คอลัมนิสต์

ทำไมเมืองไทยถึงมี "ห้าง" เยอะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ - รู้ลึกกับจุฬาฯ

 

               การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของอภิมหาห้างสรรพสินค้า “ไอคอนสยาม” ในเครือสยามพิวรรธน์ ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาไม่เพียงทำให้การจราจรในกรุงเทพมหานครกลายเป็นอัมพาตไปหลายชั่วโมง แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่สะท้อนให้เห็นปัญหาการจัดสรรและจัดการพื้นที่ในเมืองใหญ่ของไทยที่มักจะมีห้างสรรพสินค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ

                รศ.ดร.จิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาศ ผู้ช่วยอธิการบดี งานด้านการจัดการทรัพย์สิน และอาจารย์จากภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ที่มาที่ไปของค่านิยมการแห่ไปเที่ยวห้างของคนไทยมีความเป็นมาจากการที่เดิมสังคมไทยเป็นสังคมเกษตร ซึ่งใช้แรงงานเป็นหลัก พอหมดภารกิจในแต่ละวันก็ไม่มีการพักผ่อนหรือความบันเทิงที่ชัดเจน จะมีก็แต่การกินเหล้า เล่นการพนัน และเข้านอน

               แต่ในยุคการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นอุตสาหกรรม สังคมไทยจากเดิมที่มีความเป็นสังคมชนบทก็เริ่มเข้าสู่ความเป็นเมืองมากขึ้น คนไทยเมื่อเห็นเมืองนอกมีความเจริญ มีการพัฒนาด้านต่างๆ ก็อยากได้ความศิวิไลซ์ต่างๆ นานา อยากได้พื้นที่สาธารณะรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากลานวัด ทุ่งนาซึ่งชาวบ้านมักรวมตัวกันในงานบุญงานกุศล หรือกิจกรรมพื้นฐานของชุมชนมาแต่ในอดีต

                เมืองในยุคต่อมาเริ่มพัฒนามีย่านการค้า หรือย่านพาณิชยกรรมเกิดขึ้น เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป อย่างเช่น หากต้องการซื้อเสื้อผ้าชุดนักเรียนก็ต้องไปที่บางลำพู ต้องการซื้อผ้าก็ต้องไปที่พาหุรัด อย่างนี้เป็นต้น การเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าตามมาคือการตอบโจทย์ความสะดวกสบายของการนำย่านต่างๆ มารวมกัน

              “ห้างมันตอบโจทย์ One Stop Service เอาของที่อยู่ในพื้นราบมารวมกัน มีความครบและตอบโจทย์คนไทยที่มีเวลาในชีวิตจำกัดเพราะต้องตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน มีเวลาพักผ่อนน้อยแค่เสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่ไปห้างจะไปไหน” อาจารย์จิตติศักดิ์ตั้งคำถามลอยๆ

               แม้จะมีข้อเสนอจากบางกลุ่มว่าควรมีการจัดให้มีพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ในเมืองมากขึ้น เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ เป็นพื้นที่นันทนาการในเมืองใหญ่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยจำนวนมากไม่ได้มีอุปนิสัยชื่นชมการแสวงหาความรู้ หรือเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่ต้องการเสพความบันเทิงหรือการพักผ่อนหย่อนใจในรูปแบบง่ายๆ อย่างการช็อปปิ้ง การชมภาพยนตร์ การหาอาหารรับประทาน หรือเพียงแค่ได้เดินตากแอร์ในห้างเท่านั้น

                ทั้งนี้ การพัฒนาของห้างในยุคปัจจุบันสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อเมือง โดยเฉพาะด้านการจราจรเพราะห้างในยุคสมัยนี้เป็นโครงการขนาดอภิมหาโปรเจกท์ทั้งสิ้น ซึ่งการควบคุมหรือเตรียมการรองรับของรัฐตามไม่ทัน อย่างเช่น การไม่มีระบบการขนส่งมวลชนที่เพียงพอต่อการรองรับเมื่อมีห้างเปิดใหม่ ประกอบกับปัญหาการวางและจัดทำผังเมืองของประเทศไทยที่ไม่สามารถเร่งให้เกิดการควบคุมหรือชี้นำการพัฒนาที่เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเมือง หรือพูดให้ตรงคือภาคธุรกิจ ทำให้การเกิดขึ้นของห้างใหม่ๆ ในทุกแห่งมักตามมาด้วยปัญหาการจราจรติดขัดเสมอ

               “ต้องยอมรับว่าผังเมืองของ กทม.มันวุ่นวาย ในเมืองนอกเอกชนต้องเสียเงินให้แก่สาธารณะคือเมืองหรือคนในเมืองที่ได้รับผลกระทบเยอะมากนะถ้าต้องการสร้างห้างหรือโครงการขนาดใหญ่ๆ อะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง เพราะผลกระทบในแต่ละด้านมันเยอะ ทั้งเรื่องการเดินทาง เรื่องพลังงานด้วย อย่างห้างใหญ่ๆ ห้างหนึ่งใช้ไฟฟ้าเท่ากับตำบลเล็กๆ หนึ่งตำบลในต่างจังหวัดกันเลยนะ”

 

                อาจารย์จิตติศักดิ์ย้ำว่า ห้างไม่ได้ผิด แต่เป็นวิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ตามพัฒนาการของเมืองและสภาพสังคมเศรษฐกิจที่ประกอบสร้างกันขึ้นมา

                ขณะเดียวกันกับการผุดขึ้นของโครงการห้างสรรพสินค้าอย่างมากมาย ก็มีกระแสบางส่วนที่เรียกร้องให้มีพื้นที่สีเขียวเกิดขึ้น โดยเฉพาะคนไทยรุ่นใหม่ในกทม. หรือในเมืองใหญ่ๆ มีความโหยหาพื้นที่สาธารณะที่เน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติที่ดี ซึ่งอาจารย์จิตติศักดิ์ระบุว่าในอนาคตพื้นที่ดังกล่าว จะมีการพัฒนาและเกิดการใช้ประโยชน์ที่จริงจังและหลากหลายมากขึ้น

                “พูดถึงที่ว่างหรือสวนสาธารณะในเมือง ในสมัย ร.6 ร.7 เรามีบ้านเดี่ยวเป็นหลังๆ มีบริเวณไว้ปลูกต้นไม้ ไว้วิ่งเล่น ความเป็นเมืองที่รับรู้กันชัดๆ ก็คงเป็นตึกแถวหรือพวกอาคารราชการ คงไม่มีใครบอกว่าฉันอยากได้พื้นที่สีเขียวหรอกเพราะพื้นที่ว่างมันมีเต็มไปหมด ตอนนั้นคนไทยก็ไม่มีความรู้ด้านผังเมือง แม้จะมีการเรียนการรู้ขึ้นมาแต่มันก็มาทีหลัง มาไม่ทัน เมืองมันโตเร็วกว่า”

               ผลกระทบของการโตเร็วของเมืองทำให้ทุกวันนี้ กทม. แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเหลือพอจะมาทำสวนสาธารณะ เพราะที่ดินมีราคาสูงเกินกว่าจะซื้อมาเพื่อทำเป็นพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนใช้สอยในหลายพื้นที่

               กระแสคนรุ่นใหม่รักสุขภาพต้องการใช้สวนสาธารณะเพื่อออกกำลังกายเป็นประจำ อาจเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้พื้นที่สีเขียวของไทยมีความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องมีการจัดการที่ชัดเจน และแบ่งบทบาทหน้าที่ของพื้นที่ให้ชัด สวนในอนาคตคงไม่ได้ทำหน้าที่แค่สวน เช่น พื้นที่ในเมืองที่มีความแออัดอาจจะมีความต้องการพื้นที่สีเขียวมาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่บริเวณชานเมืองอาจกลายเป็นพื้นที่รองรับน้ำท่วม หรือใช้เป็นศูนย์อพยพเมื่อประสบภัยพิบัติ อย่างนี้เป็นต้น

               “ผมย้ำอีกทีนะว่าห้างไม่ใช่ตัวร้าย ห้างเป็นดัชนีที่ชี้วัดความเป็นอยู่ของประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติได้อย่างดี สิ่งที่ควรทำคือเราต้องรู้เขารู้เรา แล้วโตไปพร้อมๆ กัน รู้กันทั้งรัฐทั้งประชาชน รัฐเองก็ต้องพยายามเท่าทันอย่าให้คนด่า อย่าเอื้อประโยชน์แต่คนบางกลุ่ม และอย่าให้คนเดือดร้อน” อาจารย์จิตติศักดิ์ทิ้งท้ายไว้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ