ตรวจแถว "พรรคสีน้ำเงิน" ตาอยู่..อดกินปลา?

          นิทานตาอินกะตานาแย่งปลา แล้วก็มี “ตาอยู่” มาคว้าพุงปลาไปกิน อาจใช้ไม่ได้กับสถานการณ์การเมือง พ.ศ.นี้ เพราะไม่ได้มีแค่ตาอิน ตานา และตาอยู่ หากแต่ยังมี ตามี ตามา ตาแมว..อีกมากที่เข้ามาโรมรันพันตู

          ฉะนั้นบางพรรคพยายามทำตัวเป็น “พรรคตาอยู่” คงต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ หันมาเล่นเกมเลือกข้างให้ชัดเจน

          บ่ายวันที่ 13 กันยายน 2561 “อนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เปิดห้องทำงานชั้น 25 บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ฉลองวันเกิดครบ 52 ปี โดยมี สรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นำสมาชิกพรรคเข้าอวยพรหัวหน้าพรรค

          “สรอรรถ” เปรียบ “เสี่ยหนู” เหมือนต้นไม้พันธุ์พิเศษ เติบโตเร็ว เติบใหญ่สง่างาม หลายคนอยากมาพึ่งใบบุญ พึ่งได้ก็ดีใจ พึ่งไม่ได้ก็ติฉินนินทา

          “เสี่ยหนู” ก็พูดเหมือนปีที่แล้วว่า สนามรบมีไว้ให้พวกเรารบ เป็นนักรบต้องรบในสนาม “ผมมีหน้าที่อย่างเดียว คือทำทุกอย่างให้ทุกท่านได้เข้ามารับใช้บ้านเมือง ภายใต้การนำของผม ภูมิใจไทย ไม่คาดหวังอะไรเยอะ”

          จะว่าไปแล้วฐานที่มั่นของพรรคภูมิใจไทยยังอยู่ที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งบุรีรัมย์ เมื่อการเลือกตั้งปี 2554 ผู้สมัคร ส.ส.ค่ายสีน้ำเงิน จะได้คะแนนอันดับ 2 เป็นส่วนใหญ่

          ย้อนไปก่อนการเลือกตั้งที่บ้านป่ารอยต่อฯ นักเลือกตั้งระดับพ่อมดได้เสนอ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องสร้างพรรคการเมืองแบบ “พรรคอัมโน” ขึ้นมา

          พรรคอัมโนหรือพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ เป็นพรรคแกนหลักของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองต่างๆ 13 พรรคด้วยกัน

           คราวนั้น พรรคภูมิใจไทย อาสาสร้างพรรคแบบอัมโน โดยให้คงลักษณะกลุ่มย่อยๆ ในพรรคไว้ อาทิ กลุ่มสุโขทัย, กลุ่มโคราช, กลุ่มราชบุรี, กลุ่มซิ-โนไทย ฯลฯ กลุ่มไหนได้ ส.ส.มากน้อยแค่ไหน ก็จะได้โควตารัฐมนตรีไปตามสัดส่วนนั้น

          กระแสยิ่งลักษณ์มาแรงเกินคาด ทำให้พรรคภูมิใจไทยพลาดเป้าไปเยอะ ต้องไปเป็นฝ่ายค้านนานหลายปี บรรดาซุ้มต่างๆ ก็เริ่มแยกตัวออกไป จนเหลือแค่ซุ้มบุรีรัมย์กับซุ้มซิโน-ไทย

          แม้ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มากบารมีนอกพรรคได้ผลักดันให้ “เสี่ยหนู” เป็นแม่ทัพ สร้างภาพเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เชิดชูประชาธิปไตย โดยอาศัยนักวิชาการปีกประชาธิปไตยจ๋ามาเป็นพี่เลี้ยง แต่แบรนด์เสี่ยหนู ก็ยังขายไม่ได้มากนัก

          เมื่อไปพูดที่โคราช เสี่ยหนูพูดแซวว่า คนชอบให้ภูมิใจไทยเป็นตาอยู่ ตนได้ตอบปฏิเสธ ไม่ขอยอมรับ เพราะฟังเพลงตาอินตานามาตั้งแต่เด็ก ไม่ขอเป็นตาอยู่ เพราะเป็นคนที่คบไม่ได้ แต่ขอเป็นตาหนู

          ลึกๆ แล้ว “ตาหนู” ก็อยากเป็นตาอยู่ แต่การที่มี “พรรคพลังประชารัฐ” จุติในสมรภูมิการเมือง ได้ทำให้ค่ายสีน้ำเงินเครียด แถมผู้สมัคร ส.ส.เกรดเอ บางรายยังถูกดูดไปอีก

          ในสนามเลือกตั้งอีสาน ลำพังเจอพรรคเพื่อไทยก็เหนื่อยโคตร ยังต้องมาฟาดฟันกับพรรคพลังประชารัฐที่มีกองหนุนชั้นดี นักรบของเสี่ยหนูอาจสะบักสะบอมเสียยิ่งกว่าปี 2554 

          เวลานี้เสี่ยเนวินจึงเริ่มออกโรงเอง โดยอาศัยเพจ “ลุงเนวิน” เป็นเครื่องมือทางการเมืองแบบเนียนๆ และต่อสายถึงผู้มีอำนาจเพื่อยืนยันในจุดยืนเดิม สมัยที่สร้างแบรนด์พรรคสีน้ำเงิน

          นักเลือกตั้งที่มากประสบการณ์รู้ดีว่าภูมิใจไทยในสถานการณ์ปรองดองชาติ ต้องเลือกข้าง และการเลือกเป็นตาอยู่ ดูจะไม่สอดคล้องกับภาวะวิสัย