
"อัยยวัฒน์"เลือดข้นของ "วิชัย"
ในบรรดาทายาททั้ง 4 ของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" คนที่กำลังถูกจับจ้องที่สุด คือ "ต๊อบ อัยยวัฒน์" บุตรชายคนสุดท้อง
ต๊อบ อัยยวัฒน์ จบประถมและมัธยมที่ ร.ร.เซนต์คาเบรียล และจบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการเป็นเจ้าของธุรกิจ (ภาคภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ด้วยความที่เขาคลุกคลี สนิทสนมกับผู้พ่อมากกว่าพี่คนไหน เพราะหลังเลิกเรียนก็ต้องไปคอยพ่อที่บริษัท ในขณะที่พี่ๆ เรียนอยู่ต่างประเทศทั้งหมด
เมื่อเรียนจบ ช่วงปี 2552 เขาจึงได้ก้าวเข้ามาทำงานในฐานะผู้ช่วยประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ดังนั้นถึงนาทีนี้ ภาพของต๊อบจึงไม่เพียงต้องสานต่องานพ่อ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นซีอีโอคนใหม่แบบไร้เงาพ่อ
แต่อีกทางหนึ่ง เขายังเป็นคนที่อยู่เคียงข้างบิดาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมากที่สุด
อย่างที่รู้กัน ต๊อบเติบโตมาสบช่วงจังหวะที่วิชัยมาถึงจุดที่พักวางภาระทางหนึ่ง แล้วลงเล่น “ของชอบ” ได้อย่างเต็มมือ
แต่จะว่าไป “ฟุตบอล” ไม่ใช่ของชอบของพ่อคนเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เสี่ยวิชัยจะกล้าทุ่มทุนหลายสิบล้านปอนด์เพื่อซื้อสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตีในอังกฤษ
และผ่องถ่ายอำนาจส่วนหนึ่งให้บุตรชายในฐานะ "รองประธานสโมสร"
ภาพเวลานั้น จึงเป็นภาพของสองพ่อลูกที่กอดคอกันฟันฝ่าด่านอันยากลำบาก ทั้งจากคำดูเบาในศักยภาพของทีมตกชั้น หรือคนไทยเองก็มองว่า นี่คือการหาของเล่นให้ลูกชายคนเล็ก
หรือแม้แต่ในสโมสรเอง ฝรั่งมังค่าก็ยังไม่มั่นใจว่าพ่อลูกชาวไทยจะบริหารทีมไปได้ขนาดไหน ยิ่งกับรองประธานหนุ่มวัย 25 ยิ่งน่าเป็นห่วง
แต่ปรากฏว่าผ่านไป 6 ปี ในปี 2559 ทั้งคู่ทำให้เลสเตอร์ซิตี หลุดพ้นจากความเป็น “Underdog" ไปสู่ “แชมป์พรีเมียร์ลีก” กลายเป็น “จิ้งจอกสยาม” ที่คนไทยพลอยภูมิใจไปด้วย
ดังนั้น วันนี้ การที่ต๊อบถูกจับตามองว่าเขาจะรับมือกับการดูแลอาณาจักร “คิง เพาเวอร์” ต่อไปยังไงเมื่อไร้เงากุนซืออย่างผู้พ่อ
โดยเฉพาะดิวตี้ฟรีที่สุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูมิภาคอีก 3 แห่ง ที่กำลังจะหมดอายุสัญญาลงในสิ้นเดือนกันยายน 2563 ซึ่งรัฐบาลต้องเปิดประมูลใหม่แน่ๆ
แต่ถ้าลองย้อนดูไปถึงวันที่พ่อเริ่มสงครามชีวิต ลงลุยสนามธุรกิจในวัยสามสิบต้นๆ วันนี้ลูกกำลังออกโรงเต็มตัวในวัยไล่เลี่ยกัน
เชื่อว่าเลือดนักสู้ของวิชัย วิ่งพล่านอยู่เต็มตัวลูกต๊อบอยู่แล้ว