ที่แรมโบ้อีสาน ต้องขอถอนคำสาบานต่อหน้าย่าโม ก็เพื่อกลับมาทำงานการเมืองเพื่อชาติอีกครั้ง เพื่อประชาชนที่รัก จริงๆ นะเนี่ย!!!!
พลันที่ได้ข่าวนักการเมืองคนดังประกาศถอนคำสาบานต่อหน้าย่าโม ก็นึกถึงเพลงลูกทุ่งแสนเศร้า “ถอนคำสาบาน” เสียงร้องของเจ้าพ่อเพลงหวาน-สันติ ดวงสว่าง ฟังกี่ครั้งก็เศร้า
"หนุ่มคนนั้นก็คือฉันนี่เอง
อยากจะตะเบ็งเปล่งเสียงร้องไห้โฮ
มาถอนสาบานต่อหน้าย่าโม
ด้วยใจสุดช้ำเซโซเหมือนคนจวนสิ้นใจ"
เรื่องของหนุ่มพาสาวมาสาบานรักต่อหน้าย่าโม ตอนหลังสาวทิ้งเขาไป ก็เลยเป็นกังวลในคำสาบาน เกรงสาวเจ้าจะมีอันเป็นไปตามคำสาบาน หนุ่มผู้เสียสละ จึงมากราบย่าโมอีกครั้ง ขอถอนคำสาบาน หากจะเกิดอะไรขึ้น “ลูกขอรับแต่เพียงผู้เดียว”
วันนี้ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ลุกขึ้นมาตอบโต้รุ่นน้องอย่าง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำ นปช.ที่ย้ำแผลว่า ตนเองเคยสาบานต่อหน้าย่าโมแล้วว่าจะไม่เล่นการเมือง แต่กลับมีชื่อจะเข้าร่วมทำงานการเมืองกับกลุ่มสามมิตร
“ผมจะไปจุดธูปบอกกับย่าโมว่า ผมขออนุญาตถอนคำสาบานกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง เพื่อรับใช้ประชาชน ซึ่งผมก็เชื่อว่าย่าโมเข้าใจและไม่มีปัญหา เพราะผมคือลูกหลานย่าโมเป็นคนโคราชโดยกำเนิด”
กล่าวโดยสรุป แรมโบ้อีสานจะกลับมาอีกครั้ง เพราะทนเสียงเรียกร้องจากประชาชนไม่ไหว ประกอบกับมี “ผู้ใหญ่” เห็นคุณค่าและอยากให้ตนกลับมาช่วยกันทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและประเทศชาติ
บนเส้นทางการเมืองของ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” นั้นมาจากนักสู้บนท้องถนน เป็นแกนนำมวลชนในท้องที่ต่อสู้เรื่องราคาพืชไร่ จึงได้รับการคัดเลือกตั้งทีมงานพรรคไทยรักไทย ให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.โคราช และได้เป็น ส.ส.สมัยแรก
สมัยที่สุภรณ์ทำงานในสภาฯ ได้จับมือกับ “ธีรชัย แสนแก้ว” อดีต ส.ส.อุดรธานี ทำอัลบั้มเพลงในนาม “แรมโบ้-อีโต้อีสาน” ออกเผยแพร่ รวมทั้งทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ “นายทักษิณ”
สุภรณ์เป็นแรมโบ้โคราช และธีรชัยเป็นอีโต้อีสาน หลังเนวิน ชิดชอบ แยกทางจาก “ชินวัตร” มาตั้งพรรคภูมิใจไทย สุภรณ์กับธีรชัยก็เดินคนละเส้นทาง “อีโต้อีสาน” เลือกเดินตามเนวิน
ยุคแดงเพลิงทั้งแผ่นดิน “แรมโบ้อีสาน” กลายเป็นแกนนำ นปช. ถูกจัดอยู่ในกลุ่มฮาร์ดคอร์ มีวีรกรรมนำพามวลชนเสื้อแดงออกไปบู๊กลางถนนหลายสมรภูมิ
เลือกตั้ง 2554 สุภรณ์ให้น้องชาย-สัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย และได้เป็น ส.ส.เขต 10 นครราชสีมา
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีบทบาทในการทำงานมวลชนช่วยรัฐบาลในหลายกรณี และที่โด่งดังมาก ก็เป็นการเดินสายจัดตั้ง “อาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ” (อพปช.)
เวลานั้น แรมโบ้อีสานไม่พอใจการบริหารงานองค์กร นปช. ของแดงสายใต้ จึงแยกตัวมาสร้างที่มั่นในภาคอีสาน โดยระดมแกนนำแดงในท้องถิ่นที่ไม่ยอมรับบทบาทของ “ธิดา-จตุพร-ณัฐวุฒิ” มาอยู่ในสังกัดของเขา
การจัดตั้ง อพปช. เป็นไปอย่างครึกโครม ทำให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีข่าวบางกระแสว่า อพปช.บางพื้นที่ มีการฝึกอาวุธให้มวลชน แต่สุภรณ์ก็ปฏิเสธข่าวดังกล่าว
เมื่อเกิดรัฐประหาร 2557 กอ.รมน.ภาค 2 จึงคุมตัวสุภรณ์เข้าค่ายทหาร 7 วันจากนั้นสุภรณ์ได้ให้ความร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 2 ในโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันเพื่อคืนความสุขให้คนไทยทั้งชาติ
30 พ.ค.2557 สุภรณ์ พร้อมด้วยนางสุ้น อัตถาวงศ์ มารดา และญาติพี่น้องไปยังอนุสาวรีย์ย่าโม โดยกราบเท้ารูปหล่อคุณย่าโม พร้อมประกาศว่า "บัดนี้ลูกหลานคนนี้ ขอประกาศยุติทางการเมืองและขอวางมือทางการเมืองตลอดไป"
ด้วยเหตุนี้ แรมโบ้อีสาน จึงต้องมาขอถอนคำสาบานต่อหน้าย่าโม เพื่อกลับมาทำงานการเมืองเพื่อชาติอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง