คอลัมนิสต์

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!? : รายงาน  โดย...  ทีมข่าวอาชญากรรม


 

          เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาสังคมไทยเกือบจะมีข่าวสลด เพราะมีเหตุการณ์พ่อแม่ลูกหมดสติในรถยนต์ ขณะวิ่งอยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี กม.39+800 ขาเข้าชลบุรี หมู่ 9 ต.บางวัว อ.บางปะกง โดยมี นายธนัยนันท์ เชื้อถิระพงษ์ ผู้เป็นพ่อเป็นคนขับ อยู่ในอาการสั่นเทา เกร็ง ส่วน น.ส.จิตรารัตน์ นามจำปี ภรรยา นอนหมดสติบนที่นั่งข้างคนขับ น้ำลายฟูมปาก และที่เบาะหลังพบ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) วัย 7 ขวบ ลูกสาว หมดสติอยู่ในอาการชักเกร็ง ลิ้นแข็ง ซึ่งตำรวจ สภ.บางปะกง พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และกู้ชีพ รพ.บางปะกง ใช้เครื่องช่วยหายใจก่อนรีบนำส่ง รพ.บางปะกง 

 

 

 

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!?

 

 

          กระทั่งเวลาต่อมาทาง รพ.บางปะกง ประสานไปยัง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อนำผู้ป่วยทั้ง 3 คน ไปรักษาต่อ เนื่องจากมีเครื่องมือครบครันในการรักษา ทันทีที่ถึงมือแพทย์ก็ได้ตรวจดูอาการ โดยวินิจฉัยว่าน่าจะเกิดจากการสูดดมก๊าซจากท่อไอเสียที่เข้าไปในรถยนต์เป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดอาการหมดสติ และผลการตรวจสอบพบสาร “คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)” ที่เกิดจากไอเสียรถยนต์ ไปจับเม็ดเลือด ทำให้เลือดไปส่งตามร่างกายไม่ได้ ส่งผลให้หมดสติ แต่ทั้ง 3 ชีวิตถึงมือหมอทันเวลา และเครื่องมือแพทย์ที่เพียบพร้อม ทำให้รอดปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต


          นายธนัยนันท์ บอกว่า ก่อนหมดสติได้กลิ่นลักษณะคล้ายควันจากท่อไอเสียภายในรถ แต่ก็ยังฝืนขับรถมาเรื่อยๆ เกือบ 1 ชั่วโมง พอรู้สึกตัวว่าจะไม่ไหวแล้ว จึงจอดรถเข้าข้างทาง และสะกิดเรียกภรรยาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย จึงอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ใช้รถ

 

 

 

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!?

 

 

          เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น นายทวี เมธีศุภภัค วิศวกรเครื่องกลชำนาญการพิเศษ สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบรถยนต์เก๋งนิสสัน อัลเมร่า สีขาว หมายเลขทะเบียน 2กก-7720 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันเกิดเหตุ จนพบต้นตอที่ทำให้ “ก๊าซพิษคาร์บอนมอนอกไซด์” เข้าไปอยู่ในห้องโดยสารรถ เนื่องจากรถคันนี้ถูกดัดแปลงสภาพด้วยการตกแต่ง “ตีสเกิร์ตรอบคัน” โดยเฉพาะที่บริเวณกันชนหลังนั้นมีการดัดแปลงเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทำเป็นสเกิร์ตไฟเบอร์ที่มีรูปทรงลักษณะของการปิดหุ้มปลายท่อไอเสียเข้าไปไว้ด้านในตัวรถด้วย จึงทำให้ไอเสียที่ถูกพ่นออกมานั้น หมุนวนอยู่แต่ภายในบริเวณใต้ท้องรถ และมีไอเสียบางส่วนเล็ดลอดเข้าไปยังภายในตัวรถ ที่บริเวณช่องเก็บของด้านหลังฝากระโปรงท้าย ซึ่งมีรูที่ถูกเจาะมาจากทางโรงงาน

 

 

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!?

 


          “คาร์บอนมอนอกไซด์” ถือเป็น “มหันตภัยร้าย” ของผู้ใช้รถยนต์ เป็นภัยใกล้ตัวที่หลายคนคาดไม่ถึง สามารถ “คร่าชีวิต!” แบบไม่รู้ตัว และเป็นอันตรายที่สุด หากจอดรถติดเครื่องยนต์เปิดแอร์นอนในรถ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนชอบทำ และมีคนเสียชีวิตจริง จากการติดเครื่องเปิดแอร์นอนในรถมาแล้ว แทบจะทุกปีมักมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หลายคน หลายหน่วยงาน ต่างออกมาให้ความรู้และเตือนภัยทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ อาทิ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) และ แพทย์นิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ


          การนอนในรถยนต์และติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ที่หลายคนคิดว่าเพื่อความสบายในการพักผ่อนนั้น ถือเป็นความคิดที่ “ผิดมหันต์” อาจจะด้วยความเข้าใจว่าการเปิดแอร์คือการหมุนวนอากาศภายในห้องโดยสาร ทั้งที่ความจริงแล้ว ห้องโดยสายในรถยนต์ไม่ใช่ห้องที่ถูกผนึกแน่นจนอากาศไม่สามารถไหลเวียนได้ แต่ทว่าตามช่องประตู หรือรูอุดที่ไม่เห็นในห้องโดยสารรถยนต์ จึงยังมีช่องทางให้อากาศไหลเวียนได้ซ่อนอยู่

 

 

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!?

 

 

          ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ในแต่ละครั้ง เครื่องยนต์จะปล่อย “ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์” ซึ่งเป็น “ก๊าซพิษ” ออกมา ขณะที่รถยนต์วิ่ง ระบบแอร์ที่ถูกเปิดอยู่ จะดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาหมุนเวียนอยู่ในรถตลอดเวลา เช่นเดียวกับตอนที่เราเปิดแอร์เพื่อนอนหลับ ซึ่งในขณะรถยนต์จอดแน่นิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้วิ่งไปไหน ระบบแอร์ก็จะดูดอากาศจากด้านนอกเข้ามาสู่ห้องโดยสารเช่นกัน แต่ครั้งนี้จะเป็นอากาศที่มี “ก๊าซพิษ” ผสมอยู่ด้วย โดยระหว่างที่เรากำลังนอนหลับอยู่แบบไม่รู้สึกตัวนั้น ฝันร้ายกำลังคืบคลานมาเยือน เพราะกำลังนอนสูดควันพิษจาก “ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์” เข้าไปแบบเต็มๆ ยิ่งนอนหลับไปนานเท่าไร ก็เท่ากับได้รับ “ก๊าซพิษ” มากเท่านั้น และเจ้าก๊าซที่ว่าจะกลายเป็น “มัจจุราช” ฆ่าคนในรถ..!

 


          ขณะเดียวกัน ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ ได้ระบุถึงอันตรายของการสูดดม “ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์” ขณะนอนเปิดแอร์ในรถเอาไว้ว่า หากมีการสะสมก๊าซชนิดนี้ในร่างกายปริมาณมาก จะส่งผลให้ระดับ “ฮีโมโกลบิน” ในร่างกายของเราให้ลดต่ำลงด้วย ซึ่งจะเกิดอาการระคายเคือง ปวดศีรษะ เซื่องซึม เคลิบเคลิ้ม สั่นกระตุก หายใจติดขัด หัวใจเต้นผิดปกติ และมีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด


          ถึงกระนั้นการนอนในรถเป็นสิ่งที่หลายคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะเวลาขับรถเดินทางไกลๆ ร่างกายก็อ่อนเพลีย ง่วงนอน ต้องการพักผ่อนสั้นๆเพื่อ “ชาร์จพลัง” สำหรับการเดินทางต่อ แต่คำถามคือ “นอนในรถอย่างไรให้ปลอดภัย” !?  


          สำหรับข้อแนะนำง่ายๆ หากจำเป็นต้องนอนในรถ (ย้ำว่าจำเป็นเท่านั้น)..! คือ 1.หาที่เหมาะสม เมื่อเริ่มรู้สึกง่วงพยายามหาที่เหมาะสมในการจอดรถ ซึ่งควรจอดในสถานีบริการอย่างปั๊มน้ำมัน ถ้าเป็นไปได้ หรือถ้าไม่มีก็พยายามหาจุดที่เป็นชุมชน ป้อมตำรวจทางหลวง หรือไม่ก็มีแสงไฟสลัวๆ ดีกว่า เพื่อป้องกันโจรไปด้วยในตัว 2.ดับเครื่องยนต์ ลดกระจก เมื่อจอดแล้วดับเครื่องยนต์ทันที แล้วแง้มกระจกลงสักนิดของประตูรถทั้งหมด เป็นช่องแค่พอฝ่ามือสอด และ 3.ใช้พัดลมแอร์ช่วย เมื่อพร้อมจะหลับก็ให้บิดกุญแจไปที่จังหวะออนเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน จากนั้นเปิดสวิตช์แอร์ เมื่อเปิดแล้วให้หาปุ่มที่เขียนว่า “A/C” หรืออาจจะเป็นรูปรถที่มีลูกศรชี้เข้ามาในตัวรถจากภายนอก ให้เลือกกดปุ่มดังกล่าว ซึ่งพัดลมแอร์จะดูดอากาศมาหมุนเวียนในห้องโดยสาร ถึงแม้จะไม่เย็นเหมือนแอร์ แต่ก็พอให้เคลิ้มหลับได้สบาย

 

 

 

 

'คาร์บอนมอนอกไซด์'..มหันตภัยร้ายในรถยนต์!?

 


          นอกจากนี้ระหว่างเดินทาง ไม่ว่าขณะรถวิ่ง หรือรถจอดติดนานๆ ก๊าซก็อาจจะไหลเข้ามาในรถได้ทำให้เรารู้สึกง่วงนอน ดังนั้น หากใครที่ขับรถแล้วรถติดเป็นระยะเวลานานจนรู้สึกง่วง ก็ควรเปิดกระจกระบายอากาศบ้าง เช่นเดียวกัน ระหว่างรถวิ่งอยู่ถ้าได้กลิ่นเหมือนควันรถก็ควรเปิดกระจกเพื่อระบายอากาศ มิเช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์แบบ 3 ชีวิตพ่อแม่ลูก ที่ประสบเหตุบนทางด่วนบูรพาวิถี


          รู้แล้วต้องบอกต่อ...การติดเครื่องยนต์เปิดแอร์นอนในรถเป็นสิ่งที่ผิด อันตรายถึงชีวิต เพราะพิษร้ายของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รถจะหลักแสน หรือหลักล้าน จะใหม่หรือเก่า ก็มีความเสี่ยงเท่ากัน ไม่รู้ว่าหลับแล้วจะได้ลืมตาตื่นมาเจอคนในครอบครัวอีกหรือเปล่า...!! 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ