คอลัมนิสต์

กัญชาทางการแพทย์จำเป็นเร่งด่วนต้องม.44?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กัญชาทางการแพทย์จำเป็นเร่งด่วนต้องม.44? : คอลัมน์...  ขยายปมร้อน  โดย...   ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย

 

          อังกฤษใช้เวลา 6 สัปดาห์ผ่านกฎหมายกัญชาทางการแพทย์  บริษัทเครื่องดื่มน้ำดำเตรียมผลิตน้ำอัดลมกัญชาออกสู่ตลาด   บริษัทยาสูบแบรนด์ดังก็ผลิตบุหรี่ผสมกัญชา  แม้กระทั่งบริษัทเบียร์ก็ยังผลิตเบียร์สูตรน้ำต้มกัญชาออกวางจำหน่าย ทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นที่ถูกตีแผ่จนเป็นกระแสเรียกร้องในโลกโซเชียลกดดันไปยังรัฐบาลให้มีกฎหมายรองรับกัญชาทางการแพทย์เปิดทางให้มีการทดลองใช้รักษาโรคในมนุษย์

          แต่จนถึงขณะนี้ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดของไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งถกกันละเอียดยิบจนมีค่าเฉลี่ยในการผ่านร่างกฎหมายเดือนละ 1 มาตรา หากปล่อยเรื่อยเจื้อยไปตามธรรมชาติร่างกฎหมายกว่า 200 มาตราที่ปลุกปั้นมานานถึง 4 ปี คงต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในรัฐบาลหน้า
 
          ด้วยเหตุนี้กรรมาธิการส่วนหนึ่งจึงขอหารือมายัง พล.อ.อ.ประจิน  จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอปส.) ให้เสนอความเห็นไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อขอใช้ ม.44 คลายล็อกให้ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลบังคับใช้เฉพาะส่วน “กัญชาทางการแพทย์”
 
          ซึ่ง พล.อ.อ.ประจิน ยอมรับว่าหลังรับพิจารณาผลักดันกัญชาทางการแพทย์ได้เดินทางไปศึกษาดูงานกัญชาทางการแพทย์ในประเทศออสเตรเลียพบว่าน้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคของออสเตรเลียก็ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยในวงการแพทย์ด้วยกันเองก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างไม่มีผลรับรอง 100% ว่ากัญชาจะรักษาโรคให้หายขาดได้ผู้ป่วยมะเร็งบางกลุ่มที่ไม่ตอบสนองน้ำมันกัญชาก็ต้องกลับไปรักษาด้วยคีโมตามเดิม

          และไม่ใช่ว่ากัญชาทุกสายพันธุ์จะมีสรรพคุณรักษาสารพัดโรคให้หายขาด ผลการวิจัยพบว่าดอกกัญชาหรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “ดอกกะหรี่” นำมาสกัดเพื่อใช้รักษาโรคได้จริงเฉพาะบางสายพันธุ์ เช่น  ต้องสกัดน้ำมันกัญชาจากสายพันธุ์หนึ่งเอาไปผสมกับตัวยาอื่นๆ เพื่อให้มีผลรักษาโรคลมชักหรือพาร์คินสันและสกัดน้ำมันกัญชาอีกสายพันธุ์หนึ่งเพื่อผสมกับตัวยาบางอย่างให้มีผลรักษาและยับยั้งเซลล์มะเร็งหรือลดผลข้างเคียงจากคีโม ผลวิจัยที่ทำให้น่าชื่นใจคือกัญชาไทย 3 สายพันธุ์มีฤทธิ์และสรรพคุณในการรักษาโรค
 

          ในออสเตรเลียมีมาตรการควบคุมจากต้นทางไปจนถึงปลายทางเริ่มจากการคัดเลือกสายพันธุ์จำกัดแปลงปลูกกัญชาทางการแพทย์โดยกำหนดเป็นพื้นที่ปิดเนื้อที่ไม่เกิน 2 ไร่  สภาพโรงเรือนคล้ายค่ายทหารหรือเรือนจำความมั่นคงสูง  ทุกตารางนิ้วถูกควบคุมด้วยกล้องวงจรปิดผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกมีจำนวนจำกัดควบคุมไม่ให้ผลผลิตรั่วไหล หรือถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กัญชาทางการแพทย์จึงไม่ได้เปิดกว้างชาวบ้านหรือเกษตรกรปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ 5,000 ไร่แล้วนำมาส่งขายให้แล็บวิจัย ขั้นตอนการปลูกตั้งแต่คัดเลือกเมล็ดพันธุ์  ปลูกลงดินต้องอยู่ภายใต้การควบคุมให้ได้รับปริมาณแสงแดดและความชื้นตามสูตรที่กำหนด  แม้แต่ขั้นตอนการอบแห้งก็ต้องมีอุณหภูมิที่พอดีกับการสกัดน้ำมันกัญชาไม่ใช่การตากหรืออบแห้งธรรมดา  ในขั้นตอนหลังการผลิตน้ำมันกัญชาทางการแพทย์จะไม่ถูกวางขายในร้านขายยาทั่วไปแต่เป็นการสั่งผลิตตามออเดอร์ส่งตรงน้ำมันกัญชาไปให้แพทย์ในโรงพยาบาลหรือสถาบันวิจัยเพื่อสั่งจ่ายให้คนไข้ในจำนวนและปริมาณที่กำหนดขึ้นสำหรับการรักษาเฉพาะรายและคุมเข้มถึงขั้นให้ผู้ป่วยต้องสแกนม่านตาเพื่อรับยา

          ด้านศิรินทร์ยา  สิทธิชัย  เลขาธิการป.ป.ส. ซึ่งรับการบ้านจากเจ้ากระทรวงให้รวบรวมผลวิจัยกัญชาทางการแพทย์พร้อมวิธีการควบคุมตั้งแต่ก่อนปลูกไปจนถึงส่งน้ำมันกัญชาให้ถึงมือผู้ป่วย  มีกำหนดส่งการบ้านภายใน 7-10 วันนี้ เพื่อให้ “บิ๊กจิน” ตัดสินใจขอใช้ ม.44 คลายล็อกกัญชาเพื่อทดลองรักษาผู้ป่วยซึ่งกฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้ผลิตน้ำมันกัญชา เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 แต่ใช้ทดสอบได้กับหนูและสัตว์ทดลองเท่านั้น เนื่องจากกัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายไม่ว่าจะผลิตหรือแปรรูปออกมาเป็นตัวยาประเภทใดก็ยังเสพไม่ได้ ข้อติดขัดดังกล่าวจึงสมควรได้รับการปลดเปลื้องให้ทดสอบน้ำมันกัญชาที่ผลิตเองในไทย หรือสั่งนำเข้าตัวยาที่ผลิตในต่างประเทศเข้ามาทดลองรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงยา

          สรุปความเบื้องต้นคือกัญชาทางการแพทย์มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย  กระทรวงยุติธรรมจึงผลักดันร่างกฎหมายเข้าสู่ครม.และสนช.ตามลำดับคำถามเดียวที่เหลืออยู่คือมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการด้วยกฎหมายพิเศษหรือไม่  การบรรจุให้ร่างประมวลยาเสพติดเป็นกฎหมายเร่งด่วนเป็นวาระเร่งด่วนของสนช.เพียงพอหรือไม่ อดใจรอ...ฟังผลภายในเดือนตุลาคมนี้....รู้เรื่อง

          ส่วนข้อมูลที่นำเสนอในโซเชียลมีเดียว่าในต่างประเทศ มีน้ำอัดลมกัญชาเบียร์กัญชาและบุหรี่กัญชาออกมาวางจำหน่าย “บิ๊กจิน” สั่งการให้ป.ป.ส.ตรวจสอบไปยังตัวแทนจำหน่ายในไทยว่าจริงเท็จเป็นอย่างไร  เบื้องต้นพบว่าจริงบางส่วนเท็จบางส่วน มีการผลิตเบียร์กัญชาที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนวางขายในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาห้ามจำหน่ายให้เยาวชน  ขณะที่บริษัทเครื่องดื่มน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่ก็มีแนวคิดที่จะผลิตน้ำกัญชาอัดลม
  
          ชัดเจนว่าในบางประเทศที่อนุญาตให้มีกัญชาคาเฟ่ก็ยังไม่เปิดเสรีกัญชาแต่เป็นการออกกฎหมายกำหนดให้เสพได้เฉพาะในบางพื้นที่จำกัดปริมาณการขายและเสพในแต่ละวัน  หากมีการพกพากัญชาออกไปเสพนอกพื้นที่ก็จะถูกจับกุมดำเนินคดี

          สำหรับไทยซึ่งมีความชัดเจนในการเปิดรับกัญชาทางการแพทย์แยกกัญชาไปใช้ในการทดลองวิจัยแต่ก็คงสถานะกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 เช่นเดิม ห้ามเสพหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อสันทนาการ
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ