หัวเพื่อไทย ไม่ใช่ใครก็ได้

          หากถือเอาสุภาษิตที่ว่า “คำพูดเป็นนาย กายเป็นบ่าว” คงเหลือเวลาอีก 6 เดือนเท่านั้น ก่อนจะถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามโรดแม็พที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

          แม้เวลาจะเหลือเพียง 6 เดือน แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ถือว่าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างแท้จริง เพราะทุกอย่างยังคงติดล็อกคำสั่งคสช.ที่ไม่ให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ยิ่งเวลางวดมามากขึ้นเท่าใด พรรคการเมืองเดิมก็เริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้นเท่านั้น

          โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และในปัจจุบันกรรมการบริหารพรรคทุกตำแหน่งล้วนแล้วแต่ทำหน้าที่รักษาการทั้งหมด จึงยิ่งอยากให้มีการปลดล็อกพรรคการเมืองเสียที ประกอบกับกฎหมายต่างๆ ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยิ่งอยากให้ต้องรีบปลดล็อกโดยเร็ว ทุกอย่างในพรรคเพื่อไทยจะได้ชัดเจนและเตรียมพร้อมจัดกระบวนทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นครั้งที่ลำบากและเหนื่อยที่สุด ตั้งแต่กำเนิดเกิดเป็นพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย

          เพราะทิศทางในพรรคเพื่อไทยตอนนี้ เปรียบเหมือนใบไผ่ที่ลู่ไปตามแรงลม ไม่มีความชัดเจนอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเหตุผลมีเรื่องเดียวและเรื่องใหญ่ที่สุด คือตัวผู้ที่จะมานำพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า 

          เรื่องผู้นำคนใหม่ของพรรคเพื่อไทย มีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ และก็จะเป็นข่าวใหญ่ทุกครั้ง ที่เมื่อนายใหญ่แห่งดูไบอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” บินวนเวียนมาเลียบๆ เคียงๆ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ต่างมีบรรดาแกนนำ อดีตส.ส.และคนใกล้ชิด บินไปเยี่ยมเยียน พบปะหารือ ขอคำปรึกษาในตัวผู้นำพรรคอยู่เสมอๆ

          เพราะนอกจากจะไปเพื่อสนับสนุนหัวหน้ากลุ่มก๊วนของตัวเองให้ได้มีโอกาสขึ้นกุมบังเหียนนำพรรคแล้วหรือแม้กระทั่งไปเลื่อยเก้าอี้คู่แข่ง ทุกคนก็ล้วนแล้วอยากได้ความชัดเจนในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก 

          ทุกครั้งก็มีชื่อแคนดิเดตผู้นำพรรคคนใหม่ออกมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็น “จาตุรนต์ ฉายแสง  - พงษ์ศักดิ์ รัตนพงษ์ไพศาล  - ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” แต่ทุกครั้งที่เกิดกระแสข่าวเรื่องนี้ขึ้นมา ชื่อของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ยังคงติดอยู่เป็นแคนดิเดตผู้นำคนใหม่ของพรรคเพื่อไทยอยู่ตลอด 
 
          หากมาดูที่ชื่อของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ก็มีข่าวออกมาตลอดว่า คนในพรรคเพื่อไทยเองยังไม่ค่อยยอมรับในตัวเธอสักเท่าไหร่  โดยเฉพาะอดีตส.ส.ในภาคเหนือและภาคอีสาน แต่เธอก็ได้เดินสายไปช่วยเป็นประธานงานบวช งานแต่ง งานบุญ ของอดีตส.ส.ในพรรค เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์และซื้อใจส.ส.หลายๆ คนในพรรค โดยเฉพาะโซนภาคอีสาน  

          การหารือหรือคุยนอกรอบกับแกนนำของพรรค “คุณหญิงสุดารัตน์” ก็ยังได้รับเชิญมาร่วมให้คำปรึกษา เรื่องการบริหารจัดการ วางระบบระเบียบในพรรคเพื่อไทยอยู่เสมอ

          ที่สำคัญ “คุณหญิงสุดารัตน์” ยังได้รับการสนับสนุนจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” อีกหนึ่งแรง 

          นอกจากนี้ยังมีเต็งหนึ่งอีกหนึ่งคน อย่าง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ และน้องเขยของนายใหญ่ ที่มีชื่อมาโดยเช่นกัน ชื่อนี้ก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องคุณสมบัติใดๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่าคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการยอมรับของคนในพรรค เรียกได้ว่า หากขึ้นมาถือธงนำความเป็นเอกภาพเกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน และไม่ต้องเถียงกันเรื่องสายตรงว่าเป็นเด็กใคร ใครใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิด 

          หากในความเป็นจุดแข็งก็อาจจะเป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะภาพ “สมชาย“ คือภาพของตัวแทน ”ชินวัตร” อย่างแท้จริง ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนที่คนในพรรคมีความกังวลอยู่พอสมควร เพราะจะกลายเป็นเป้าโจมตีเป้าใหญ่ที่ฝ่ายตรงข้าม จะเอามาเล่นงานและโจมตีพรรคเพื่อไทยได้อีกอย่างเช่นที่ผ่านมา 
 
          แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยน่าจะมองว่า เป็นเรื่องสำคัญอันดับที่ 1 ในตอนนี้ คือ ต้องให้คสช.ปลดล็อกพรรคการเมืองเสียก่อน เพราะหากมีการปลดล็อกพรรคการเมืองแล้ว มีการประชุมพรรคเกิดขึ้น ในวันที่มีการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ วันนั้นทุกอย่างจะจบ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดจะสงบลง 

          เพราะทุกวันนี้ปัญหาความวุ่นวายในพรรคที่เกิดขึ้น คือไม่มีหัว ไม่รู้ว่าใครมานำ ไม่รู้จะเชื่อใครดี และหากมีคนถือธงนำถึงแม้จะมีปัญหาส่วนตัวหรือคลื่นใต้น้ำมาโดยตลอดก็ตาม แต่ถ้า “เคาะแล้ว” ทุกอย่างจะจบ ต้องเดินต่อ 

          ส่วนเรื่องหัวหน้าพรรคหรือคนถือธงนำในการเลือกตั้งนั้น คนในพรรคบอกว่า อย่าลืมว่าในรัฐธรรมนูญเขียนอยู่ชัดเจนแล้วว่า คนที่จะมาเป็นนายกฯไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แต่เป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่แต่ละพรรคแนบชื่อไป ดังนั้นไม่ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนต่อไปจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็น “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” มีลุ้นทั้งนั้นและเชื่อว่า 2 รายชื่อนี้มีสิทธิ์เป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอเป็นนายกฯ