราษฎรต่อ ส.ส. 1 คน ตามเกณฑ์กำหนด ที่ต้องมี 177,596 คน


          สมรภูมิเล็กลง อาจทำให้คนหน้าใหม่ แต่บารมีล้นเหลือเหนือแผ่นดิน อ.ท่าม่วง อย่าง “กำนันฉอย” สงกรานต์ วอนเพียร ผู้สมัคร ส.ส.จากค่ายพลังประชารัฐ นอนฝันหวานถึงอาคารสภาหลังใหม่


          ปากน้ำโพ..สองผู้เฒ่ายิ้ม!
          การแบ่งเลือกตั้งที่นครสวรรค์หลายเขต ก็มีสลับอำเภอกันบ้าง แต่ที่น่าสนใจคือ เขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองนครสวรรค์ ในเขตเทศบาลและบางตำบลเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ต.มหาโพธิ์ อ.เก้าเลี้ยว และ ต.หนองยาว อ.ลาดยาว


          อดีต ส.ส.นครสวรรค์ ปี 2554 อย่าง “สงกรานต์ จิตสุทธิภากร” ค่าย ปชป.ก็เหนื่อยขึ้น แต่นักการเมืองรุ่นลายคราม “วีระกร คำประกอบ” และ “ภิญโญ นิโรจน์” ที่ย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ยิ้มออก เนื่องจาก อ.ลาดยาว เป็นฐานเสียงตระกูล “คำประกอบ” มาตั้งแต่รุ่นพ่อ สวัสดิิ์ คำประกอบ


          ทั้งหมดเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการเลือกตั้ง 350 สมรภูมิ การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ผ่านมา ย่อมมีผู้ได้เปรียบเสียเปรียบเป็นเรื่องปกติ มีการร้องเรียนกันแทบทุกครั้ง สุดท้ายผู้ชี้ขาดผลแพ้-ชนะอยู่ที่ประชาชน


          ครั้งนี้อาจพิเศษตรงที่มี “เดิมพันสูง” กลยุทธ์การต่อสู้ในสังเวียนการเมืองนั้น ย่อมหนีไม่พ้นกระบวนยุทธ์บทที่ว่าด้วยการยุทธ์มิหน่ายเล่ห์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ