คอลัมนิสต์

ดูด "แกนนำเสื้อแดง" ไม่สะเทือน...แค่ปลอบขวัญ?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ขยายปมร้อน : โดย โอฬาร เลิศรัตนดำรงกุล

 

                “เครื่องดูดพลังเทอร์โบ” ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่ซ้ำยังเพิ่มพลังแรงพิเศษเข้าไปจากเดิมที่ “ดูด” แค่ “นักการเมือง-อดีต ส.ส.” ให้เข้ามาร่วมงาน แต่คราวนี้รวมไปถึงแกนนำมวลชน ซึ่งหมายถึง “แกนนำ คนเสื้อแดง” เข้าไปด้วย

                ว่ากันว่าหลังรัฐประหาร 2549 กลุ่มการเมือง “พลังประชาชน-เพื่อไทย” เดินด้วยสองขา ขาหนึ่งคือขา “นักการเมือง” และอีกขาคือขา “มวลชน”ขา “นักการเมือง” นั้นมีไว้สำหรับเกมการเลือกตั้ง เกมการเมืองในสภา ส่วนขามวลชนเสมือนเป็นหลังพิง เป็นทั้งแนวรุกและเกราะป้องกัน

                การทอนกำลัง “เพื่อไทย” ให้ได้มากที่สุดเพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นจึงต้องทำทั้งสองขาและหลายพื้นที่ได้ทำสำเร็จไปแล้วทั้ง “อีสาน” และ “เหนือ” ที่เป็นฐานที่มั่นใหญ่ของพรรค

                ก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. วิเคราะห์ว่าโดยหลักกลุ่มสามมิตรและคสช. มองว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะแพ้พรรคเพื่อไทยจึงใช้ยุทธศาสตร์ลดทอนความแข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทย แนวร่วมที่เข้มแข็งของพรรคคือกลุ่ม นปช. หรือเสื้อแดง เพราะถ้าสามารถดึงคนเสื้อแดงออกไปได้ก็จะเป็นการบั่นทอนความแข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทย

 

ดูด "แกนนำเสื้อแดง" ไม่สะเทือน...แค่ปลอบขวัญ?

                “ต้องอย่าลืมว่าในกลุ่มคนเสื้อแดงมีจำนวนหนึ่งที่ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีขอนแก่นโมเดล คดีการตั้งศูนย์ปราบโกงฯ หรือคดีจากการแชร์เฟซบุ๊ก ก็มีการเสนอว่าจะเคลียร์คดีพวกนี้ให้ เพื่อซื้อใจ ให้คนเสื้อแดงไปอยู่กับเขา”

                อย่างไรก็ตาม “ก่อแก้ว” ยังบอกว่า คนเสื้อแดง หรือนปช. ยึดหลักประชาธิปไตย ในขณะที่ คสช. คือกลุ่มเผด็จการ คนละสายพันธุ์ จึงไม่มีทางที่จะเข้ากันได้ ถ้านปช.คนไหนย้ายไปหนุนเผด็จการก็ถือว่าเป็นแดงกลายพันธุ์ เขาเชื่อว่าหากแกนนำคนไหนไปก็จะไม่มีมวลชนตามไปด้วย ต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ไม่มีมวลชนตามไป ที่กลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวเพื่อดูดนปช.แล้วเขาคาดหวังว่าถ้าดึงแกนนำไปแล้วจะมีมวลชนตามไปนั้น จะผิดหวังอย่างแน่นอน

                  เขามอง 3 ปัจจัยในการดูดว่า   1.นักการเมืองบางคนต้องการปั่นราคาตัวเอง 2.หวังเผื่อฟลุก และ 3.เป็นวิธีการทางการตลาด มีการออกข่าวใหญ่โต ซึ่งโดยหลักทางการเมืองถ้าจะดูดให้ได้ผลต้องทำเงียบๆ ค่อยเปิดตัวตอนใกล้เลือกตั้ง คนที่ถูกดูดก็จะได้ไม่ถูกด่า ไม่ถูกต่อต้านจากคนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วย การประโคมข่าว ยกตัวอย่างกรณีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เป็นการสร้างภาพ ปั่นกระแสเพื่อให้เกิดการทำตาม แต่เอาจริงๆ คือไม่มีใครทำตาม ไม่มีใครไป จึงได้แต่ปั่นกระแสปั่นราคาตัวเอง

                “ถ้าพูดถึงคุณภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตร จะมีทีมงานที่เป็นแกนนำสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน ซึ่งมีแนวร่วมเกษตรกรอยู่จำนวนมากที่เคยร่วมงานกันในอดีต จึงใช้จุดนี้เชื่อมให้ดึงคนเสื้อแดงที่เป็นเกษตรกรมา แต่หากดูทั้งหมดในภาพรวมก็ไม่มีแกนนำหลักในระดับจังหวัดไปเข้าร่วมแต่อย่างใด”

                เรื่องนี้จึงไม่มีอะไรที่ต้องวิตกกังวล อันที่จริงอยากบอกกับคุณภิรมย์ว่า ควรเรียนรู้จากความผิดพลาดตัวเองในอดีต ในปี 2550 คุณภิรมย์ลงสมัครส.ส.ในนามพลังพรรคประชาชน ประชาชนจึงเลือกและได้เป็น ส.ส.ดั่งหวัง แต่ในปี 2551 คุณภิรมย์ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยเพื่อสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ทำให้ประชาชนผู้เลือกตั้งผิดหวัง ในการเลือกตั้ง 54 ประชาชนจึงสั่งสอนด้วยการเลือกผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรคเพื่อไทย เอาชนะอดีตส.ส.อย่างคุณภิรมย์อย่างขาดลอย ประชาชนสอนให้รู้ว่าจะทำอะไรต้องถามประชาชนก่อน มิฉะนั้นประชาชนจะสั่งสอนเอา

                ขณะที่ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อีกหนึ่งแกนนำ นปช.ระบุว่า การที่กลุ่มสามมิตรอ้างว่าจะเดินสายพูดคุยกับแนวร่วมนปช.เพื่อสร้างความปรองดองนั้น ส่วนตัวคาดหวังว่าประชาชนที่เคยร่วมต่อสู้ในนามนปช.จะไม่ร่วมมือในแผนสืบทอดอำนาจคงต้องคิดใหม่เพราะกว่า 10 ปีในสนามการต่อสู้ พี่น้องนปช.เอาชีวิตกับอิสรภาพเข้าแลก และยังคงแบกความอยุติธรรมร่วมกันในคดี 99 ศพจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองบางประเภทในกลุ่มสามมิตรที่ประชาชนรู้ไส้รู้พุงจะย่อยสลายแล้วดูดลงคอได้ง่ายๆ

 

ดูด "แกนนำเสื้อแดง" ไม่สะเทือน...แค่ปลอบขวัญ?

                ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอดีตแกนนำนปช.บางคนไปเปิดตัวร่วมงานกับกลุ่มสามมิตร ขอให้โชคดี ความเป็นเพื่อนยังอยู่ แต่ทางการเมืองถือว่าเราปล่อยมือแล้วแยกทางกันตรงนี้ ไม่คิดจะโจมตีหรือต่อว่าใดๆ เพราะการผละจากขบวนการประชาธิปไตยไปอยู่ในกลไกสืบทอดอำนาจ มีบทเรียนที่เจ็บปวดซึ่งประชาชนรอมอบให้อยู่แล้ว

                “ไม่แน่ใจว่าที่กลุ่มสามมิตรเดินอยู่เป็นการทำตามโรดแม็พของผู้มีอำนาจหรือเปล่า เพราะดูแล้วคล้ายเป็นการปั่นราคา สร้างมหกรรมต้มคนใหญ่คนโตครั้งสำคัญหรือไม่”

                ต้องดูว่าความมั่นใจที่สองแกนนำ นปช.ลั่นวาจาออกมาจะเป็นเพียงการปลอบขวัญหรือเพราะพวกเขามั่นใจในมวลชนอย่างเต็มเปี่ยม.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ