คอลัมนิสต์

กัญชาในนามของยาวิเศษ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กัญชาในนามของยาวิเศษ : คอลัมน์... เด็ดยอด  โดย... รักษ์ ปักธงไทย 


 

          กัญชา ถูกเตรียมให้ใช้เป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทและเป็นยารักษาโรค


          (วิกิพีเดีย) ในทางเภสัชวิทยา องค์ประกอบที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทหลักของกัญชา คือ เตตระไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ซึ่งเป็นสารประกอบหนึ่งจาก 483 ชนิดที่ทราบว่า พบในต้นกัญชา ซึ่งสารอื่นที่พบมี แคนนาบินอยด์ และอีกอย่างน้อย 84 ชนิด เช่น แคนนาบิไดออล (CBD) เตตระไฮโดรแคนนาบิวาริน (THCV) และ แคนนาบิเจอรอล (CBG) เป็นต้น

 

 

          เรารู้จักกัญชาในฐานะพืชที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์ ให้เราอยู่ในภาวะเคลิ้มสุข มีความผ่อนคลาย แต่ก็อยากอาหารเพิ่มขึ้น

 

          ผลข้างเคียงไม่พึงปรารถนา เช่น ความจำระยะสั้นลดลง ปากแห้ง อยากความหวาน ทักษะการเคลื่อนไหวบกพร่อง ตาแดงจัด รู้สึกหวาดระแวง บางครั้งวิตกกังวล


          มีบันทึกการใช้กัญชาครั้งแรกตั้งแต่สหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล นับแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 กัญชาถูกจำกัดตามกฎหมาย


          ปัจจุบันการครอบครอง การใช้หรือการขายการเตรียมกัญชาปรุงสำเร็จซึ่งมีแคนนาบินอยด์ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ผิดกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก


          สหประชาชาติแถลงว่า กัญชาเป็นยาผิดกฎหมายที่ใช้มากที่สุดในโลก


          ในปี 2547 สหประชาชาติประมาณการบริโภคกัญชาทั่วโลกชี้ว่า ประมาณ 4% ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลก (162 ล้านคน) ใช้กัญชาทุกปี ประมาณ 0.6% (22.5) ใช้ทุกวัน


          ปัจจุบันในประเทศไทยกัญชาถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษทางอาญากับผู้เสพและผู้ครอบครองและไม่มีการอนุญาตให้นำมาใช้ในทางการแพทย์แต่อย่างใด

 

          ล่าสุด สนช.กำลังเสนอกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา ให้เป็นยารักษาโรค โดยประสานกับกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้องค์การเภสัชฯ วิจัยการนำสารสกัดบางตัวในกัญชามาทำเป็นยา และจะเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในเดือนนี้


 

          ไทยกำลังตื่นตัวเรื่องการสกัดสารในกัญชามารักษาโรค ทางด้านแคนาดาที่ให้ขายกัญชาอย่างจำกัด แต่เสรี ปรากฏว่าขายดีจนไม่พอขาย

 

          หันไปดูเฟซบุ๊กของ อาจารย์ไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา "ลุงป้อม” รายงานว่า เม็กซิโกเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งกำลังปลดล็อกกัญชา ให้ใช้ในทางการแพทย์ และสันทนาการได้เต็มรูปแบบ


          ทำให้ขณะนี้มีหลายสิบประเทศ ที่แข่งกันนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ให้ประชาชนใช้ได้โดยทั่วไปรวมทั้งสันทนาการด้วย

 

          อาจารย์ไพศาลเล่าว่า ประเทศเหล่านี้เห็นประโยชน์และรักษาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยระบุว่าถ้าไม่ทรยศชาติ ไม่ขายชาติ ไม่ปล้นชาติเสียอย่าง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชนก็ทำได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีการใช้เล่ห์อุบาย ขันล็อกกัญชา ให้กลายเป็นยาเสพติดประเภท 2 เพื่อล็อกงบเอาไว้ซื้อสารคีโมกับมอร์ฟีนหวังฟันใต้โต๊ะกัน บ้านเมืองก็บรรลัย


          อาจารย์ไพศาลยังเสนอเรื่อง จีนเชิญคณะผู้เชี่ยวชาญ การสกัดกัญชา รักษาโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ จากประเทศไทย ไปดูงานการปลูกกัญชา และโรงพยาบาลที่ใช้สารสกัดจากกัญชาในการรักษาโรคที่เมืองคุนหมิง ซึ่งจะขยายเป็นเมืองพยาบาล ที่เป็นศูนย์การรักษาพยาบาลด้วยการแพทย์ทางเลือกที่ใหญ่ที่สุด


          ข้อมูลของอาจารย์ไพศาล พืชมงคล บอกว่า สารสกัดจากกัญชาจะช่วย มะเร็ง พาร์กินสัน ลมชัก ซึมเศร้า โรคเครียด โรคนอนไม่หลับ ความดัน เบาหวาน ไต ที่ไม่มีทางรักษาแล้ว


          รวมถึงว่า ถ้าปลดล็อกกัญชา ไม่เป็นยาเสพติด สิ่งที่จะได้ตามมาคือ
          1.เกษตรกรในภาคเหนือและอีสาน จะร่ำรวยกันถ้วนหน้า เพราะผลผลิตจากกัญชา จะได้ราคาถึงไร่ละล้านบาท โดยเฉพาะพื้นที่ที่ปลูกอย่างอื่นไม่ได้ และทั่วโลกต้องการ โดยเฉพาะกัญชาไทยดีที่สุดในโลก


          2.ประเทศไทยจะมีรายได้จากการส่งออกกัญชาไปยังประเทศที่เขาปลดล็อกแล้วที่ผลิตเท่าไรก็ไม่พอ ดีกว่าไปปลูกข้าวโพดทำอาหารสัตว์ และรัฐไม่ต้องรับภาระ ในการพยุงสินค้าเกษตรอีกต่อไป


          3.การแพทย์แผนไทยและการรักษาโรคร้ายแรงสารพัดชนิดจากการแพทย์แผนไทย จะเชิดหน้าชูตา ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลโรคร้ายแรงสารพัดด้วยการแพทย์แผนไทยที่จะทำรายได้ให้แก่ประเทศชาติมหาศาล


          4.ประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งและญาติมิตรนับล้านๆ คนจะได้รับประโยชน์ จะมีโอกาสรักษาพยาบาลได้อย่างดีที่สุดด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง


          5.จะประหยัดเงินที่ประเทศต้องจ่ายไป เป็นค่าซื้อหรือนำเข้ายาจากต่างประเทศ รวมทั้งคีโม และมอร์ฟีนปีละกว่า 4 แสนล้านบาท


          6.คนไทยจะสร่างหายจากโรคร้ายหลายชนิดเช่น มะเร็ง พาร์กินสัน ลมชัก ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคเส้นเลือด โรคซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ โรคเครียด เป็นต้น อาณาประโยชน์มีมากมายขนาดนี้แล้วจะลังเลอะไร


          ปิดท้ายสัปดาห์นี้มีเรื่องเล่า ผลการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าใครอยู่ ใครไป ขอให้รู้เถิดว่า เพียงเพราะเกลียดหนู 2 ตัวข้างอภิสิทธิ์ ถึงกับเอาเงินคนนอกมาเผาพรรคตัวเอง คนแบบนี้คบไม่ได้ ปัจจุบันนี้คนทั้งพรรคไม่คบหนู 2 ตัวข้างอภิสิทธิ์แล้ว ในฐานะเป็นชนวนทำลายพรรค หนูทั้ง 2 ตัว เมื่อรู้ตัวแล้วก็ออกจากพรรคเถิด แล้วเอาพวกไอทีราคาแพงออกไปด้วย คบใครไม่คบ ไปคบศัตรูเป็นมิตร แล้วเอาศัตรูมาดูไอทีให้พรรค... "อภิสิทธิ์ไม่ตายก็คางเหลือง” เรื่องของเรื่อง...ขึ้นต้นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา...คบคนชั่วเป็นมิตรก็เป็นเช่นนี้ อภิสิทธิ์ควรรู้ดี

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ