"พรรครวมพลังประชาชาติไทย" เขาบอกว่าไม่ใช่พรรคของคุณสุเทพ ไม่ใช่พรรคของกปปส. แต่ก็ทำให้นึกถึง "พรรคมหาชน" บนสังเวียนเลือกตั้งปี 2547-2548 ขึ้นมา!
พลันที่มีข่าว “ลุงกำนัน” ตั้งพรรคการเมือง และมีชื่อ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” นักวิชาการระดับจอมยุทธ์ นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค
มิทันข้ามวัน “เอนก” อธิการบดีวิทยาลัยบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ชี้แจงข่าวดังกล่าวผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก “เอนก เหล่าธรรมทัศน์ AnekLaothamatas” พอสรุปได้ว่ายังไม่มีใครทาบทามเป็นหัวหน้าพรรค แต่ยืนยันว่าได้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้ก่อการ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” จริง
“พรรคนี้ยืนยันไม่ใช่พรรคของคุณสุเทพ ไม่ใช่พรรคของกปปส. พรรคนี้จะจดแจ้งชื่อต่อกกต.ในไม่กี่วันข้างหน้า จะมีชื่อผู้ก่อตั้งจำนวนหนึ่ง”
อาจารย์เอนก ยังอธิบายอีกหลายเรื่องที่ย้ำชัดว่าพรรคที่จะก่อเกิดใหม่ในสองสามวันนี้เป็น “พรรคมวลชน” ไม่ใช่พรรคนายทุน “เราจะไม่บุ่มบ่าม จะไม่สนใจแต่การเตรียมเลือกตั้ง หาโอกาสที่จะชนะ จะเข้าไปมีอำนาจ และเราจะไม่เน้นเพียงการสร้างกระแสที่มีแต่ความวูบวาบ เป็นเพียงประกายไฟแล้วก็ดับวูบ"
อ่านความคิดของเจ้าทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยอันโด่งดัง ทำให้นึกถึง “พรรคมหาชน” บนสังเวียนเลือกตั้งปี 2547-2548
เวลานั้น พรรคมหาชน ถูกวางโพสิชันนิ่งตั้งแต่แรกก่อตั้งว่าเป็นพรรคทางเลือกใหม่ของประชาชน หรือพรรคทางเลือกที่สาม ต่อจากพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นแกนนำในการจัดตั้ง
ว่ากันตามจริงกำเนิดพรรคมหาชนก็คงไม่ต่างจาก “พรรคการเมืองสองนครา” เพราะกลุ่มหนึ่งเป็นนักการเมืองอาชีพรุ่นเก่า อีกกลุ่มหนึ่งเป็นนักวิชาการ (ต้านระบอบทักษิณ) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง
จริงๆ แล้ว “เสธ.หนั่น” ได้รับความช่วยเหลือจากวัฒนา อัศวเหม เจ้าของพรรคราษฎร โดยนำเอาพรรคราษฎรมาเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคมหาชน ไม่ต้องเสียเวลาจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่
หลายคนจึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นภาพ “เสธ.หนั่น” ชนแก้วไวน์กับ วัฒนา อัศวเหม, พล.อ.สมบุญ ระหงษ์, มั่น พัธโนทัย ฯลฯ ในวันเปิดตัวพรรคมหาชน และสงสัยว่าเหตุไฉนปัญญาชนระดับเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ถึงได้ยอมมาเป็นหัวหน้าพรรค
เนื่องจากอาจารย์เอนกเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแลกเปลี่ยนแนวคิดการเมืองกับ “เสธ.หนั่น” อยู่บ่อยๆ จึงตัดสินใจลาออกจากพรรคมาพร้อมกัน ในระยะแรก พรรคมหาชนให้อาจารย์เอนกร่างนโยบายหลักพอสรุปได้ว่า รัฐสวัสดิการนิยม, ไม่ประชานิยม, ไม่รวมศูนย์อำนาจ และต้านคอร์รัปชั่น
ตลาดการเมือง พ.ศ.โน้น จึงมีพรรคการเมืองเสนอ “สินค้า” แตกต่างกัน พรรคประชาธิปัตย์ ขายเสรีนิยม, พรรคไทยรักไทย ขายประชานิยม และพรรคมหาชน ขายรัฐสวัสดิการนิยม
ระหว่างการหาเสียงพรรคมหาชนดูสับสนในเชิงกลยุทธ์ เพราะนักการเมืองเก่าก็บริหารจัดการแบบเดิมๆ แต่นักเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนซึ่งเป็นมิตรสหายของอาจารย์เอนก ก็เดินแนวทางมวลชนที่ไร้ประสบการณ์ในสนามเลือกตั้ง
สุดท้ายผลการเลือกตั้ง ส.ส.2548 พรรคมหาชนได้รับเลือกเพียง 2 ที่นั่ง และพรรคได้คะแนนเสียงระบบบัญชีรายชื่อไม่ถึง 5% ทำให้ทั้งอาจารย์เอนก และเสธ.หนั่น ไม่ได้เป็น ส.ส.
บทเรียนจากพรรคมหาชน ไม่รู้ว่าอาจารย์เอนกสรุปไว้อย่างไร? แต่ไม่ว่าบทเรียนของพรรคพลังธรรมยุคแรกๆ หรือพรรคเชิงอุดมการณ์ในประเทศไทยหลายพรรค มักจะไปไม่รอด เพราะจัดการให้ “การเมืองในความเป็นจริง” กับ “การเมืองในความฝัน” ไปด้วยกันไม่ได้
ถามอาจารย์เอนกกับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยรังสิตนั้น อยู่ในโลกความเป็นจริงหรือโลกความฝัน?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง