คอลัมนิสต์

ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง??? : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน โดย...   ชุติญา แสงวิทยเวช / ณัฐธยาน์ พงษ์สุวรรณ 

 

          การเดินทางในปัจจุบันแต่ละวันเราไม่ได้ใช้เพียงแค่ยานพาหนะ แต่ทางเท้าก็เป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้นเช่นกัน เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยเจอปัญหาเหล่านี้ บนฟุตบาทของกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงขั้นบ่นประจานบนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับปัญหาฟุตบาทของประเทศไทย ว่าหากคุณเดินบนทางเท้าคุณจะพบว่ามีปัญหาอะไรบ้าง?

          ทีมข่าวของเราได้ลงเดินสำรวจฟุตบาททั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อนำปัญหาและอุปสรรคมาสะท้อนว่า “คนเดินถนน” ต้องประสบพบเจออะไรบ้าง
 
          ระเบิดทางเท้า
          อย่างแรกที่เป็นปัญหาอุปสรรคในการเดินเริ่มตั้งแต่พื้นผิวบนฟุตบาทที่มีปัญหาทั้งมีหลุมดวงจันทร์ สระน้ำกลางฟุตบาท หรือระเบิดทางเท้า หลายคนอาจจะสงสัยว่า “ระเบิดทางเท้า” คืออะไร?

          พูดกันง่ายๆ ก็คือพื้นอิฐบนฟุตบาทที่ไม่เสมอกัน และยังเกิดรอยแตก ส่งผลให้เมื่อมีน้ำขังหรือฝนตก หากเราเหยียบในจุดนั้นพื้นอิฐจะกระดกและทำให้น้ำที่ขังบนบริเวณนั้นกระจายเปรอะขาหรือเสื้อผ้า

          และแน่นอนว่าน้ำที่กระจายขึ้นมานั้นย่อมไม่ใช่น้ำสะอาดไม่เพียงแค่เปรอะอย่างเดียวแต่ต้องมาเจอสิ่งสกปรกมากอีกด้วย เปรียบสเมือนระเบิดในเวลาที่เราเร่งรีบ นี่แหละเป็นที่มาของคำว่า “ระเบิดทางเท้า”

 

 ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???

 

          เครื่องกีดขวางที่มาจากทั้ง “รัฐ” และ “เอกชน”

          ยังมีปัญหาสิ่งกีดขวางที่บางทีเราเดินไปอาจชนบ้างหรือสะดุดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆษณาคอนโดมิเนียมที่นำมาติดตรงเสาไฟฟ้าหรือป้ายโฆษณาหมู่บ้านจัดสรรรวมไปถึงป้ายโฆษณาอื่นๆ ของเอกชน

          นอกจากป้ายเอกชนแล้วและยังมีป้ายบอกทางของตัวกทม.เองก็ถือว่าเป็นสิ่งกีดขวางเช่นกัน เพราะการเดินในแต่ละวันเราสังเกตง่ายๆเลยเราต้องหลบป้ายพวกนี้ เชื่อได้ว่าในชีวิตของแต่ละคนต้องเคยประสบด้วยตัวเองหรือไม่ก็ต้องมีคนรู้จักที่ประสบอุบัติเหตุจากป้ายเหล่านี้

          ไหนจะต้นไม้ใหญ่และพุ่มไม้ที่มีตลอดสองข้างทางในบางพื้นที่ที่ทางกทม.เองอาจจะปลูกขึ้นเพื่อให้ร่มเงาแก่ผู้ใช้ฟุตบาท

          “แต่ในทางกลับกันเมื่อมีต้นไม้และป้ายโฆษณาต่างๆ บนฟุตบาทส่งผลให้การเดินมีความลำบากและยากต่อการใช้พื้นที่เหล่านั้น”

          เท่านั้นยังไม่พอยังมีสายไฟและสายโทรศัพท์ที่พันกันยุ่งเหยิงและห้อยลงมาระหัวคนเดินผ่านไปมา ในช่วงที่ฝนตกเกิดกรณีฟ้าผ่า เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสายไฟที่ห้อยลงมาเส้นไหนที่เป็นสายล่อฟ้า เพราะ

          ในวันที่ลงสำรวจพื้นฟุตบาทในช่วงนั้นเกิดฝนตกฟ้าร้องอย่างหนัก ขณะที่ด้านบนที่ทีมข่าวยืนอยู่นั้นมีสายไฟระโยงระยางอยู่ โดยสายไฟบางส่วนเป็นสายที่ขาดออกจากกันและมีลวดทองแดงโผล่ออกมา  น่าคิดว่าความสุ่มเสี่ยงอันเกิดจากสิ่งที่นำไฟฟ้าเช่นนี้อาจก่อความเสียหายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างคาดไม่ถึง โชคยังดีที่ ณ นาทีนั้นไม่มีใครเป็นอะไร  แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อไรจะเกิดเหตุร้าย เพราะโชคดีไม่มีทุกวัน
ปัญหายังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีกลุ่มคนมักง่ายทิ้งขยะและตั้งเป็นกองภูเขากลางทางเดิน ในละแวกที่มีตลาดหรือร้านค้าจะพบขยะจำนวนมากทั้งเปียกและแห้ง และวางทิ้งขยะตลอดทางเดินเท้า เป็นทั้งอุปสรรคในการเดินและส่งกลิ่นเหม็นรบกวนอีกด้วย

 

 ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???

 

          ตรงนี้พี่จอง
          จะเห็นได้ว่าปัญหาขยะเกิดขึ้นจากการตั้งร้านค้าบริเวณฟุตบาท ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องกันทำให้การสัญจร นอกจากจะมีสิ่งกีดขวางและยังมีทางที่แคบลงอีกด้วย ลามไปถึงทางเดินขึ้นลงสะพานลอย หรือบีทีเอส ที่แทบจะเป็นทางตัน เพราะระหว่างทางขึ้นลงจะมีร้านค้าที่มาตั้งเพื่อขายให้แก่คนที่ใช้เส้นทางในบริเวณดังกล่าวโดยร้านค้าส่วนใหญ่มักจะจองพื้นที่ไว้ขายของว่าตรงนี้ของฉันใครห้ามแย่ง มีที่ใครที่มันเป็นที่ประจำไปเลย ทำให้ทางเดินแคบจนต้องใช้เส้นทางบนถนนในการเดินหลีกสิ่งกีดขวางพวกนี้แทน ซึ่งเป็นอันตรายในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ในบางทีที่เราลงไปเดินบนถนนอาจเกิดอุบัติเหตุต่อตัวเราได้

          ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่สามารถแก้ได้สักทีจากเดิมที่เราจะเห็นว่ามีเทศกิจคอยไล่ แต่ในปัจจุบันการขายของบนทางเท้ากลายเป็นเสรี และใครๆ ก็สามารถมาตั้งขายได้

 

 ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???

 

          หลบหน่อยจ้ารถพี่มาแล้ว
          ยังไม่จบเพียงเท่านี้นอกจากอันตรายจากการเดินบนถนนแล้วบนฟุตบาทที่เป็นทางเท้าของคนเดินแท้ๆ เรายังต้องเจอมอเตอร์ไซค์ไฮเทคที่วิ่งบนฟุตบาทโดยไม่สนใจการสัญจรของคนบนทางเท้าเลยด้วยซ้ำ
          
          จนบางครั้งขณะเราเดินกันอย่างสบายใจก็มีเสียงแตรรถจากเหล่าพี่ “นักบิด” บีบไล่เพื่อให้เราหลบแทบไม่ทัน ถ้าไม่หลบก็อาจจถูกชนคาฟุตบาท   

          ทั้งพื้นที่ปัญหา ทั้งสิ่งกีดขวาง ยังเพิ่มอุปสรรคเรื่อง “รถมอเตอร์ไซค์” ที่มาแชร์ทางเท้าอีก  ทำให้เกิดคำถามว่า “ฟุตบาท”  เป็นมิตรกับคนเดินถนนจริงหรือไม่

 

 ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???


          ทางเท้าที่ดีก็มีให้เห็น
          จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาจริงหรือไม่ ทำไมแค่พื้นฟุตบาทที่เหมือนเป็นเส้นทางในการดำรงชีวิตประจำวันยังมีคุณภาพที่ต่ำและไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจังอีกทั้งพลเมืองในสังคมยังไร้จิตสำนึกในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันหรือเป็นเพราะผู้บริหารบ้านเมืองไม่ใส่ใจดูแลพื้นที่และปล่อยปละละเลยการพัฒนาและการควบคุม

          หลายคนคงมีความคิดเหมือนกันว่างบประมาณต่างๆ ที่ได้รับหายไปไหนทำไมพื้นที่ถึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่ในบางพื้นที่ของเอกชน ห้างสรรพสินค้าในเมือง เช่น สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ที่มีลักษณะพื้นฟุตบาทที่มีมาตรฐานโดยบริเวณรอบตัวห้างมีพื้นฟุตบาทที่เสมอกัน ไม่เป็นหลุมบ่อ ไม่มีสิ่งกีดขวาง และมีการจัดระเบียบร้านค้าให้อยู่ในบริเวณที่จัดไว้ทำให้ทางเท้ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อตอบสนองลูกค้าที่มาใช้บริการหรือผู้ที่เดินสัญจรไปมาบริเวณนั้น

 

 ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???

 

          รวมไปถึงวัดพระศรีมหาธาตุบางเขนยังมีการปรับพื้นฟุตบาทให้มีคุณภาพ และตัวพื้นมีความหนาถึงหนึ่งฝ่ามือ รถของผู้คนที่มาทำบุญสักการะพระธาตุในวัดสามารถนำมาจอดได้จำนวนหลายคัน อีกทั้งยังวิ่งสวนกันได้ในบริเวณฟุตบาทที่ทางวัดสร้างได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องพื้นยุบหรือแตก เพราะตัวฟุตบาทที่ทางวัดสร้างมีความกว้างและแข็งแรงมาก ซึ่งสามารถใช้งานได้คล้ายฟุตบาทในต่างประเทศ

          หากเทียบกับฟุตบาทที่รัฐทำแล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณภาพต่างกันอย่างมาก จนกลายเป็นกระแสวิพากวิจารณ์ว่าทำไมเอกชนทำได้แต่รัฐบาลทำไม่ได้ ไม่เพียงแค่ชาวต่างชาติที่วิจารณ์ว่าถ้าคนไทยมีระเบียบประเทศจะมีความเจริญมากกว่านี้
          

 

 ฟุตบาทเมืองกรุง… เดินได้จริง???


          ปัญหาฟุตบาทนี้ไม่ได้หมายถึงผู้บริหารภายในประเทศเพียงอย่างเดียวที่ต้องนำเงินงบประมาณที่ได้มาจัดสรรปันส่วนให้พื้นที่ในประเทศเรามีคุณภาพยังรวมไปถึงประชาชนต้องมีจิตสำนึกในการดำรงชีวิต เลิกใช้ความคิดที่ว่าต้องใช้ทางทำมาหากินและความคิดของมอเตอร์ไซค์ที่อยากไปเร็วแต่ไม่อยากรถติดบนถนน เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดปัญหาเรื้อรังไม่มีการแก้ไขสักที

          สุดท้ายนี้ต้องฝากถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองช่วยออกมาแก้ปัญหาดังกล่าวไม่เช่นนั้นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่กำลังจะพัฒนาก็คงจะไม่เดินไปไหน และส่งผลต่อภาพลักษณ์ไปสู่สายตาชาวโลก........

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ