คอลัมนิสต์

เดินหน้าประเทศไทยภาคพิเศษสวยๆด้วยเรตติ้งเรื่องของ"ติ่ง"ล้วนๆ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เดินหน้าประเทศไทย ภาคพิเศษ สวยๆ ด้วยเรตติ้ง เรื่องของ "ติ่ง" ล้วนๆ

          ของมันแน่อยู่แล้วเมื่อเรตติ้งรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” (ภาคพิเศษ) ช่วงกว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีรายงานตัวเลขชี้ชัดว่าหลังจากทำมาตลอดประมาณ 4 ปีกว่าๆ วันนี้มาถึงจุดพีคอีกหนแล้ว

          ที่บอกว่าแน่นอนก็อย่างที่รู้กันว่ารายการได้ทำการปรับโฉมเพื่อสร้างสีสันหน้าจอ โดยการขอความร่วมมือจากเหล่าดาราน้ำดีเบอร์ต้นๆ ของประเทศมาร่วมเป็นพิธีกร

          โดยนับตั้งแต่ตอนแรก เย็นวันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม จนถึงตอนล่าสุด 8 กันยายน ที่ผ่านมา (รวม 8 ตอน) แต่ตัวเลขเรตติ้ง 7 ตอนแรกสำแดงออกมาแล้วว่าประสบความสำเร็จตามเป้า!! ซึ่ง “เอซี นีลเส็น” รายงานตัวเลขไว้ดังนี้

          1.วันที่ 21 กรกฎาคม “โป๊ป” ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ หรืออดีต “คุณพี่หมื่น” ของเหล่าออเจ้า นำเสนอเรื่อง “ธนาคารปูม้า” ทำเรตติ้งรวมได้ 9.256

          2.วันที่ 28 กรกฎาคม “ตุ้ย" เกียรติกมล ล่าทา หรือ “ตุ้ยเอเอฟ” นำเสนอเรื่อง “ทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินวิกฤติ” ได้เรตติ้ง 10.995

          3.วันที่ 4 สิงหาคม “ท็อป" จรณ โสรัตน์ พระเอกสุดหล่อหน้าเข้ม กับหัวข้อที่นำเสนอคือเรื่อง “นักบริบาลดูแลผู้ป่วยติดเตียง” ได้เรตติ้ง 8.040

 

เดินหน้าประเทศไทยภาคพิเศษสวยๆด้วยเรตติ้งเรื่องของ\"ติ่ง\"ล้วนๆ

          4.วันที่ 11 สิงหาคม “แบร์รี่" ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกขวัญใจคนไทย นำเสนอเรื่อง “การแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการกู้หนี้นอกระบบ” ได้เรตติ้ง 8.432

          5.วันที่ 18 สิงหาคม “เต้ย" พงศกร  เมตตาริกานนท์ พระเอกมาดเข้มหน้าไทยอีกคน มาเล่าเรื่อง “การบริหารจัดการน้ำ” ได้เรตติ้ง 9.836

          6.วันที่ 25 สิงหาคม “มิว” นิษฐา จิรยั่งยืน นากเอกหน้าหวาน นิสัยดี มาเล่าเรื่อง “ธุรกิจท่องเที่ยว วิสาหกิจเพื่อสังคม” ได้เรตติ้ง 8.804

          7.วันที่ 1 กันยายน “โอม" อัชชา นามปาน พระเอกชื่อดังช่อง 3 มาเล่าเรื่อง “ความยุติธรรมที่เท่าเทียม” ได้เรตติ้ง 6.591
          8.วันที่ 8 กันยายน “วู้ดดี้" วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังเกิดมาคุย แต่วันนี้มาเล่าเรื่อง “คลินิกครอบครัวและการดูแลสุขภาพ”

          และเร็วๆ นี้ 15 กันยายนที่จะถึงนี้ เหล่าโอตะจะได้พบ “แคปเฌอ” หรือกัปตันเฌอปราง อารีย์กุล แห่งวง BNK48 ที่เราได้ชิมลางกับภาพโปรโมทของเธอในการถ่ายทำรายการตอน “กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา” ที่ร.ร.วัดลาดระโหง อ.บางปะอิน มาแล้ว

 

เดินหน้าประเทศไทยภาคพิเศษสวยๆด้วยเรตติ้งเรื่องของ\"ติ่ง\"ล้วนๆ

 

          ดังนั้นเมื่อตัวเลขเรตติ้งออกมาเกือบ 10 แถมบางอันได้ 10 คือตอนของ “ตุ้ย” เกียรติกมล ล่าทา สำหรับคนทีวีก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

          แม้จะไม่ถึงขนาดตอน “ตอนรับหมูป่า” ที่กระโดดทะลุกราฟไปถึง 20 ก็ตาม แต่งานนี้พิสูจน์แล้วว่า ทางรายการได้จับต่อมคนไทยอย่างถูกจุด ถูกจริตจริงๆ

          อย่างไรก็ดีจริตนี้ใช้ไม่ได้กับคนไทยบางกลุ่ม คือนอกจากกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามพากันฟันธงตีตราว่านี่คือรายการหาเสียงของรัฐบาลคสช. อย่างไม่ต้องแอ๊บที่สุดแล้ว!!

          โดยเฉพาะ “แคปเฌอ” ที่โดนกระแส “ผงซักฟองเผด็จการ” ไปตั้งแต่ตอนของเธอยังไม่ออกอากาศด้วยซ้ำ

          แต่คนไทยทั่วไปก็อดตั้งคำถามไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องความสมจริง ความจริงใจ หรือจะเรียกว่า “ความ Real” ของ “Messenger” หรือ “ผู้นำสาร” ในการนำเสนอ “สาร” หรือเรื่องราวข้างต้นที่แบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ไปยัง “ผู้รับสาร” หรือ “ประชาชน” มันมีมากน้อยขนาดไหน

 

เดินหน้าประเทศไทยภาคพิเศษสวยๆด้วยเรตติ้งเรื่องของ\"ติ่ง\"ล้วนๆ

 

          Messenger ที่เป็นเหล่าดาราคนดังที่ตบเท้าเข้ามารับงานฟรีไม่คิดค่าตัว ตามที่กล่าวไปข้างต้น พวกเขามีความเข้าใจต่อเนื้อหา ตัวบท ของหัวข้อที่ได้รับมากน้อยขนาดไหน

          พูดกันตามตรงอย่าง “โป๊ป" ธนวรรธน์ ซึ่งมาพูดเรื่อง “ธนาคารปูม้า” ผู้ซึ่งจบการศึกษาทางด้านศิลปะจากสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง หลายคนอดถามไม่ได้ว่า “พี่หมื่น” คนนี้จะเคยสัมผัสปูม้าไปมากกว่าการแกะกินหรือเปล่า

          พอมาถึง “ณเดชน์” ถามว่าพระเอกหน้าหล่อปานเทพขนาดนี้จะเข้าใจเรื่อง “หนี้นอกระบบ” ขนาดไหน หลายคนอดแซวไม่ได้ว่า มีแต่จะไปเป็นเจ้าหนี้เสียเอง (ฮา)

          หรือแม้แต่ “เต้ย" พงศกร กับเรื่อง "การบริหารจัดการน้ำ" ซึ่งคนระดับผู้นำประเทศยังอ่วมมาแล้วกับน้องน้ำของบ้านนี้เมืองนี้ และอีกหลายๆ คนที่ต้องใช้คำถามเดียวกันนี้!

          แต่เดี๋ยวก่อนนี่ไมใช่การกล่าวหา ตำหนิดาราไทยว่าไม่มีความรู้เรื่องนโยบายของรัฐบาลดีพอ เพราะที่จริงพวกเขาล้วนมีระดับการศึกษาชนิดที่ไม่น้อยหน้าใคร

          ตรงกันข้ามเราต้องยกนิ้วให้ดาราเหล่านี้มากกว่าที่สละเวลาอันมีค่าและราคา มาทำงานสำคัญเพื่อชาติ ฝ่าแรงเสียดทานของสังคม

เดินหน้าประเทศไทยภาคพิเศษสวยๆด้วยเรตติ้งเรื่องของ\"ติ่ง\"ล้วนๆ

          จนน่ากลัวว่าแฟนคลับหลายคนพากันกด “เลิกติดตาม” ไปแล้ว เหมือนกับที่ดาราบางคนที่เคยขึ้นเวทีทางการเมืองโดนๆ กันมา

          แต่พวกเขาก็ตั้งใจมารับทำหน้าที่นี้รับสคริปต์มาท่องตอนของตนเองอย่างมืออาชีพ ราวกับได้รับบทบาทหนึ่งในละครเรื่องใหม่

          แล้วก็ทำได้ดีจนเรตติ้งออกมาอย่างที่เห็น...สปิริตแรงกล้าขนาดนี้ก็ต้องปรบมือชื่นชม!

          มากไปกว่านั้นหากย้อนกลับไปในวันที่สื่อโซเชียลยังไม่แพร่หลายอย่างทุกวันนี้ ที่ผ่านมารายการลักษณะแบบนี้ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีไทยเคยทำมาก่อน ก็มีรูปแบบที่ทำมาเพื่อดึงดูดให้ประชาชนเข้ามาชมทั้งสิ้น

          เช่นถ้าไม่นับรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน” ซึ่งออกอากาศครั้งแรกวันที่ 28 เมษายน 2544 จะมีดาราแม่เหล็กชั้นดี คือตัวผู้พูดเองอยู่แล้วตอนนั้น

          หลังจากนั้นรายการของอดีตนายกฯ ไทยต่อๆ มา ก็เดินตามกันหมด!

          อย่างรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ที่ออกกาศครั้งแรกวันที่ 18 มกราคม 2552 หากจำกันได้รายการนี้ที่เริ่มทำการปรับรูปแบบ ลีลา ด้วยการจัดตามสถานที่ต่างๆ มีการพูดคุยระหว่างเดินทางบนรถประจำตำแหน่ง และที่สำคัญมีการเชิญผู้ประกาศจากค่ายทีวีช่องต่างๆ มาร่วมดำเนินการสัมภาษณ์พูดคุย

          เช่นเดียวกับรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ที่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ที่มีรูปแบบไม่ต่างกัน

          ถามว่า นี่ก็นับว่าเป็นการดึงเอาคนดังมาสร้างสีสันให้น่าสนใจ เพียงแต่เป็นดาราจากฟาก “คนข่าว” ใช่หรือไม่?
         และเอาเข้าจริงๆ ตลอดมาทุกรายการก็เจอคำถามเดียวกันที่ว่า “นี่คือการใช้สื่อรัฐแบบฟรีๆ เพียงเพื่อบอกเล่าเรื่องผลงานของรัฐบาลตัวเองล้วนๆ!”

เดินหน้าประเทศไทยภาคพิเศษสวยๆด้วยเรตติ้งเรื่องของ\"ติ่ง\"ล้วนๆ

          ถามว่าถ้าจะมองหาความแตกต่างก็คงมีเพียงเรื่องเดียวคือสถานะของรัฐบาลชุดปัจุจบันที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง!! อันเป็นตำหนิใหญ่ที่สุดให้ผู้คนกำลังโจมตีอยู่

          เหนืออื่นใดลึกไปกว่าความสำเร็จของการสื่อสารที่แสดงออกมาเป็นตัวเลขเรตติ้ง อย่าง “การตระหนักรู้” ในเนื่อหาสาระของข้อมูลข่าวสารที่ส่งไปยังประชาชน “ผู้รับสาร”

          ถามว่าคนไทยที่ชมรายการนี้ทุกๆ ตอนที่ผ่านมา เข้าใจถึงเนื้อหามากน้อยขนาดไหน จะมีการประเมินผลอย่างไรหรือไม่ ยังไม่เห็น

          แต่ที่เห็นชัดๆ คือผลโพลล์ล่าสุดจาก “สวนดุสิตโพล” ช่วง 5-8 กันยายน ที่ผ่านมา กับคำถามที่ว่า “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกฯ รัฐมนตรี”

          ผลสำรวจพบว่า 24.72% ของประชาชนกลุ่มตัวอย่างอยากได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี 24.72%, รองลงไปคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 17.57%, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 16.53% ส่วน 14.63% เลือก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ 13.50% เลือก ดร.ทักษิณ ชินวัตร

          แน่นอนถ้าแค่เพราะ “ติ่งดารา” ถูกใจจนเทใจให้คงจะตื้นไปหน่อย แต่มันรวมเอากลยุทธ์ทั้งหมดที่รัฐบาล คสช. ใช้ความได้เปรียบทุกอย่างสร้าง “ติ่งลุงตู่” ขึ้นมาเองต่างหาก

 

//////////

ขอบคุรภาพจากเฟซบุคแฟนเพจ สายตรงไทยนิยม  https://www.facebook.com/HotlinePM/

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ