คอลัมนิสต์

ใช้ฝีปาก จัดบัญชีรายชื่อ "เพื่อไทย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใช้ฝีปาก จัดบัญชีรายชื่อ "เพื่อไทย" : คอลัมน์...  ขยายปมร้อน โดย...  ทีมข่าวเฉพาะกิจออนไลน์


 

          สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสข่าวการเปิดตัวพรรคตระกูล “เพื่อ” ไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อธรรม หรือพรรคเพื่อชาติ ที่ถูกมองว่าเป็นพรรคนอมินีหรือพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าก็ออกมาเป็นระยะๆ

 

 

          โดยเซียนการเมืองวิเคราะห์กันว่า ที่ต้องมีพรรคต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาเป็นวิธีการแก้เกมของพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้งกับคสช.เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เขียนล็อกอะไรไว้หลายชั้นและที่สำคัญเขียนให้พรรคใหญ่อ่อนแอ ให้พรรคขนาดกลางมีบทบาท


          พรรคตระกูลเพื่อยังถูกตั้งมาไว้เพื่อรองรับหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบ พรรคเหล่านี้ก็จะเป็นพรรคอะไหล่ สำรองไว้ให้ถ่ายเทหรือถ่ายโอน สมาชิกไปอยู่เพื่อจะได้สู้ศึกเลือกตั้งต่อไปในนามพรรคนั้นๆ


          หากจะพูดถึงเรื่องการยุบพรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคหลายคนและทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย คงไม่กังวลกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะแกนนำพรรคหลายคนมองว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ผู้มีอำนาจสามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะการยุบพรรคที่ผ่านมาเคยถูกยุบมาแล้ว


          ทีมยุทธศาตร์ได้ประเมินไว้ 2 แนวทาง คือ  1.ยุบก่อนวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งหากยุบก่อนวันที่ 24 พฤศจิกายน สมาชิกพรรรคเพื่อไทยก็จะยังสามารถย้ายไปสังกัดพรรคอื่นได้ตามเงื่อนไขเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้


          2.ยุบหลังวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งอันนี้จะถือว่าเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่แต่ตามรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าต้องเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 90 วันจากวันเลือกตั้ง จะถือว่าถูกลอยแพ


          แต่หากหวยออกเป็นแนวทางที่ 2 เพื่อไทยก็มีการเตรียมแผนสำรองไว้แล้วและเชื่อว่าจะเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย โดยมีการเสนอทางออกไว้กับแนวทางนี้คือ



          1.โนโหวต เพราะหากคิดคำนวณจากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่เดิมอยู่ประมาณ 17 ล้านเสียงและเชื่อว่าในขณะนี้มีถึง 20 ล้านเสียงแน่นอน ซึ่งการเลือกตั้งก่อนหน้านี้มีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 41 ล้านเสียง หากไม่ไปใช้สิทธิถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ก็มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน


          2.โหวตโน คือรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ แต่เลือกไม่ลงคะแนนให้ใคร ซึ่งวิธีนี้แม้มีผู้ชนะในการเลือกตั้งเขตนั้นๆ แต่หากคะแนนโหวตโนมากกว่า ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น


          จึงเชื่อว่าแนวทางการยุบพรรคเพื่อไทย ฝ่ายผู้มีอำนาจเองอาจจะไม่เลือกใช้วิธีนี้หรืออาจจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

          วิธีต่อไปของผู้มีอำนาจคือหลังการเลือกตั้งเสร็จอาจจะมีการแจกใบส้ม ซึ่งวิธีนี้ถือว่าเป็นอาวุธสำคัญในการสกัดส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เพราะเมื่อถูกแจกใบส้มแล้วก็ต้องมีเลือกตั้งใหม่และคนเดิมที่ชนะก็ไม่สามารถลงแข่งใหม่ได้ เชื่อว่าจะมีการแจกในส้มจำนวนมากอย่างแน่อน หากพรรรคเพื่อไทยได้ส.ส.จำนวนมาก


          แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ คือการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค และเมื่อได้ผู้นำธงแล้ว ประเด็นสำคัญต่อไปคือ การวางตัวผู้สมัครทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ


          ส่วนของการแบ่งส.ส.เขต พรรคเพื่อไทยดูเหมือนไม่ค่อยมีปัญหามากนักในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน จะมีก็เพียงบางเขตเพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนส.ส.น้อยลง เขตน้อยลง และยังมีในส่วนที่อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อจะหนีไปลงเขตจำนวนหนึ่ง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนจำกัดจำนวนส.ส.ไว้


          พรรคเพื่อไทยหากได้ส.ส.เขตจำนวนมาก ก็จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลงไป โดยแกนนำพรรคมีการประเมินกันว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าหากได้ส.ส.เขตประมาณ 200 คน จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 20 คนและมากที่สุดก็ไม่เกิน 30 คน


          ทำให้การจัดส.ส.บัญชีรายชื่อเกิดความวุ่นวายแน่นอน ต้องไม่ลืมว่าเดิมพรรคเพื่อไทยเคยได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 60-70 คน แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่แล้ว แค่ไล่เรียงแกนนำของพรรคมาจัดรายชื่อก็น่าจะเกิน 20 อันดับแล้ว


          เรื่องนี้จึงมีเสียงสะท้อนออกมาจากบรรดาอดีตส.ส.ว่า คสช.จะทำทุกทางให้กลับมาได้เป็นรัฐบาลและสืบทอดอำนาจอย่างแน่นอนและพรรคเพื่อไทยก็ต้องเป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอน 


          ในการจัดส.ส.บัญชีรายชื่อน่าจะต้องให้คนที่เป็นส.ส.ฝีปากกล้า มีเหตุผล กล้าที่จะปะทะอภิปรายอย่าเอาคนที่พูดไม่เป็นไปนั่งในสภา เพราะจะไม่เกิดประโยชน์เลย ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ในสภาได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกฯ ด้วยแล้ว พรรคเพื่อไทย จะต้องนำเอาข้อมูลเก่าๆ ไปแฉในสภา ไปพูดในสภา ถ้าเอานักการเมืองขี้กลัวเข้าไปนั่งสภา ก็จะทำให้พลาดโอกาสการให้ข้อมูลแก่สังคม


          พรรคเพื่อไทย ถือว่ามีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและมีนักพูดฝีปากกล้าอยู่จำนวนไม่น้อย อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และแกนนำคนเสื้อแดงที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้นำคนเหล่านี้ไปทำงานในสภา เพราะก็คงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่หากได้นำข้อมูลต่างๆ มาบอกสังคมประชาชนก็จะมีผลดีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 


          ส่วนแกนนำหลายคนที่มีความสามารถในเชิงบริหารให้ไปอยู่ในบัญชีของรัฐมนตรี เพราะยังไม่มีความจำเป็นในสภา จะถือว่าเสียของ เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน


          หากเป็นฝ่ายค้านแล้วทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ มีการอภิปรายได้อย่างชัดเจน นำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณะได้มากมาย เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สามารถรับแรงกดดันได้นานและมีผลกับอายุของรัฐบาลหน้าอีกด้วย
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ