ฟันธง! ปชป.ต่ำ 100 "มาร์ค" เลือกแบบไหน?

        พรรคประชาธิปัตย์มีธรรมเนียมปฏิบัติในการเลือกหัวหน้าพรรคตามระบอบประชาธิปไตย เพราะพรรคนี้ไม่ใช่ “พรรควงศาคณาญาติ” หรือ “พรรคเจ้าพ่อเจ้าแม่” ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ชิงตำแหน่งประมุขพรรค จะมีการต่อสู้ห้ำหั่นชิงไหวชิงพริบกัน บางครั้งก็เลือดซิบ บางคราวก็เลือดสาด 

          ดูตัวอย่างการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 6 เมื่อ 20 เมษายน 2546 ระหว่างกลุ่มทศวรรษใหม่กับกลุ่มผลัดใบ ที่เดินเกมสู้ทั้งบนดินและใต้ดิน โดยวันเลือกตั้งทีวีหลายช่องถ่ายทอดสดราวกับเลือกนายกรัฐมนตรี

          “บัญญัติ บรรทัดฐาน” สวมเสื้อทศวรรษใหม่ มีกองหนุนเกรดเอ อย่างกลุ่มสะตอสามัคคีรุ่นแรกๆ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สวมเสื้อผลัดใบ ได้กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ วิ่งรอกหาเสียง แต่ก็พ่ายแพ้ความเก๋าของพลังรุ่นใหญ่

          หลังเลือกตั้ง 2548 “บัญญัติ” ลาออกจากหัวหน้าพรรค แสดงความรับผิดชอบ หลังแพ้เลือกตั้ง ถัดมา “อภิสิทธิ์” ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค

          อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.อีกครั้ง “บัญญัติ” ประกาศหนุน “อภิสิทธิ์” เต็มลำ ตามด้วย “หลวงพ่อประจำพรรค” อย่างชวน หลีกภัย ก็ยกมือหนุนมาร์ค “สุเทพ” ที่เคยปั้นมาร์คมากับมือ ได้แยกวงไปตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) แต่คนของสุเทพ ยังอยู่เกือบครึ่งค่อนพรรค ปชป.

          ถ้าโหวตเลือกกันจริงๆ “มาร์ค” น่าจะได้เป็นหัวหน้าพรรค นำทัพสู้รบในศึกเลือกตั้ง 2562 แต่หัวหน้ามาร์ค อาจต้องแสดงความรับผิดเหมือน “โกหยัด” หาก ปชป.พ่ายแพ้ยับเยิน

          ประเมินกันนาทีนี้ ปชป.วาดหวังจะได้เกิน 100 ที่นั่ง คงลำบาก ด้วยกฎกติกาใหม่ ที่ไม่เอื้อพรรคใหญ่ได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะๆ เหมือนเก่า

          วัดกันเฉพาะส.ส.เขตภาคใต้ ปชป.อาจกวาดยกจังหวัดในภาคใต้ตอนบน แต่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ง่าย เพราะกลุ่มวาดะห์รีแบรนด์ใหม่เป็น “ประชาชาติ” หาเสียงถึงมาเลย์ มินับพรรคภูมิใจไทย ยึดหัวหาดนราธิวาส หนุนตระกูล “ยาวอหะซัน” หวังชนะยกจังหวัด

          ส่องสนามกรุงเทพฯ ปชป. อาจย่ำแย่เหมือนปี 2548 ที่เหลือแค่ 4 ที่นั่ง เพราะเจอคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และพรรคเสรีรวมไทย ส่วนพรรคคนกันเอง ไม่ว่าจะเป็นรวมพลังประชาชาติไทย และพลังประชารัฐ ก็ขอแชร์คะแนนคนกรุงเช่นกัน

          ภาคกลางรวมตะวันออกและตะวันตก ปชป.เจอด่านเพื่อไทย ก็ว่าหนักแล้ว รอบหน้าต้องเจอพลังประชารัฐสูตรผสม “พลังสีเขียว” รับรองว่าฐานเก่าแถวระยอง จันทบุรี เพชรบุรี และกาญจนบุรี ถูกตีกระจุยแน่

          ภาคเหนือตอนล่างยังพอแทรกได้จังหวัดละคนสองคนในนครสวรรค์ พิษณุโลก และสุโขทัย เลยขึ้นไปภาคเหนือตอนบน ปชป.ปิดฉาก ไม่มีทางต่อกรกับ “พลังเจ๊แดง” ค่ายเพื่อไทยและ “พลังผู้กองมนัส” ค่ายพลังประชารัฐได้เลย

          ภาคอีสาน สนามเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดสามปีมานี้ “มาร์ค” วิ่งหาเสียงแถวที่ราบสูงจนทางเป็นเทือก แต่โพลล์ใต้ดินระบุ ปชป.จะเหลือ ส.ส.เขต 2 ที่นั่ง แถมคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็ได้ไม่เยอะ

          สนามที่ราบสูงในคราวหน้าโหดหินมาก เพื่อไทยแชมป์เก่ายังเหนือกว่าทุกพรรค ส่วนน้องใหม่-พลังประชารัฐ ก็ไม่ธรรมดา และภูมิใจไทย สรุปบทเรียน เลือกสนามรบที่รบชนะได้ ไม่ “รบพร่ากำลัง” เหมือนปี 2554

          ฉะนั้นความคาดหวังของแกนนำ ปชป.ว่าจะได้ถึง 120 ที่นั่งนั้น ดูแล้วไม่ง่ายเลย และอาจต่ำกว่า 100 ที่นั่งด้วยซ้ำไป

          สุดท้ายอนาคตของปชป. ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “มาร์ค” จะยอมแพ้ตอนนี้ หรือโยนผ้าขาวหลังเลือกตั้ง?