ตลาด "วัว-ควาย"ใกล้ปิด ย้ายพรรคกันสนั่น!

          ทุกครั้งก่อนการเลือกตั้ง จะเป็นช่วงเวลาการย้ายค่ายย้ายพรรรค ที่ไม่แตกต่างกับการย้ายสโมสรของนักฟุตบอลก่อนถึงฤดูการแข่งขัน และการย้ายสโมสรของนักฟุตบอลก็ไม่แตกต่างจากการย้ายพรรคของนักการเมืองที่ร้องมี “ค่าตัว” 

          ต่างกันที่ค่าตัวนักฟุตบอลเป็นที่เปิดเผยในตลาดนักเตะ แต่ค่าตัวนักการเมือง เป็นที่ปิดบังในตลาด ที่เรียกกันว่า “ตลาดซื้อวัว-ควาย” เมื่อถามถึงเรื่องค่าตัวนักการเมืองแต่ละครั้ง มักจะถูกบอกปัดว่าไม่มีการจ่ายเงิน ทุกคนล้วนมาจากความศรัทธาแห่งอุดมการณ์เดียวกัน (อยากจะอาเจียนกับคำกล่าวอ้าง)

          ช่างเถอะ! แต่มาดูข้อเท็จจริงกันดีกว่า เมื่อตลาดนักการเมือง(ตลาดนัดวัว-ควาย)เปิด ราคาต่อรองพุ่งสูง ยิ่งจะต้องซื้อตัวให้เข้าสังกัดภายใน 26 พฤศจิกายนนี้ เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนการเลือกตั้ง (ถ้ายังยึดวันหย่อนบัตรที่ 24 ก.พ. 2562) เราจึงเห็นภาพการเปิดตัวอดีต ส.ส. ย้ายพรรคเข้าสังกัดแทบทุกพรรค (ยกเว้นพรรคเพื่อไทยที่เจ๊หน่อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กุมบังเหียน) ที่มีแต่ไหลออก ต้องดูกันอีกทีหลัง 26 พฤศจิกายน สะเด็ดน้ำแล้วยังมีอดีต ส.ส.ปักหลักที่เพื่อไทยกี่คน เพราะส่วนใหญ่จะไหลไปอยู่กับ “ทายาทอสูร”

          ข้อเท็จจริงปลายด้ามขวาน ย้ายพรรคเปลี่ยนค่าย สัญญาว่าจะจ่าย “25 ล้านบาทต่อหัว” ส่วนที่เหลือ 11 จังหวัด ในภาคใต้ไม่มีใครกล้าจ่ายเป็นรายหัวเพราะชนเจ้าของพื้นที่อย่างลูกพระแม่ธรณีบีบมวยผม พ่ายราบคาบทุกราย แต่เกิดวิธีการจ่ายใหม่ ให้ยึดคะแนนที่ได้ กี่พันคะแนน กี่หมื่นคะแนนจ่ายเท่าไร สูตรใหม่ของพรรคชายแดนเขมรคิดได้ 

          สำหรับภาคอีสานและเหนือ ตัวเต็งเรียกราคา 30 ล้านบาทขาดตัว เบอร์รองขอ 20 ล้านบาทขาดตัว เช่นเดียวกับภาคกลางที่ราคาไม่แตกต่างกัน ยกเว้น กทม. ที่ต้องพึ่งพากระแสล้วนๆ ตลาดซื้อขายจึงไม่ตั้งราคาให้ ฟังแล้วน่าอนาถใจสำหรับการเมืองไทย แต่ทั้งหมดปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อมูลนี้ดำรงอยู่จริง และเสบียงหรือกระสุน ขณะนี้ทุกพรรคพร้อม ยกเว้นค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ “อดอยากปากแห้ง" ไม่ได้เป็นรัฐบาลมาร่วม 7 ปี และไม่ค่อยคบใคร(ไม่มีใครคบ) ก็หา “เสบียง” ยากหน่อย 

          เหลือ 10 วันสุดท้าย (ถ้าไม่มีการเลื่อนเลือกตั้ง) ตลาดนัดวัว-ควาย กำลังจะปิดลง การต่อรองราคาซื้อขายอาจจะสูงขึ้น เพราะระบบการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่คนละเขต คนละเบอร์ไม่เหมือนกัน และเลือกตัวบุคคลแล้วค่อยมาคำนวณเป็นคะแนนพรรค (ปาร์ตี้ลิสต์) ผู้สมัครเขตจึงมีบทบาทสำคัญยิ่ง และนั่นหมายถึง “ค่าตัว” ในการย้ายค่ายจึงสูงเช่นกัน 

          ไม่มีแล้วสูตร 3-5-7 แบบสามัคคีธรรมเคยจ่าย มันเริ่มขึ้นราคาตั้งแต่เจ้าพ่อดาวเทียมอย่าง ทักษิณ ชินวัตร มาเล่นการเมือง ตั้งพรรคดูด ส.ส. เมื่อปี 2543 ที่มีสูตรใหม่ 10-20-30 ไม่ใช่สูตรปุ๋ยใส่นาข้าว แค่เป็นสูตรซื้อ “วัว-ควาย” เข้าสังกัด 

          มาณ วันนี้ ราคาว่ากันที่ 20-25-30 เข้าไปแล้วครับสำหรับประชาธิปไตยไทย