คอลัมนิสต์

ฟาดงวงฟาดงา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟาดงวงฟาดงา : คอลัมน์...  เด็ดยอด  โดย...  รักษ์ ปักธงไทย 

 

          “ผมไม่ออก” ถาวร เสนเนียม กล่าวกับคนใกล้ชิด หลังมีข่าวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สั่งสอบกรณีที่ถาวรเปิดบ้านพักที่สงขลาให้ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” และคณะ เดินคารวะแผ่นดินใช้เป็นที่เปิดรับสมัครสมาชิกพรรค รวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ซึ่งมีประชาชนชาวหาดใหญ่เดินทางมาเป็นสมาชิกพรรค เมื่อค่ำวันที่ 14 พฤศจิกายน กว่า 500 คน

 

 

          ในคืนวันนั้นไม่เพียงบ้านของถาวรจะถูกใช้ไปเป็นสำนักงานชั่วคราวชของพรรค รปช.เท่านั้น ยังมีเวทีปราศรัยขนาดย่อมของ “สุเทพ” ด้วย เขาแหลงใต้สะกดจิตสะกดใจผู้ชมได้ดีเหมือนเดิม


          ความตอนหนึ่งสุเทพบอกว่า “ผมไม่สนหรอกว่าอนาคตพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ผมสนใจในอนาคตประเทศชาติของเรามากกว่า”


          และความอีกตอนหนึ่งนายสุเทพหันมาพูดพร้อมสบตากับถาวรว่า “ถ้าไม่โดนเขาฉ้อฉลเอาคะแนนไป คงได้เป็นเลขาธิการพรรคแน่นอน”

 

 

ฟาดงวงฟาดงา


          เวลาไล่เลี่ยกันกับที่ภาพการเปิดบ้านของถาวร เพื่อรับรองนายสุเทพ และพรรครปช. หลุดออกมานั้น ช่างบังเอิญก็มีภาพของ “แทน เทือกสุบรรณ” ลูกชายคนโตของนายสุเทพ กุลีกุจอสนับสนุนหมอวรงค์ เมื่อครั้งเดินทางมาหาเสียงในการต่อสู้เพื่อหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

 

          เดิมทีกล่าวกันว่า สุเทพ ไม่รับรู้ว่าถาวรกับหมอวรงค์จะโค่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงรับรู้ก็ไม่นำพา ไม่สนใจไยดี เดินหน้าคารวะแผ่นดินทุกวัน


          ที่ไหนได้ถึงวันนี้แล้ว ท่าทีของทุกฝ่ายสะท้อนให้เห็นว่า สุเทพคงรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ยิ่งมองลึกลงไปในความสัมพันธ์ระหว่าง สุเทพ กับ ถาวร วงการเมืองมองขาดด้วยดาบเดียวว่า สุเทพ คือมาสเตอร์ มายด์ คือผู้วางแผน คือจอมบงการ คือผู้อยู่เบื้องหลัง ดันถาวรออกศึก เป้าหมายคือเปลี่ยนอภิสิทธิ์–จุติ เป็น หมอวรงค์–ถาวร ตามความต้องการของขุนทหาร ที่เห็นว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ชื่ออภิสิทธิ์ ไม่ว่านอนสอนง่าย เปรียบกับหมอวรวงค์แล้ว เป็นยาชงหวานทานง่าย สบายใจ ไม่เสาะท้อง และการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ไม่ใช่แค่แนวคิดของสุเทพที่ฟาดใส่ทักษิณ แต่สุเทพต่างหากที่ทำก่อนทักษิณ ต่างกันที่ของทักษิณทุกคนยินยอมพร้อมใจ แตกกันเป็นอะมีบา แต่สูตรแตกแบงก์ของสุเทพนั้น เขาคิดเอง แตกเอง นักเลงพอ

 



ฟาดงวงฟาดงา

          และแล้วเรื่องราวที่โรงแรมสุโขทัยในบ่ายวันนั้น ระหว่างนักการเมืองผู้ช่ำชองในพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง กับพ่อค้าอาวุธคนหนึ่ง เห็นจะเป็นจริงดังว่า เพราะหลังจากที่พ่อค้าอาวุธซึ่งใหญ่โตในสายทหารคนนี้หันหลังจากไปเหลือไว้เพียงกระเป๋า 1 ใบโต ปฏิบัติการล้มอภิสิทธิ์ เปิดทางปฏิรูปพรรคตามแนวสีเขียวก็บังเกิด และเอาเถิดเจ้าล่อกันจนปั่นป่วนไปทั้งพรรค แทบจะแตก แต่ก็ยังไม่แตก จวนเจียนจะพังแต่ก็ไม่พัง ประชาธิปัตย์วัย 72 ปีรอดได้แบบคางเหลือง


          จนถาวรเปิดบ้านต้อนรับคณะสุเทพนั่นละ ดูออกจะท้าทายเกินไป ที่ว่าปริก็ร้าว ที่ว่าร้าวก็แหลกลาญ และ ลึกจนแยก “แตกกันดังโพละ” ...งานนี้ศิริโชคที่เดินร้องไห้ออกจากวันประชุมพรรคได้ปาดน้ำตาเสียที ถาวรผู้ปราดเปรื่องสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำ ปากว่า “ไม่ออก” แต่เห็นจะอยู่ต่อไปยากเต็มที


          สู้กันเองต่อไปประชาธิปัตย์ กองเชียร์นั่งเท้าคางรออยู่ สงครามจบ นับศพไว เหลือเท่าไร ก้าวต่อไป ชนะศึกในแล้วต้องชนะสงครามเลือกตั้งใหญ่ด้วย อภิสิทธิ์วัย 54 ปีต้องนำทัพชนะ"ยืนหนึ่ง” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสถานเดียว ผิดจากนี้ หลุดจากช่วงชีวิตนี้ เก็บกระเป๋าได้เลย.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ