เปิดชีวิตรันทดตำรวจ'กู้รวมหนี้'ในวันที่บ้านขาดเสาหลัก..!! : รายงาน โดย... บุญชู ศรีไตรภพ
ใครจะไปรู้ว่าชีวิตเด็กหนุ่มจากอีสานใต้เมืองดอกบัวที่มีแม่น้ำสองสี และแสงแรกของประเทศแห่ง จ.อุบลราชธานี ที่มีความขยันหมั่นเพียร เรียนจบโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 4 ก่อนบรรจุรับราชการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เมืองเลย ประจำอยู่ สภ.ปากชม มีความเป็นอยู่แบบพอเพียง แต่ต้องมาจบชีวิตด้วยความเครียดจากการบริหารจัดการหนี้จนเส้นเลือดในสมองแตก สุดท้ายทิ้งภาระให้แก่ภรรยาและลูกแบบไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของอดีตผู้เป็นนาย..!
ว่าด้วยเรื่องตำรวจภูธรจังหวัดเลย 192 ชีวิต ตบเท้าเข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สกพ. อดีต ผบก.ภ.จ.เลย และ พ.ต.อ.เฉลิมพล ยอดประทุม ผกก.อก. ภ.จว.หนองบัวลำภู นายตำรวจติดตาม (คณะทำงาน) ที่ชักชวนเข้าร่วมโครงการ “กู้รวมหนี้กู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ตร.ภ.จว.เลย” ไปปิดหนี้ธนาคาร แต่กลับนำเงินไปลงทุนสูญกว่า 229 ล้านบาท สร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสให้บรรดาลูกน้องตำรวจจนต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ต่อ พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 กระทั่งมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนที่คณะกรรมการสอบสวนภาค 4 ได้แจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ต.สุทิพย์ พร้อมพวก ในฐานความผิดคดีอาญา “ฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่” และต่อมา “แม่ทัพสีกากี” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เซ็นคำสั่งให้ “บิ๊กตำรวจ” ที่ก่อเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ออกจากราชการทั้ง 2 คน
แม้บรรดาตำรวจเลยที่เป็น “เหยื่อกู้รวมหนี้” พอจะมีความหวัง เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ว่าจะได้ความเป็นธรรมกลับคืนมา แต่เหมือนกระบวนการยุติธรรมเพิ่งเริ่ม ส่วนหนี้ยังผลิตดอกเบี้ยทุกเดือนและต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่รู้เมื่อไหร่เงินที่ถูกอดีตนายโกงไปจะได้คืน ชีวิตความเป็นอยู่ สถานะทางการเงินส่งผลให้คนในครอบครัวตกที่นั่งลำบากไปตามๆ กัน จึงหลีกหนีไม่พ้นวังวนของความเครียด กระทั่งวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ร.ต.อ.สมเผ่า โพธิ์ศรี รอง สว.ป.สภ.ปากชม หนึ่งในเหยื่อที่เข้าร่วมโครงการฉาวของอดีตผู้การฯ เลย ที่มีความเครียดสะสมอยู่แล้ว เกิดเครียดหนักขึ้นไปอีกจนเส้นเลือดในสมองแตก เพราะมารู้ว่าเพื่อนตำรวจด้วยกันที่ค้ำประกันให้ถูกยึดที่นา ต้องหามส่ง รพ.เลย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะกลางดึกวันที่ 31 สิงหาคม ร.ต.อ.สมเผ่า ที่นอนนิ่งบนเตียงชั้น 2 ตึกสงฆ์อาพาธ รพ.เลย ได้จากครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงไปแบบไม่มีวันหวนกลับ เขาสิ้นใจอย่างสงบ ท่ามกลางความเศร้าโศกของ นางวรวีร์ โพธิ์ศรี ผู้เป็นภรรยาคู่ชีวิต พร้อมกับลูกๆ และญาติ รวมทั้งเพื่อนพี่น้องตำรวจเมืองเลยที่ร่วมต่อสู้กับภาระหนี้สินของ “โครงการฉ้อฉล” มาตลอด 6 เดือนเต็ม ก่อนจะเคลื่อนร่างไร้วิญญาณของ ร.ต.อ.สมเผ่า ไปยังบ้านที่คกไผ่ ต.ปากชม เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
นางวรวีร์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่สามีเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ตำรวจฯ จนเป็นหนี้สินกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งโดยปกติแล้วสามีเป็นคนไม่พูด และไม่ได้เล่าให้ครอบครัวฟัง จนมามีกรณีโครงการรวมหนี้เจ้าปัญหา เขาจึงค่อยเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันมากนัก โดยเฉพาะระยะหลังจากเกิดเรื่อง และสังเกตเห็นว่ามีอาการคิดมาก เครียด ซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เพราะปกติแล้วเขาจะช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยครอบครัว ช่วยดูแลเลี้ยงหลาน 3 คนที่อาศัยอยู่ด้วย ส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือ เพราะพ่อ-แม่ของหลานๆ ไปทำงานกรุงเทพฯ
“เรามีลูกชาย 2 คน ต่างมีครอบครัวหมดแล้ว หากขาดสามีไปก็ลำบากมาก ไม่รู้จะอยู่สู้ชีวิตไปอย่างไร ทุกวันนี้ต้องลำบากขายกับข้าว เลี้ยงหลาน อีกทั้งต้องแบกภาระหนี้สินนับล้านบาท รถยนต์และบ้านก็จะถูกยึดอยู่รอมร่อแล้ว ไปขอประนอมหนี้ผ่อนส่ง ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปส่งงวดต่อ ส่วนตัวแล้วไม่อยากให้ตำรวจคนอื่นๆ หรือคนในครอบครัวมาประสบเหตุการณ์แบบสามี ขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับสามีและตัวเองเป็นเพียงรายเดียวและรายสุดท้าย ขอให้ครอบครัวเพื่อนตำรวจหัวอกเดียวกันต่อสู้ อย่าได้ท้อ และขอกราบวิงวอนไปถึงอดีตผู้บังคับบัญชาของสามี ได้โปรดนำเงินดังกล่าวคืนมาเยียวยาให้แก่อีกหลายร้อยชีวิต หรือจะใจจืดใจดำปล่อยให้เขาเหล่านี้ต้องมาประสบเคราะห์กรรมแบบครอบครัวตัวเองอย่างนั้นหรือ” นางวรวีร์ เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอ
นางวรวีร์ ยังเล่าถึงวิบากกรรมในวันที่บ้านต้องขาดเสาหลักว่า เงินที่กู้และเป็นหนี้ทุกวันนี้ มีหนี้รถยนต์ส่วนตัว 1 คัน ซึ่งสามีซื้อมาเมื่อ 14 ปีที่แล้ว และส่งงวดหมดแล้ว ส่วนการต่อเติมบ้านก็ทำเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ใช้เงิน 2 แสนบาท ส่วนกรณีการรวมหนี้หรือบริหารหนี้มาเกิดขึ้น 2 ปีที่แล้วนี่เอง แต่มาเกิดปัญหา 6 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถและซ่อมต่อเติมบ้านแต่อย่างใด โดยโครงการรวมหนี้เป็นนโยบายของอดีต ผบก.ภ.จว.เลย เป็นผู้จ่ายใช้หนี้แทน ใช้หนี้กับสถาบันการเงินและหนี้อื่นๆ แล้วให้ส่งให้เป็นหนี้กับสหกรณ์ที่เดียวเท่านั้น สามีจึงไม่เคยได้รับ ไม่เคยจับเงินดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นเงินรวมหนี้จึงไม่ได้มาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวหรือมาลงทุนมาซื้ออะไร และแน่นอนว่าความยากลำบากกับชีวิตต่อจากนี้มีแน่ เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาเป็นคนที่ครองตน ครองงาน ดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง เลี้ยงดูลูกๆ หลานๆ ด้วยระเบียบวินัย และเป็นระบบ รวมทั้งเป็นที่รักของเพื่อนพ้องทุกคนด้วย
ส่วน นางปารณีย์ โพธิ์ศรี ลูกสาวของ ร.ต.อ.สมเผ่า บอกว่า ไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน แต่ผิดปกติในวันที่พ่อช็อก.! คือตื่นเช้าปกติจะเป็นคนโทรศัพท์หาพ่อเอง แต่วันนั้นพ่อกลับเป็นคนโทรศัพท์ไปหาตั้งแต่เช้า ถามทุกข์สุข การทำงาน แล้วลงท้ายก่อนจบการสนทนาว่า “ชีวิตพ่อคงอยู่ไม่ถึง 60 ปี” พอได้ยินก็ตกใจมาก จึงถามกลับว่ามีอะไรหรือเปล่า พ่อบอกว่าเครียดหนัก เพื่อนตำรวจที่ค้ำประกันต้องมาถูกยึดที่ดิน กระทั่งมาเกิดเหตุร้าย พ่อจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หลังจากนี้ยังคิดไม่ออก และวางอนาคตให้แก่หลานไม่ได้ ทุกอย่างยังเป็นทางสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรคอยควบคุม ขาดคนดูแลหลานๆ ทั้งการแต่งกาย ไปเรียนหนังสือ การกิน การอยู่ประจำวัน ทุกอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น
หนึ่งชีวิตของครอบครัว “โพธิ์ศรี” ที่จากไป กระทบกับอีกหลายชีวิตในครอบครัว และสะท้อนให้เห็นว่าความทุกข์ของตำรวจเลยเกิดขึ้นจริง จนต้องแลกด้วยชีวิตจากโครงการฉาวของผู้เคยเป็นนายใหญ่ตำรวจเลย แต่อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะเรื่องนี้มี “ผบ.ตร.น้อย” อย่าง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. นำทัพเดินหน้าขยายผลยึดทรัพย์เครือข่าย “แชร์ลูกโซ่” ของ พล.ต.ต.สุทิพย์ อีกไม่นานเกินรอ ตำรวจเลยต้องได้เงินคืน..!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง