คอลัมนิสต์

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!? : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน โดย... ทีมข่าวอาชญากรรม

 

          หลายคนคงเคยได้ยินการพูดประโยค “ตลกร้าย” ที่ว่า เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงเกิดขึ้น..!! จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีผลการวิจัยพบว่าคนไทยมากกว่า 70% เคยเล่นการพนันมาแล้ว และอายุต่ำสุดที่เล่นพนันครั้งแรกมีอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น

          ในห้วง 10 ปี ที่ผ่านมา ธุรกิจการพนันผิดกฎหมายสูงสุด 3 อันดับแรกของไทย ประกอบไปด้วย 1.หวยใต้ดิน 2.บ่อนเถื่อน และ 3.พนันฟุตบอล แต่สภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน “การพนันฟุตบอล” ก้าวขึ้นสู่ความนิยมอันดับ 1 แซงหน้าหวยใต้ดินไปแล้ว ถือเป็นการพนันที่เติบโตอย่างรวดเร็วควบคู่มากับความทันสมัยทางเทคโนโลยีการสื่อสาร

          มหกรรมการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจจะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยสลับกันระหว่าง “ฟุตบอลโลก” กับ “ฟุตบอลยูโร” ทำให้หลายหน่วยงานในภาครัฐมีนโยบายป้องกันปราบปราม หรือมาตรการกวดขันจับกุมการเล่นพนันฟุตบอล แต่ผลลัพธ์ที่ผ่านมาคือยิ่งกวดขันแต่จำนวนผู้เล่นพนันกลับยิ่งเพิ่มขึ้นแบบ “ก้าวกระโดด” เนื่องจากคนเล่นส่วนใหญ่มองว่าแค่เป็นเรื่องขำๆ ขณะเดียวกันทุกวันนี้พนันฟุตบอลไม่ต้องรอแค่ฟุตบอลโลกกับฟุตบอลยูโรแล้ว ซึ่งมีให้เล่นพนันได้ตลอดทั้งปีจากทุกลีกทั่วโลก หรือแม้แต่แมทช์กระชับมิตรระดับสโมสรและทีมชาติ เรียกได้ว่าเล่นได้ ตลอด 24 ชั่วโมง!! แถมเล่นพนันง่ายเพียงแค่ “ปลายนิ้วสัมผัส” เพราะความทันสมัยและการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ทำให้เกิดการเล่น "พนันออนไลน์”

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?


          ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพ จะเริ่ม “ฟาดแข้ง” คู่เปิดสนามในคืนวันที่ 14 มิถุนายนนี้ อย่างเป็นทางการ ซึ่งความกังวลปัญหาการพนันฟุตบอลนั้น ก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิด "ศูนย์ป้องกันปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอล” และให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ซึ่งเริ่ม “ดีเดย์” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นมา มีหลายหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.), กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งจะดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง เน้นมาตรการเชิงรุก ด้านการป้องกันเน้นการตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีการรับทายพนันผลฟุตบอลออนไลน์ ควบคู่ไปกับการณรงค์ป้องกันสำหรับเด็กเยาวชนซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษา ภายใต้โครงการ “รณรงค์การป้องกันปราบปรามการลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2018”

          การพนันเป็นต้นเหตุหนึ่งของปัญหาอาชญากรรม เมื่อเสียพนันก็ทำให้เป็นหนี้ หมุนเงินไม่ทันก็ต้องผันตัวเป็น “โจร” ออกอาละวาดลักเล็กขโมยน้อย ไล่ลำดับไปถึงขั้นจี้ ปล้น ทำร้ายร่างกายเพื่อเอาทรัพย์สิน หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง และหมายถึงความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นการรับมือของตำรวจจะใช้แผน “พิทักษ์ภัยดูแลประชาชน 61” ในการดูแลป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติด พื้นที่สุ่มเสี่ยง ที่เคยเกิดเหตุ เช่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน ตำรวจภูธรภาค 2 ภาค 7 และภาคใต้ พร้อมติดตามเว็บไซต์รับพนันทายผลฟุตบอลทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดมีการตรวจสอบพบและเสนอพิจารณาปิดเว็บไซต์แล้วกว่า 1 พันเว็บไซต์แล้ว

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

 

          จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจพบกลุ่มเว็บไซต์พนันบอลจะใช้อุบายโดยการให้หญิงสาวหน้าตาดีมาโฆษณาตามสื่อโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะชักจูงบรรดานักพนันให้เข้าไปที่หน้าเพจของเว็บพนันออนไลน์ เพื่อเชิญชวนให้เข้าไปเล่นพนัน ในส่วนนี้ บก.ป. กับ บก.ปอท. มีฐานข้อมูลอยู่แล้วซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังจับตา ขณะที่พฤติกรรมของกลุ่มนายทุนพนันบอลนั้น จะใช้จังหวัดใหญ่ๆ ในเมืองไทยเป็นที่ตั้งในการรับพนันออนไลน์ โดยจะเช่าบ้านพักอาศัยและจัดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และโทรศัพท์เข้าไปในบ้านสำหรับรับข้อมูลการพนัน ซึ่งมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับต่างประเทศ ส่วนเซฟเวอร์จะตั้งอยู่ในต่างประเทศ และยังมีการทำเซฟเวอร์สำรองเพื่อป้องกันการถูกจับกุมไว้อีกด้วย

          พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อธิบายว่า ตำรวจมีฐานข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ อยู่แล้ว ทั้งเว็บไซต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในและต่างประเทศ ส่วนกรณีเว็บเพจต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเพจทางเฟซบุ๊กที่พบว่ามีการขึ้นข้อความโฆษณาเชิญชวนให้ทายผลพนันฟุตบอลทางเว็บไซต์ จะต้องมีการพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงประสานทาง ปปง. เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ สำหรับศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทายผลพนันฟุตบอลออนไลน์ ยินดีเปิดรับฟังและรับแจ้งเบาะแสจากภาคประชาชนและเอกชน ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญในการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยในอนาคตเตรียมพิจารณาตั้งศูนย์ดังกล่าวถาวรเพื่อดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจังต่อเนื่อง

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

 

          ด้าน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น. ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยถึงการจับกุมการพนันฟุตบอลช่วงกำลังจะมีการถ่ายทอดการแข่งขันวันที่ 14 มิถุนายน ว่าขณะนี้มีการดำเนินการขับเคลื่อนใน 2 มิติด้วยกัน ได้แก่ 1.คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) เป็นตัวแทนภาคประชาสังคมแต่ละสถานีตำรวจนครบาลอยู่ในพื้นที่ขับเคลื่อนให้พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องลงมาดูบุตรหลานว่าไปเกี่ยวข้องกับการพนันหรือไม่ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2548 ม.26 (8) ห้ามเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน โดยพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องร่วมรับผิดชอบหากมีการพิสูจน์ได้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองปล่อยปละละเลยหรือมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนให้เด็กเข้าไปเกี่ยวข้อง พ่อแม่ผู้ปกครองมีความผิดจำคุก 3 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวคือการสร้างการรับรู้ให้พ่อแม่ผู้ปกครองเข้าใจถึงข้อกฎหมายดังกล่าว และ 2.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ มีโรงเรียนอยู่ในสังกัด 3 หมื่นแห่ง เด็กนักเรียนที่อยู่ระหว่างชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา จำนวนกว่า 4 แสน ทุกคนรับทราบร่วมกันว่าขณะนี้ตำรวจและคุณครูเอาจริงในการตรวจสอบจากกรณีที่การพนันเข้าถึงได้ง่ายจากการใช้สมาร์ทโฟนแต่เด็กคิดว่าเล่นการพนันที่โรงเรียนไม่มีใครรู้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเครื่องมือในการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ในการตรวจสอบ

          อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ อธิบายเกี่ยวกับการตรวจสอบเว็บไซต์พนันบอลออนไลน์ ว่าเว็บไซต์บางเว็บไซต์มีแอดมินอยู่ต่างประเทศ บางประเทศเปิดให้มีการพนันบอลถูกต้องตามกฎหมาย อาทิ ประเทศ อังกฤษ มาเลเซีย สิงคโปร์ ถ้ากลุ่มนี้เป็นเว็บไซต์ตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์กูเกิลไม่ใช่ทุกเว็บผิดกฎหมายทั้งหมด แต่กรณีที่มีเว็บบางเว็บอยู่ต่างประเทศแต่เครือข่ายอยู่ในประเทศไทย เช่น "ฟีฟ่าโกลด์" เป็นเว็บที่ถูกต้องทางกฎหมาย แต่ “ฟีฟ่า 55” เป็นเครือข่ายของเขา ซึ่งได้จับกุมผู้จัดให้มีการเล่น 8 คน มีบัญชีสมาชิกเข้ามาใช้บริการทั้งหมด 914 บัญชี โดยบัญชีดังกล่าวจะถูกอายัดและเจ้าของบัญชีจะถูกออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาฐานเล่นการพนัน มีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำไม่รอลงอาญา กรณีตำรวจสามารถสืบค้นว่าเว็บแอดมินอยู่ที่ใดแล้วก็สามารถขออนุมัติหมายศาลทำการตรวจค้นได้ 

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

 

          “หากมีการตรวจสอบจริงๆ ก็มีประมาณหลายหมื่นเว็บไซต์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบอกทุกเว็บไซต์ผิดกฎหมายไม่ได้ แต่ต้องตรวจสอบให้ได้เว็บไซต์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ หรือแอดมินผู้ดูแลที่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ถึงจะเอากฎหมายไทยเข้าไปบังคับใช้ได้ ตอนนี้มีประมาณ 300 กว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง ขณะเดียวกันหากสถานบริการปล่อยปละละเลยให้มีการพนันฟุตบอลขึ้นมาโดยไม่รับผิดชอบ เห็นการเล่นพนันเจ้าของร้านไม่ว่ากล่าวตักเตือน หรือมีร่วมเล่นพนันบอลด้วย นอกจากถูกดำเนินคดีตามพ.ร.บ.การพนันแล้ว อาจจะต้องถูกสั่งปิดสถานบริการ 5 ปี ตามคำสั่งคสช.ที่ 46/2559” พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวย้ำ

          ทั้งนี้ตำรวจแจกแจงว่าสำหรับพริตตี้หรือเน็ตไอดอลต่างๆ สามารถวิพากษ์วิจารณ์การแข่งขันฟุตบอลได้ แต่ห้ามเชิญชวนให้มาเล่นพนัน หรือโฆษณาไม่ว่าจะเป็นทางตรงทางอ้อม ซึ่งขณะนี้มีการออกหมายเรียกพริตตี้และเน็ตไอดอลมารับทราบข้อกล่าวหาในความผิด พ.ร.บ.การพนัน มาตรา 12 แล้ว จำนวน 15 คน อาทิ น.ส.เจสซี่ วาร์ด น.ส.สายธาร หวังประเสริฐ หรือ น้องเนย ภรรยาเก่ง ลายพราง รวมอยู่ด้วย โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาที่สน.พญาไท ในวันที่ 20 มิถุนายน ขณะเดียวกันก็มีการคาดโทษตำรวจด้วยกันเอง ถ้าหากท้องที่ใดถูกนอกหน่วยมาจับกุมพนันบอลออนไลน์หรือโต๊ะพนันบอล เจ้าของท้องที่จะต้องถูกพิจารณาข้อบกพร่องตามคำสั่ง 234/2558 โดยจะสั่งย้าย 5 เสือออกนอกพื้นที่และถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้วย

          เช่นเดียวกับ กระทรวงมหาดไทย ก็มีการสั่งเข้มทุกจังหวัดกวดขันพนันฟุตบอลโลกที่อาจเกิดการเล่นการพนันการแข่งขันฟุตบอลเพิ่มมากขึ้น อันเป็นการกระทำความผิดฐานเล่นการพนัน ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตรา 4 ทวิ และตามมาตรา 12 (2) พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เด็ก เยาวชนและประชาชน ลุ่มหลงมัวเมาในการเล่นการพนัน ตลอดจนเป็นบ่อเกิดของปัญหาอาชญากรรม และปัญหาทางสังคมด้านอื่นๆ ตามมา จึงสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นำเรื่องการพนันฟุตบอลโลก 2018 เข้าที่ประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาการพนันฟุตบอลและการพนันฟุตบอลออนไลน์ให้ได้ผลอย่างจริงจังและต่อเนื่อง หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการโดยเฉียบขาด

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

 

          ขณะที่ กระทรวงวัฒนธรรม ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงขอความร่วมมือสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเล่นการพนันฟุตบอลออนไลน์ โดยเฉพาะเข้มงวดกวดขันดูแลร้านเกมพื้นที่ที่ดูแลให้ใบอนุญาต มีหนังสือแจ้งเตือนห้ามมิให้เล่นการพนันฟุตบอลออนไลน์โดยเด็ดขาด หากใครฝ่าฝืนลงโทษตามกฎหมาย โดยมอบให้สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมจัดทำเป็นยุทธศาสตร์หรือแผนปฏิบัติการแจ้งไปยังแต่ละจังหวัดใช้เป็นกรอบแนวทางร่วมกัน 

          นอกจากนี้สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันกับหลายหน่วยงานในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการพนันฟุตบอลออนไลน์ใน 4 มิติ ประกอบด้วย 1.มิติการสื่อสารและสร้างความตระหนักให้แก่สังคม ขอให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดใช้ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ของจังหวัดเป็นศูนย์กลางแจ้งแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ให้สังคมรับรู้ ทั้งมาตรการป้องกันและรับแจ้งเบาะแส ประสานงาน จัดกิจกรรมร่วมกับเด็กเยาวชนเพื่อให้เกิดกระแสต่อต้านการเล่นพนันฟุตบอลออนไลน์ 2.มิติการป้องกัน ให้แจ้งเตือนสถานประกอบการเข้มงวดดูแล และเชิญทุกหน่วยงานในจังหวัดมาหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางป้องกันให้เกิดเป็นรูปธรรมตามแต่บริบทสังคมนั้นๆ 3.มิติการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ พ.ศ.2551 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขอให้มีความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างใกล้ชิด ภายใต้คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จะมีองค์ประกอบของหน่วยงานที่เฝ้าระวังร่วมกำหนดมาตรการบังคับกฎหมาย และ 4.มิติการเยียวยาช่วยเหลือ ทางศูนย์ได้จัดทำอินโฟกราฟฟิกขึ้นมาแสดงให้เห็นวิธีการแจ้งหากพบหรือเหตุที่มีการพนันออนไลน์ รับเรื่อง ประสานส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

 

          ทั้งนี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ก็มีกลุ่มนักวิชาการได้วิจัยเกี่ยวกับการพนัน โดยเฉพาะเรื่องเด็กไทยกับการพนันฟุตบอลยูโร ซึ่งได้ผลศึกษาปัญหาดังกล่าวอย่างน่าขบคิด เนื่องจากผลการวิจัยได้ผลว่าการแก้ปัญหาการพนันบอลยูโรยังไม่สำเร็จ แถมมีกลุ่มวัยรุ่นเล่นหนักและมีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

          จากผลการสำรวจพฤติกรรมในครั้งนั้นพบว่าฟุตบอลเป็นที่นิยมของวัยรุ่น เกินครึ่งติดตามรับชมการถ่ายทอดสด โดยจากกลุ่มตัวอย่าง 66% รับรู้การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ห้ามเล่นการพนันจากโรงเรียน ครู ผู้ปกครองและสภาพแวดล้อม คนรอบข้างยังคงเล่นการพนันสูงถึง 57% และเมื่อย้อนดูผลสำรวจก่อนแข่งขัน กลุ่มตัวอย่างตั้งใจไว้ว่าจะเล่นพนันมีมากถึง 80% ที่เล่นพนันจริงๆ เมื่อเริ่มการแข่งขัน แต่ที่น่าห่วงคือกลุ่มตัวอย่างจากที่จะไม่เล่นแต่กลับหันมาเล่น 8% เนื่องจากสื่อมีอิทธิพลต่อการกระตุ้นและจูงใจให้เล่น โดยใช้เป็นข้อมูลประกอบในการเล่น 91.5% ตามช่องทางเฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ และเว็บพนันต่างๆ จึงน่าเป็นห่วงว่าฟุตบอลโลก 2018 จะเพิ่มยอดนักพนัน..!!

          จะเห็นว่าหลายหน่วยงานของภาครัฐต่างตบเท้างัดมาตรการป้องกันกวดขันจับกุมการเล่นพนันฟุตบอลโลก 2018 แบบเอาจริงเอาจัง บังคับใช้กฎหมายเฝ้าระวังติดตามทั้งแบบ “ออฟไลน์” และ “ออนไลน์” แม้ในความเป็นจริงแล้วจะทำให้สัมฤทธิ์ผลไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นการตื่นตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาจากบรรดา “ผีพนัน” อย่างน้อยก็เป็นการป้องปราม “นักเสี่ยงโชค” ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้ได้ตระหนักว่าเมื่อคิดจะเล่นการพนันก็ต้อง “เสี่ยงคุก”..!!

 

ภาครัฐจัดเต็มปราบพนันบอลโลก จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงคุก..!?

 

          ผลสำรวจคนไทยเล่นพนันบอลพุ่ง-เงินสะพัด!
          สำนักวิจัยซูเปอร์โพลล์ มูลนิธิ สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ผลประมาณการ จำนวนคนตั้งใจเล่นทายพนันบอลโลกและวงเงินสะพัด กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพจำนวนทั้งสิ้น 1,189 ตัวอย่าง โดยดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 1-8 มิถุนายน พบว่าส่วนใหญ่ 88.5% ตั้งใจจะติดตามการแข่งขันฟุตบอลโลก ขณะที่ 11.5% ไม่ติดตาม ซึ่งผลประมาณการจำนวนคนที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันบอลโลกครั้งนี้จะมีถึงมากกว่า 5 ล้านคน คือมีจำนวน 5,764,250 คน มีวงเงินเฉลี่ย 8,920 บาท และวงเงินคาดสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท คือมีจำนวน 51,417,111,829 บาท โดย 53.2% ของคนที่ตั้งใจจะเล่น ระบุจะเล่นผ่านทางเว็บไซต์ และ 46.8% เล่นผ่านทางแหล่งอื่นๆ ในย่าน ห้วยขวาง ลาดพร้าว ท่าน้ำนนท์ สะพานควาย ดินแดง อนุสาวรีย์ชัย พระราม 2 ทุ่งครุ บางแค ฝั่งธน พระประแดง เอกมัย ทองหล่อ ศรีราชา เยาวราช รัชดา รามคำแหง บางกะปิ คู้บอน คลองเตย หัวเมืองใหญ่ และ ชายแดน เป็นต้น ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ 61.2% เชื่อมั่นน้อย ถึงไม่เชื่อมั่นเลยต่อการปราบปรามโต๊ะพนันบอล ส่วนเชื่อมั่นปานกลาง 27.1% และเชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด 11.7%

          ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอกว่า จากการสำรวจสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทยปี 2560 โดยคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) พบว่าคนไทย 75.2% หรือเกือบ 40 ล้านคน เคยเล่นพนันซึ่งยังพบว่าการพนันออนไลน์ที่เด็กและวัยรุ่นนิยมเล่นสูงสุดคือ การทายผลฟุตบอลออนไลน์ โดยในรอบ 1 ปี ระหว่างปี 2558-2559 มีเว็บไซต์เล่นพนันออนไลน์มากถึง 213,000 เว็บไซต์ มีจำนวนผู้เล่นพนันฟุตบอลในประเทศไทยสูงถึงราว 2.5 ล้านคน มีเยาวชนอายุ 15-25 ปี กว่า 6 แสนคน มีนักพนันหน้าใหม่ที่เริ่มเล่นพนันครั้งแรกกว่า 1.1 แสนคน มีวงเงินหมุนเวียนในตลาดการพนันประเภทนี้สูงถึง 140,016 ล้านบาท และผลการสำรวจนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1-ม.3 ปี 2561 พบว่าเด็กจำนวน 91.8% รู้จักเล่นพนันจากคนในครอบครัว คนในชุมชน และญาติ โดยในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 4 บอกว่ารู้สึกอยากเล่นพนันเมื่อเห็นผู้ใหญ่เล่น

          สำหรับในโลกโซเชียลมีเดียพบว่ามีเด็ก 72.1% เคยพบเห็นโฆษณาเชิญชวนให้เล่นพนัน ในจำนวนนี้ 14.6% ตามไปเล่นพนันตามช่องทางที่เชิญชวน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เด็กมากถึง 51.8%  เคยเล่นการพนันโดยใช้เงินเดิมพัน ซึ่งการพนันที่ใช้เงินเดิมพันมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ พนันออนไลน์ พนันบอลกินเงิน และพนันกีฬาอื่นๆ

          นอกจากนี้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็มีการเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่าย ผลกระทบด้านธุรกิจและสังคมไทยในช่วงฟุตบอลโลก 2018 พบว่าจะมีเงินสะพัด 78,385 ล้าน เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับบอลยูโรเมื่อ 2 ปีก่อน โดยเป็นเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 19,389 ล้านบาท จากการซื้อสินค้าอุปโภค สังสรรค์ และการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่การใช้จ่ายนอกระบบเศรษฐกิจ หรือการพนัน จำนวน 58,995 ล้านบาท โดยมีเงินในการเล่นพนันฟุตบอลเฉลี่ยต่อนัดอยู่ที่ 2,065 บาท และเล่นโดยรวมตลอดการแข่งขัน 5,872 บาท
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ