คอลัมนิสต์

 "เลือกตั้ง" น้องยิ่งเร่ง พี่ยิ่งเลื่อน 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 "เลือกตั้ง" น้องยิ่งเร่ง พี่ยิ่งเลื่อน  : คอลัมน์... ขยายปมร้อน  โดย... สำนักข่าวเนชั่น

 

          ผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับวันครบรอบ 4 ปี การปฏิวัติรัฐประหาร เข้ายึดอำนาจของคสช. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมีการชุมนุมของ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะเดินไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการเลือกตั้งตามกำหนดการเดิมคือในเดือนพฤศจิกายนนี้ ไม่ใช่กุมภาพันธ์ 2562 ตามที่นายกฯ ประกาศไว้ 

          โดยการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ที่ฝ่าฟันเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งตั้งด่านสกัดไม่ให้ออกมาจากหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเดินไปยังทำเนียบรัฐบาลได้ แต่ผู้ชุมนุมก็ใช้ยุทธวิธีกองทัพมด สามารถเล็ดลอดจนรวมกลุ่มเดินมาจนถึงตีนสะพานมัฆวานรังสรรค์  ห่างประตูทำเนียบแค่คืบ แม้สุดท้ายจะถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการดัน โอบล้อมผู้ชุมนุม และจับแกนนำ แต่เจ้าหน้าที่ก็ให้แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมได้อ่านแถลงการณ์จนจบก่อนที่จะถูกควบคุมตัวขึ้นรถไปดำเนินคดีในข้อหาขัดคำสั่งคสช. 3/58 ชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป 

          แม้แกนนำและผู้ชุมนุมจะยืนยันว่าใช้สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญก็ตาม หากมองในมุมที่เป็นเชิงสัญลักษณ์กลุ่มผู้ชุมนุมอาจจะประสบความสำเร็จที่ได้ทำกิจกรรมและแสดงสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนประชาธิปไตยด้วยสันติวิธี

          แต่หากมองกลับกันคนที่ได้ประโยชน์ในการชุมนุมครั้งนี้อาจจะเป็นรัฐบาล หรือคสช. มากกว่า

          เพราะถ้ามองย้อนกลับไปหลังจากที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งประกาศว่าในวันที่ 22 พฤษภาคม จะมีการชุมนุมและจะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เสียงจากคนจากฟากฝั่งของรัฐบาลต่างก็ออกมาระบุเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากให้มีการชุมนุมเพราะเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น 


          คนที่ดูจะเสียงดังที่สุดน่าจะเป็น “พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” รองผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ หากผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนออกจากมหาลัยธรรมศาสตร์จะบังคับใช้กฎหมายทันที โดยการจับกุมจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายและประกาศให้บริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นพื้นที่ควบคุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ หากมีการฝ่าฝืนเข้ามาจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ห้ามผู้ชุมนุมเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลในระยะ 50 เมตร 

          นอกจากนี้ยังระบุถึงเรื่องการข่าวที่ออกมาว่าจะมีมือที่สามที่จ้องจะสร้างสถานการณ์ในการชุมนุมครั้งนี้ มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เรียกว่า “แดงฮาร์ดคอร์” โดยมีข่าวว่ามีการนำอาวุธสงครามมาทิ้งที่ จ.นนทบุรีและมีข่าวออกมาอีกว่ามีการจ้างฮาร์ดคอร์เสื้อแดงจาก จ.สมุทรปราการ มาในการชุมนุมอีกหัวละพันบาท  โดยการใช้กำลังตำรวจมากในการดูแลการชุมนุมครั้งนี้น่าจะร่วมๆ พันนาย ทั้งที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และโดยรอบทำเนียบรัฐบาล 

          “พล.ต.อ.ศรีวราห์” ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายไม่มีอาวุธใดๆ แม้แต่กระบองหรือโล่  พร้อมทั้งระบุว่าการใช้กำลังขนาดนี้ไม่โอเวอร์เกินไป

          อย่างไรก็ตามการข่าวระบุว่าผู้ชุมนุมจะไม่มากและก็เป็นจริงตามนั้น ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ค่อนข้างมีอายุและเป็นผู้หญิงเยอะ  แต่ก็ไม่ปรากฏภาพของกลุ่มฮาร์ดคอร์ตามที่เจ้าหน้าที่ออกมาระบุแต่อย่างใด 

          ถามว่าทำไมแทบทุกครั้งเจ้าหน้าที่ต้องระบุการข่าวเรื่องมือที่สาม หรือกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่จ้องจะป่วนหรือสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในการชุมนุมแต่ละครั้ง ต้องไม่ลืมว่าปัจจัยที่ผู้มีอำนาจหรือคสช.ใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจตั้งแต่แรกและได้บริหารบ้านเมืองจนมาถึงขณะนี้ คือเรื่องของความสงบสุขของบ้านมืองเรื่องความขัดแย้งในสังคม และตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ก็พูดเสมอๆ ว่า “หากบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อยก็ยังไม่ต้องเลือกตั้ง บ้านเมืองต้องสงบก่อน”    

          การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นการชุมนุมโดยสงบเรียบร้อย เป็นการชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ และสุดท้ายแกนนำทั้งหมดก็ถูกควบคุมตัวดำเนินคดีกันทุกคน แต่หากว่าด้วยเรื่องของประเด็นความไม่สงบนี้เองรัฐบาลและคสช. หรือผู้มีอำนาจ ก็จะสามารถนำเรื่องนี้ไปใช้หรือเป็นมูลเหตุข้ออ้างได้ว่าประเทศชาติบ้านเมืองในขณะนี้ยังไม่มีความสงบเรียบร้อย ยังมีการชุมนุม ฝ่าฝืนกฎหมายอยู่ 

          ซึ่งหลายคนจอาจจะบอกว่ามองในแง่ร้ายเกินไปหรือไม่ แต่ต้องอย่าลืมว่าทุกปัจจัยล้วนแล้วแต่มีผลต่อการอยู่ในอำนาจต่อของรัฐบาลและคสช.ทั้งสิ้น แม้ว่าเรื่องของกฎหมายต่างๆ จะเดินไปตามโรดแม็พและตอนนี้ยังไม่มีปัญหาติดขัดอะไร แต่เรื่องของความไม่สงบถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง 

          โดยหากดูแล้วการชุมนุมของคนอยากเลือกตั้งครั้งนี้ที่เป้าหมาย คือการเรียกร้องให้การเลือกตั้งเกิดเร็วขึ้นจะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนไปอีกหรือไม่ 

          ต้องไม่ลืมว่าคสช.เข้ามาเพราะเหตุผลอะไร เพราะเกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองจึงเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาจัดการปัญหาให้บ้านเมืองสงบไม่มีความขัดแย้ง 

          แต่ถามว่าเอาจริงๆ หากมีความขัดแย้งหรือความไม่สงบ ใครใช้ความขัดแย้งเป็นเครื่องได้ดีที่สุด ใครเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งมากที่สุด  คำตอบก็คงเห็นๆ กันอยู่
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ