คอลัมนิสต์

"พรรคผมต้านเผด็จการ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"พรรคผมต้านเผด็จการ" :  คอลัมน์...  คมชัดลึก...ลุยเลือกตั้ง  โดย...  สมัชชา หุ่นสาระ


 

          “วีรบุรุษนาเเก” คือฉายาของอดีตนายตำรวจชื่อดังของเมืองไทย ที่วันนี้ผันตัวมาลงนามเลือกตั้งเเละตั้ง “พรรคเสรีรวมไทย” เพื่อขอสิทธิจากประชาชนในการเเก้ปัญหาบ้านเมือง

 

 

          พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ว่าที่หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดใจกับสื่อเครือเนชั่นในการลงสนามการเมืองครั้งนี้หลังจากเมื่อปี 2555 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เปิดตัวลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งครั้งนั้นการเลือกตั้งมีขึ้นวันที่ 3 มีนาคม 2556 ในนาม “กลุ่มพลังกรุงเทพ” และได้รับคะแนน 166,582 คะแนน แม้จะไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ก็มีคะแนนในอันดับสาม


          0 เหตุผลที่จะลงสนามการเลือกตั้งครั้งนี้คืออะไร
          “ผมถามตัวเองก่อนว่าพร้อมหรือไม่ที่จะทำงานให้บ้านเมือง วันนี้เกษียณอายุราชการมาสิบปี เเต่ร่างกาย ความคิดและจิตใจของผมยังพร้อม เรียกว่าพร้อมทุกด้าน แต่ขณะนี้บ้านเมืองยังมีปัญหา ผมไม่อยากเห็นว่าตัวเองพร้อม เเต่ต้องหายใจทิ้งไปวันๆ มันมีประโยชน์อะไร จึงจะอาศัยช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่ยังพร้อมทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน โดยอาสามารับใช้บ้านเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามอุดมการณ์และนโยบายของพรรคสำหรับชื่อพรรคเสรีรวมไทยเพื่อให้สอดรับกับข้อเท็จจริงของสังคมที่มีปัญหาเเบ่งแยกสีเสื้อกันอยู่ ผมจึงอาสาที่จะมารวมไทยให้เป็นหนึ่งเดียว จึงใช้ชื่อพรรคว่าพรรคเสรีรวมไทย”


          พรรคนี้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2556 แต่ยังไม่เคยส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้จะเป็นการลงสนามครั้งเเรกของพรรค เนื่องจากมีการขัดขวางการเลือกตั้งและยึดอำนาจเมื่อปี 2557

 

 

          0 มั่นใจอย่างไรว่าประชาชนจะเลือกพรรคนี้
          ประชาชนทุกจังหวัดที่ผมเดินทางไปพบส่วนใหญ่จะรู้จักและจดจำผมได้เเม้ยังจะไม่รู้จักพรรค เเต่ผมคิดว่าหลังการประชุมพรรค (24 ต.ค.)นี้ หากสมาชิกพรรคไว้วางใจเลือกผมทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ผมพร้อมจะนำพรรคลงสู่สนามเลือกตั้งเเละหวังว่าประชาชนจะเลือกผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทยกันอย่างมากมายเพื่อสนับสนุนให้ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำงานให้แก่ประเทศชาติและบ้านเมือง ดังเช่นบางพรรคในอดีตที่สังคมรู้จักหัวหน้าพรรค เช่น พรรคประชากรไทย พรรคพลังธรรม เเต่ไม่รู้จักผู้สมัคร พรรคเหล่านั้นกลับได้ส.ส.จำนวนมากเเละยังชนะพรรคอื่นๆ อีกด้วย จากนั้นจะค่อยๆ เปิดนโยบายพรรคเสรีรวมไทยให้สังคมรับทราบ


          “พรรคนี้มีอุดมการณ์คือยึดมั่นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนทุกพรรค เเต่ผมมีมุมคิดว่าบางพรรคที่ใช้อุดมการณ์นี้เเต่ทำไมทำตัวเสมือนอิงเผด็จการ สิ่งที่ผมทำมาตั้งเเต่รับราชการจนวันนี้คือยึดสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ยอมให้อำนาจเผด็จการกลับมาในระบบประชาธิปไตยมาบริหารประเทศโดยไม่ได้รับการยินยอม วันนี้ประชาธิปไตยทั่วโลกไม่มีใครทำเเบบนี้เเล้ว ผมจะถามสังคมเลยว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะเลือกประชาธิปไตยหรือเผด็จการประชาชนต้องชัดเจน วันนี้หลายพรรคยังเเทงกั๊กว่าอยู่ข้างไหนเเละเอาเเต่ประโยชน์เข้าตัวเอง อย่าไปเลือก วันนี้มันต้องชัดเลยพรรคผมไม่เอาเผด็จการ"


          ประสบการณ์ตั้งเเต่รับราชการมาจนวันนี้ผมเชื่อมั่นว่าจะเเนะนำข้าราชการที่วันนี้คือรุ่นน้องได้ สมัยที่เป็นผบ.ตร.ทุกคนก็เห็นว่าผมทำงานอย่างไร ตั้งเเต่เริ่มรับราชการมาเมื่อมีคำสั่งใดๆ ให้ผมไปทำ เช่น เเก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล เเก้ยาเสพติด คดีทุจริต ไปดูสิว่าที่ผ่านมาผมจับกุมเเละสั่งฟ้องไปกี่คดี 


          การเเก้ไขการทุจริตที่วันนี้เป็นปัญหาบ้านเมืองมันต้องจัดการทั้งระบบนักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เเละประชาชนมีส่วนร่วมทั้งนั้นเพราะมันมีส่วนร่วมในเรื่องนี้จากทุกวงการ ฉะนั้นต้องมีมาตรการจัดการระบบนี้ให้ดี ไม่ใช่ว่าจัดการคนที่ทุจริตเเบบเเบ่งฝ่าย


          บ้านเมืองที่ผ่านมาเเละวันนี้วุ่นวายเพราะบางฝ่ายไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง ถามว่าปัญหาความไม่สงบภาคใต้ในช่วงสิบปีเศษที่เสียงบประมาณไปมากมายนั้นมันหน้าที่ใครกันเเน่ระหว่างตำรวจหรือทหาร เรื่องในประเทศควรเป็นงานของตำรวจ รวมทั้งปัญหาการเมืองด้วย 

 

          ถามว่าหน้าที่ใครที่ต้องเเก้ปัญหา กรรมการที่คุมกติกาคือ กกต.ก็ต้องปล่อย กกต.ให้ทำหน้าที่ตามสิทธิ ฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นทหารก็ไม่ควรมาข้องเกี่ยว ทหารมีหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์เเละดูเเลประเทศ ภารกิจนี้มันชัดอยู่เเล้วเพราะปัญหาตามชายเเดนที่มีอยู่ในวันนี้เเละยังไม่ได้เเก้ไขยังมีเยอะ ทหารควรไปดูเเลตรงนั้นให้เรียบร้อย


          วันนี้บ้านเมืองมีปัญหาเพราะเเต่ละฝ่ายไม่รู้จักหน้าที่เเละสิทธิของตัวเอง ในเมืองนอกหากข้างบ้านที่รู้จักกันทำผิดพวกเขายังฟ้องร้องกันเลยเพราะต้องเคารพกติกาสังคม สังคมไทยวันนี้ปล่อยกันมาเยอะ ต้องจัดการตรงนี้ ทุกฝ่ายต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง บ้านเมืองจะสงบ”


          0 จุดขายของพรรคที่จะเสนอต่อสังคมคืออะไร
          จุดขายของพรรคคืออุดมการณ์เเละนโยบายพรรค หากมีโอกาสทำงานจะเเก้ไขปัญหาความยากจน ให้ประชาชนมีปัจจัยสี่ที่ครบ งบประมาณต้องใช้ให้คุ้มค่า สร้างงานให้ประชาชน ไม่ใช่ไปใช้ในสิ่งไม่จำเป็นเเละเงินไหลออกนอกประเทศ หากเป็นอย่างนี้ประชาชนจะยากจนเหมือนเดิม


          “เศรษฐกิจวันนี้เเละช่วงที่ผ่านมาถามว่าดีหรือไม่ ข้างๆ บ้านผมเมื่อก่อนผมเคยสอบถามว่าจะขายไหม ทางนั้นตอบว่าไม่ เเต่วันนี้ปักป้ายขายเเล้ว เเบบนี้เเปลว่าอะไร ส่วนยาเสพติดเเละผู้มีอิทธิพลที่ยังมีอยู่ในสังคมเเม้จะมีข่าวว่าจัดการเเละปราบไปเยอะ เเต่ขอถามว่าเมื่อจัดการเเล้วเเต่ทำไมยังมีข่าวออกเสมอว่าจับกุมได้เพิ่มขึ้น เเบบนี้เเสดงว่ารัฐบาลนี้ทำงานไม่รู้เรื่อง ไม่มีความสามารถ”


          วันนี้การทุจริตในยุคเผด็จการนั้นไม่เลือกเเล้วว่าเกิดจากคนในเครื่องเเบบ เกิดขึ้นไปหมด เพราะมีการกินเเบ่ง วิธีเเก้ไขทั้งระบบคือต้องเเก้กฎหมายเเละรัฐธรรมนูญ รวมทั้งควรปฏิรูปกองทัพด้วย เพราะบางสิ่งไม่ควรมีอยู่ในยุคนี้เเล้วเพราะไม่มีความจำเป็น บางหน่วยไม่ควรมีในยุคนี้กลับยังมีใช้งบเยอะเเละมีข่าวทุจริตอีก บางหน่วยก็ไปยุ่งกับภารกิจขององค์กรอื่นทั้งๆ ไม่ใช่หน้าที่ หรือการเกณฑ์ทหารควรยุติได้เเล้วเพราะมีข่าวการทุจริต การเกณฑ์ทหารควรใช้ระบบสมัครใจ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องปฏิรูป


          การเเบ่งสีเสื้อก็เช่นกัน ต้องยุติ หากไม่ยุติ กองทัพก็เข้ามาอีก เเละวางระบบอำนาจต่อไปเป็นเเบบนี้เลือกตั้งอีกกี่ครั้งความขัดเเย้งก็ไม่จบ คนเขียนกติกาไม่ควรลงมาเล่นเอง หากได้รับความไว้วางใจจากสังคมจะเสนอวิธีเเก้ไข


          0 เลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผู้สมัครส.ส.อย่างไร
          จะส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต เเละระบบจัดสรรปันส่วนผสม เเต่จะชนะหรือไม่อยู่ที่ประชาชน มองว่าสิ่งที่ผมเเละพรรคเสนอนโยบายนั้นตรงใจหรือไม่


          "สังคมควรมองว่าพรรคใด หัวหน้าหรือผู้นำพรรคควรเป็นนายกฯได้ วันนี้มีคนติดตามสิ่งที่ผมเสนอเเนวคิดทางสังคมออนไลน์ 120 ล้านวิว ผมขอเเค่ร้อยละ 10 มาลงคะเเนนให้พรรคนี้ เเละหากได้รับความไว้วางใจร้อยละ 5 พรรคผมจะได้ส.ส.หลายคนเเล้ว เเละถึงวันนั้นสังคมจะได้เห็นสิ่งดีๆ ที่ผมเเละพรรคจะเสนอต่อสังคมในการเเก้ปัญหา”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ