คอลัมนิสต์

หมาแมว-และคุณค่าทางใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมาแมว-และคุณค่าทางใจ : คอลัมน์...  กระดานความคิด  โดย...  บางนาห้าสิบหก 


 

          เอ่ยปากถกเถียงเรื่องหมาๆ แมวๆ เมื่อไร หลายคนหรือก็คือคนจำนวนมากๆ คงจะเบือนหน้าหนี เพราะปัญหาของสัตว์เลี้ยงสองจำพวกนี้เหมือนจะเป็นเรื่องไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน  ซ้ำเมื่อนายกฯ ประนีประนอมให้คนชงเรื่องตีทะเบียนถอยไปก่อนก็อาจทำให้หลายๆ คนอีกเช่นกัน อาจเผลอเข้าใจไปว่ารัฐบาล (เทศบาลด้วย) เก็บฉากลาโรง

 

 

          แต่จริงๆ แล้วไม่น่าจะอวสานง่ายดายขนาดนั้น


          เพราะปัญหาหมาแมวกับสังคมไทยเป็นเรื่องคลาสสิกอมตะนิรันดร์กาล อย่างยากขนาดที่ไม่ว่าราชการหน่วยงานใด กรมกองไหน หรือกระทรวงใด จะกล้าหักดิบออกมาตรการดื้อๆ ได้ง่ายๆ เช่น ออกกฎหมายให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองนำหมาแมวไปตีทะเบียนรวมค่าใช้จ่ายตัวละ 450 บาท


          เพราะปัญหาหมาแมวจรจัดอันนำมาซึ่งความไม่สะอาด โรคระบาด ทะเลาะวิวาท และอาจทำร้ายคนถึงตายได้นั้น มีความสลับซับซ้อนอยู่หลายเงื่อนปม ลำพังจำแนกแยกแยะประเภทหรือสถานภาพของสัตว์สองชนิดนี้ก็เห็นภาพความหนักหนาสาหัสกันพอตัว อย่างเช่น


          1.หมาแมวมีเจ้าของ อยู่เหย้าเฝ้าเรือน เจ้าของเลี้ยงดูเอาใจใส่ และครับผิดชอบ (คงมีจำนวนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของหมาแมวทั้งหมด)


          2.หมาแมวมีเจ้าของ แต่อาจพลั้งเผลอ ปล่อยให้พวกมันหนีออกจากบ้านไปสร้างสารพัดปัญหาเช่น ถ่ายเรี่ยราด ไปจนถึงวิ่งไล่กัดชาวบ้าน แมวหง่าวบางตัวติดสัดไปสิงอยู่ในตรอกซอกซอยแมวตัวเมียจนกลายเป็นแมวจรไปเลยก็มี


          3.หมาแมวมีเจ้าของ แต่เจ้านายสะเพร่า ปล่อยปละละเลย เลี้ยงดูแบบขอไปทีตามมีตามเกิด จะออกลูกมากี่ครอกก็ช่างหัวมัน อย่าว่าแต่พาไปทำหมัน หรือฉีดวัคซีนเลย แค่เบสิกแบบวัคซีนกันพิษสุนัขบ้า (กันน้ำ) ยังไม่เคยคิดจะจับไปฉีด


          4.หมาแมวจรที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยเมตตาธรรม คือจรทั้งหมาแมว และคนเลี้ยง สภาพแบบนี้มีอยู่ไม่น้อย แต่จะไปดักจับคนให้อาหารหรือบังคับให้รับไปเป็นเจ้าของคนกลุ่มนี้ก็จะหายหน้าไปทันที




          5.หมาแมวส่วนรวมที่มีอยู่ประจำหมู่บ้านต่างๆ ทั้งในและนอกเขตเทศบาล


          6.หมาแมวจรในสภาพอนาถา เนื้อตัวเป็นขี้เรื้อน มีโรคติดต่อ น่าเกลียด น่ากลัว ไม่มีใครเอ็นดูหรืออย่างเมตตาสูงสุดก็แค่โยนเศษอาหารให้เป็นครั้งคราว หรือรอดพ้นจากการกระทำทารุณกรรม


          7.หมาแมวในความอนุเคราะห์ของสถานรับเลี้ยงเอกชนใจบุญและสำนักสงฆ์ วัดวาอาราม


          8.หมาแมวในฟาร์มเพาะเลี้ยง เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้า


          สถานภาพหมาแมวที่แยกคร่าวๆ มาให้เห็นกันนี้ ลองเอามาตรการจดทะเบียน 450 บาทมาไล่เรียงเทียบเคียงแต่ละข้อดูแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือ-เพ้อเจ้อ ใช้ไม่ได้เลยสักข้อเดียว อย่างหมาแมวมีเจ้าของ เลี้ยงดูอย่างดี ถ้ามีบ้านละ 5-10 ตัวก็เป็นภาระที่ต้องจ่ายเงินพันเงินหมื่น เจ้าของก็ต้องขอต่อรองให้ลดลง ยิ่งเป็นหมาแมวในสถานรับเลี้ยงหรือวัดด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เพราะถ้าจ่ายตามกฎหมาย ก็มีหวังได้ฉิบหายขายวัดกันเลยทีเดียว


          เรื่องนี้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่น เทศบาล ปศุสัตว์ สาธารณสุข ต้องเข้าใจ “ความจริงประเทศไทย” ให้ถ่องแท้ ที่เส้นแบ่งระหว่างความเมตตากับความรับผิดชอบนั้นบางเบามาก หากจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าในกรณีนี้มีแต่จะเจ็บ ดูตัวอย่างเรื่องการเพิ่มค่าปรับขับรถผิดกฎก็ได้


          แต่เรื่องหมาแมวมันยิ่งกว่านั้น เพราะมีมิติของการกระทำ “ทารุณกรรมสัตว์” รวมอยู่ด้วย


          ถึงได้บอกว่าเรื่องนี้ไม่จบง่าย อย่างเก่งก็เอาเก็บเข้าลิ้นชุก ซุกไว้ให้ผู้บริหารชุดใหม่มาตัดสินใจก็ได้ ไม่เจ็บตัว


          อย่างที่เห็น... รัฐบาลเองยังไม่กล้าพูดแบบตรงไปตรงมาเลยว่า แท้จริงแล้วมาตรการจดทะเบียนที่ออกมานี้ก็คือ แผนสังหารหมู่ แบบ “เซตซีโร่”


          เพราะถ้าประกาศใช้กฎหมายได้ตามนั้นจริงๆ ผลที่จะออกมาคือ มีหมาแมวถูกทอดทิ้งมากขึ้นและก็สามารถต้อนขึ้นรถไปฆ่าได้สะดวกง่ายดาย เพราะจะไม่มีใครใจบุญคนไหนกล้าแสดงตัวเป็นเจ้าของหรือแม้แต่ผู้อุปการะเลี้ยงดูแม้แต่คนเดียว


          ถ้าฆ่าหมู่ได้แบบนี้จะทำให้หมาแมวในประเทศไทยลดจำนวนลง เพราะหายไปจากโลกนี้หลายเท่าตัว


          คำถามคือว่า หน่วยงานรัฐไม่มีมาตรการที่นิ่มนวล และเดินสายกลางได้มากกว่าหรือ


          คำตอบคือ ถ้าเราตั้งมั่นอยู่ในเมตตาธรรม ไม่ต้องการกำจัดเพื่อนร่วมโลกแบบอำมหิตเช่นนี้ ก็ต้องหาทางออกอื่นได้ ซึ่งมีหลายทางด้วยกัน ถ้ารัฐบาลจริงใจจะทำ อย่างเช่น แบ่งสถานภาพของหมาแมวเพื่อดำเนินการเป็นขั้นตอนตามลำดับไป ทำหมัน ฉีดวัคซีน จำกัดบริเวณ จัดหาผู้อุปการะ (อาจให้เงินสนับสนุนผู้เสียสละ แทนที่จะไปเรียกเก็บ)ฯลฯ


          จะต้องใช้เงินใช้เวลามากสักหน่อยก็ต้องยอม ถ้าเราพร้อมที่จะเสียมันไปเพื่อแลกกับสิ่งที่สังคมไทยโหยหา และเห็นพ้องกันว่า

 

          มันคือคุณค่าทางจิตใจที่สูงส่ง หามีสิ่งใดมาเทียบเคียงเสมอเหมือน
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ