คอลัมนิสต์

เช็กอาการหลากพรรคบนสมรภูมิเลือกตั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เช็กอาการหลากพรรคบนสมรภูมิเลือกตั้ง : คอลัมน์...  ขยายปมร้อน  โดย...  เร้นกาย ไร้เงา


 

          คู่แข่งทางการเมืองไทยในสนามเลือกตั้งปีหน้านั้น ยามนี้ "คู่เอก” นั้นเปลี่ยนจาก “เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์” ไปเป็น "เพื่อไทยกับพลังประชารัฐ” แล้ว


          แม้เพื่อไทยจะมีความขัดแย้งกันบนความคิด อาทิ การชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ผู้สมัครส.ส. และนปช. ที่เกลี่ยไม่ลงตัวจนต้องกระจายไปยังเพื่อธรรมและเพื่อชาติ รวมทั้งประชามติ จากปมที่ไม่พอใจกันหลากเรื่องของคีย์แมนพรรคและแกนนำคนเสื้อแดงบางคน รวมทั้งยุทธศาสตร์แยกกันเดินร่วมกันตี จนกลายเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่ง แต่โดยภาพรวมพรรคเพื่อแม้วทั้งมวลยังเป็นเบอร์หนึ่งในอัตราต่อรองแม้จะมีความเสี่ยงสูงจากหลายปัจจัยก็ตาม

 

 

          แต่ผู้ท้าชิงอันดับสองในเพลานี้อย่าง "พลังประชารัฐ” ที่ยามนี้แม้โพลล์จะระบุว่าสังคมรู้จักพรรคนี้มากกว่าปชป.แล้วก็ตาม 


          แต่การจัดองคาพยพที่ยังไม่ลงตัวนั้นคล้ายเป็นจุดอ่อนที่พรรคน้องใหม่พรรคนี้สะดุดในการขับเคลื่อนองค์กรเพราะเวลาไม่กี่เดือนที่เหลือนั้น นับว่าเวลาน้อยกว่าพรรคอื่นที่ต้องเร่งเครื่องให้ทันเพื่อน


          แม้วันนี้ระบบออนไลน์จะพาโลกเดินหน้าไปไวกว่าที่หลายคนคิดไว้ แต่เรื่องการเก็บแต้มและคะแนนนิยมทางการเมืองนั้นไม่ใช่ว่าเวลาเพียงชั่วลัดนิ้วจะบันดาลอะไรๆ ให้สมปราถนาได้ในพริบตา


          และเมื่อเหลียวมองพรรคเก่าแก่ของเมืองไทยอย่างประชาธิปัตย์ที่กระแสย้ายขั้วจากคนในพรรคกำลังผุดขึ้นเรื่อยๆ ยามนี้คนในปชป.ขั้วมาร์คน่าจะคิดตามอภิสิทธิ์ว่า เกมนี้ต้องเดียวดายกลางสายลมจึงจะยืนเด่นโดยท้าทาย แต่ในทางอ้อมต้องไม่ลืมแตะมือไว้บ้างกับบางขั้วคู่แข่งเพราะการเมืองนั้นอะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ


          ว่ากันว่า “มาร์ค” น่าจะยึดหลัก ”ชวน หลีกภัย” ที่เคยใช้เมื่อการเลือกตั้งปี 2535 ทั้งสองครั้ง จนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งและยึดมั่นในระบบรัฐสภา (ยามนั้นมีทั้งพรรคมารและพรรคเทพรวมทั้งขุนพลท็อปบูทที่ร่วมสังฆกรรมการเมืองจนวุ่น ส่งผลทำให้การเมืองนอกสภาเกิดและความเสียหายบังเกิดบนหน้าประวัติศาสตร์)


          หลักการคือสิ่งที่นายหัวชวนยึดมั่นและมาร์คนำหลักคิดนี้มาใช้ในช่วงเป็นหัวหน้าพรรคและนายกฯ สมัยแรกคือยึดมั่นระบบ (ว่ากันว่าใครหลายคนที่ขยับออกไปเพราะไม่ชอบมาร์คในบางเรื่องที่แข็งเกินไปกับการเมืองแบบไทยๆ)



          วันวานนายหัวชวนมีมวยบู๊อย่าง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และวันก่อนอภิสิทธิ์มีสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนข้างกาย แต่วันนี้มาร์คมีแม่บ้านพรรคที่พอจะมีพรรษาและบารมีในการลิงก์ขั้วอื่นๆ ได้หรือไม่ ตรงนี้น่าติดตาม


          ขณะที่ “ภูมิใจไทย” นั้น น่าจะลอยตัวในระดับหนึ่งเพราะวันนี้ไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรงกับเพื่อไทยในการเดินสายหาเสียงในภาคอีสานแล้วนั้น ว่ากันว่าพรรคสีน้ำเงินนี้มีบิ๊กเนมตัวจริงจากคนการเมืองและบิ๊กเนมจากหลากวงการมาร่วมงานแบบชิลๆ ทั่วทุกหัวระแหง และเมื่อมองไปยังการแตะมือกับฝ่ายอื่นๆ นั้น "หัวหน้าหนูรวมทั้งพี่เน” พร้อมสลับหน้าไพ่กันเล่นในการดีลเมกะโปรเจกท์


          ส่วนพรรคสองชาติอย่าง "ชาติไทยพัฒนาและชาติพัฒนา” นั้น หลายคนมองว่าสองพรรคนี้น่าจะกลับไปเป็น "พรรคท้องถื่น” เพื่อฟื้นฟูและบำรุงกำลังพลในช่วงนี้และรอจังหวะขยับโตในอีกวาระ


          วันนี้เอากันพอสังเขปแล้ววันหน้าจะมาไขโอกาสบนเวทีการเมืองไทยของพรรคอื่นๆ ให้รับรู้กัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ