วันนี้!! ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยร่างกฎหมาย ส.ว. แนวทางคำตัดสินมีทางไหนบ้าง?? แต่ละทางจะส่งผลต่อโรดแม็พเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไร??
วันนี้ที่แล้วศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยร่างกฎหมาย ส.ว. หรือ ชื่อเต็มๆว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะเป็นอีกจุดที่ถูกจับตาว่าจะส่งผลต่อโรดแม็พการเลือกตั้งหรือไม่
ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเริ่มต้นนับเวลา 150 วันไปสู่การเลือกตั้ง เริ่มเมื่อวันที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับบังคับใช้ คือ กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส., กฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว.,กฎหมาย กกต. และ กฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งตอนนี้ 2 ฉบับหลังประกาศใช้แล้ว ส่วน 2 ฉบับแรก ถูกส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
นั่นหมายความว่า นอกจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้แล้วที่อาจส่งผลกระทบต่อโรดแม็พเลือกตั้ง เมื่อถึงวันที่ศาลต้องวินิจฉัยร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกัน
ถ้าจำกันได้ ตอนแรก สนช.จะไม่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีประเด็นขัดรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากว่าอาจจะมีปัญหาตามมาภายหลัง สุดท้าย สนช.จึงส่งเรื่องไป ซึ่งกรณีของร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่ส่งไปทีหลังก็เช่นกัน
กลับมาดูที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้
กรณีนี้ สนช.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา นั่นคือศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการทำคำวินิจฉัย
ประเด็นที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่อยู่ในส่วนของบทเฉพาะกาลที่กำหนดเกี่ยวกับ “การได้มาของ ส.ว.ชุดแรก” ในส่วน 50 คนที่ให้มาจากกระบวนการเลือกตามสูตรที่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำหนดไว้
จากเดิมที่ กรธ.กำหนดให้มาจากการเลือกกันเองของ 20 กลุ่มอาชีพ โดยแต่ละคนที่มีคุณสมบัติสามารถสมัครได้โดยอิสระด้วยตัวเอง ได้มีการแก้ไขเป็น 10 กลุ่มอาชีพ และเพิ่มช่องทางการเข้ามาอีก 1 ทาง คือ ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรนิติบุคล
เหตุผลของฝ่ายที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ คือ การลดจำนวนกลุ่มและเพิ่มช่องทางในการสมัครเป็นการรอนสิทธิของผู้สมัคร ส.ว. ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ที่เขียนเปิดกว้างไว้
อย่างไรก็ตาม ในมุมของฝ่ายที่เห็นว่าไม่ขัด มองว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ที่เขียนเรื่ององค์ประกอบของและที่มาของ ส.ว.ไว้นั้น เป็นการเขียนกรอบกว้างๆ ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องที่สามารถกำหนดได้ในกฎหมายลูก โดยการลดจำนวนกลุ่มเหลือ 10 กลุ่ม ก็ไม่ใช่การตัดออกไปเลย แต่เป็นการเอากลุ่มที่ใกล้เคียงกันมาอยู่ด้วยกัน ส่วนการเพิ่มช่องทางให้มาจากการเสนอของนิติบุคคลก็ไม่ใช่รอนสิทธิในการสมัครอิสระ และไม่ได้มีการกำหนดจำนวนไว้ว่าแต่ละช่องทางต้องมีเท่าไร
นั่นเป็นเหตุผลของทั้งสองฝ่ายโดยสรุป แต่ถ้าถามเหตุผลลึกๆจริงๆว่า ทำไม สนช.ต้องแก้ไขที่มาในส่วนของ 50 สว.ชุดแรก ก็ต้องบอกว่า เพราะไม่มั่นใจ “ที่มา” ตามแบบของ กรธ. ว่าจะสนับสนุน “การปฏิรูปประเทศ” ตามแบบของฝ่าย คสช.ได้ จึงต้องปฏิบัติการ “ล็อคซ้อนล็อค” กันอีกครั้ง
(อ่านต่อ...อภินิหารกฎหมาย !! "ล็อคซ้อนล็อค" เพื่อไม่ให้เสียของ)
ทั้งนี้ในบทถาวรของรัฐธรรมนูญ ให้ ส.ว.มี 200 คน มาจากกระบวนการเลือกกันเองตามสูตรที่ กรธ.ชุด “มีชัย ฤชุพันธุ์” กำหนด แต่ในบทเฉพาะกาลกำหนดให้มี ส.ว.ชุดแรก 250 คน มีที่มา 2 ทาง คือ คสช.เลือก 200 คน และอีก 50 คนมาตามสูตรของ กรธ.
ซึ่ง 250 คน เป็นตัวเลขที่มีนัยทางการเมือง เพราะเป็นครึ่งหนึ่งของ ส.ส. ซึ่ง ส.ว.ชุดแรกจะมาร่วมโหวตนายกฯในสภาด้วย
ทีนี้มาดูกันว่าแนวทางการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ว่าจะออกทางไหนได้บ้าง และแต่ละทางจะส่งผลต่อโรดแม็พเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไร
ทางแรก ศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ และเห็นว่าประเด็นที่ขัดรัฐธรรมนูญเป็นสาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้ และวินิจฉัยให้ร่างกฎหมาย ส.ว.ตกไปทั้งฉบับ
หากเป็นทางนี้ บอกได้เลยว่ากระทบโรดแม็พเลือกตั้งแน่นอน เพราะต้องไปเริ่มต้นยกร่างกฎหมายนี้ขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ขั้นตอนของ กรธ.ไปจนถึง สนช. ซึ่งถ้าใช้บรรทัดฐานเดิมในการจัดทำ รวมเบ็ดเสร็จนานที่สุดก็เป็นปี คือขั้นตอน กรธ. 8 เดือน สนช. 2 เดือน บวกขั้นตอนหากมีการตั้ง กมธ.ร่วม และส่งศาลรัฐธรรมนูญ (อีก)
นี่ยังไม่คิดในทางร้ายสุดๆว่า หากมีการวนลูปเดิมอีก
ทางที่สอง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่เห็นว่าประเด็นที่ขัดไม่เป็นสาระสำคัญของร่างกฎหมาย และสั่งให้ตกไปเฉพาะประเด็นที่ขัด
หากเป็นแบบนี้อาจจะง่ายกว่าทางแรก เพราะไม่ต้องยกร่างใหม่ทั้งฉบับ แค่ไปปรับแก้ตัดส่วนที่ขัดออก แต่ก็จะมีปัญหาว่า “ใคร” จะเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ เพราะในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้
“สมชาย แสวงการ” สนช.ซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมาย ส.ว. ให้ความเห็นว่า แม้ไม่มีกำหนดไว้ แต่ก็น่าจะเป็นหน้าที่ของ สนช. ซึ่งเทียบเคียงได้กับกรณีที่ต้องแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเมื่อตอนคำถามพ่วงผ่านประชามติ ตอนนั้นก็ไม่ได้เขียนกำหนดไว้ชัดๆ แต่สุดท้ายก็เป็น กรธ.ไปดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมองให้มีปัญหา ปมนี้ก็อาจจะทำให้ระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขร่างกฎหมายเนิ่นช้าออกไปจนกระทบกับโรดแม็พเลือกตั้งได้
แนวทางที่สาม คือ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีก็ไม่เกิดปัญหาอะไร
แต่ย้ำอีกครั้ง อย่าลืมว่าอีกปมใหญ่ที่อาจจะกระเทือน คือ ร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ยังอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน
ฉะนั้นแม้ปมกฎหมาย ส.ว.จะผ่านไป ก็ใช้ว่าโรดแม็พเลือกตั้งจะราบรื่น ยังมีปมกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และ “ปมอื่นๆ” อีกมากมายรออยู่...
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นว่าร่างกฎหมาย ส.ว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ (คลิกอ่านต่อ)
=================
เรื่องโดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง