คอลัมนิสต์

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"และรอยยิ้มจาก "พรีเซ็นเตอร์"! : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน

 

          เมื่อช่องทางทำการค้าขายเปิดกว้างสู่โลกออนไลน์ ก็เป็นโอกาสให้ใครต่อใครแจ้งเกิดเป็นเถ้าแก่ภายในระยะเวลาอันสั้น

          ที่เห็นทั่วไปตอนนี้ คือ บรรดาผู้ค้าหัวใสที่่กล้าทุ่มทุนสร้าง จะใช้วิธีจ้างดาราเพื่อรีวิวสินค้าของตน

          ถ้าจะพูดถึงหลักการโฆษณา การใช้คนดังมาช่วยสร้างแบรนด์ ถือเป็นเรื่องปกติที่ภาษาการตลาดเรียกว่า Celebrity Marketing หมายรวมทั้งดาราและเหล่าคนดัง เช่น นักกีฬา นักธุรกิจ หรือคนในสังคมชั้นสูง ฯลฯ

          เป้าหมายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตราสินค้า (Believe) และเมื่อเชื่อแล้วก็เกิดความไว้วางใจ (Trust) ว่าสินค้านั้นดีจริง ถึงขนาดที่ดาราคนดังยังออกมาการันตี

          ที่สุดก็นำไปสู่การยอมรับที่จะทดลองใช้ หรือควักเงินจ่ายเพื่อสินค้านั้นๆ

          แต่เดี๋ยวก่อน สิ่งนี้ไม่น่าจะรวมไปถึงสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานถูกต้อง แบบข่าวที่กำลังร้อนๆ อยู่ตอนนี้ อย่างบรรดาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้ เครือ บริษัท เมจิกสกิน จำกัด

          ที่เพิ่งโดนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจค้นโรงงานย่านปทุมธานี ที่มีทั้งการผลิตเครื่องสำอาง และอาหารเสริม และควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องไว้ 6 ราย หลบหนีไปอีก 2 ราย

          จนพบว่าสินค้าเข้าข่ายใช้เครื่องหมายอาหารและยา หรือ อย.ปลอม ติดเครื่องหมายการค้าผิดประเภท และผลิตอาหารเสริมไม่ได้คุณภาพ ค้ากำไรเกินควร!

 

 

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

 

          จริงๆ คดีนี้อาจจะไม่กระหึ่มทั้งแผ่นดินขนาดนี้ ถ้าไม่เพราะแบรนด์นี้ “ใจถึง” ดึงดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้จำนวนมาก !!

          โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในขั้นเรียกตัวกลุ่มคนดังเหล่านี้มาสอบปากคำ ซึ่ง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ระบุว่า หากดารามีพฤติการณ์เข้าข่ายก็จะต้องถูกดำเนินคดีไปด้วย โดยเบื้องต้นจำนวน 56 คน

          เช่นเดียวกับ เภสัชกร สมชาย ปรีชาทวีกิจ รองเลขาธิการ อย. เปิดเผยว่าการที่ศิลปินดารารับรีวิวสินค้า แม้จะอ้างว่าไม่ทราบว่ามีเลข อย.หรือไม่ หรือเลข อย.ถูกต้องหรือไม่ ก็อาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาเครื่องสำอาง มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ถึงตรงนี้ หลายคนอาจนึกถึงข่าวใหญ่ช่วงปีก่อน กับกรณีที่ดารา คนดังโพสต์ภาพของตนเองกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่โซเชียลมีเดียส่วนตัว จนเกิดเป็นประเด็นทางกฎหมาย

          เวลานั้นนอกจากตั้งข้อสังเกตว่า ทางเครื่องดื่มดังกล่าวได้มีการว่าจ้างให้ลงโปรโมทสินค้าหรือไม่ แต่ที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ได้ตั้งข้อกล่าวหาฐานโฆษณาหรือร่วมกันโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยทางตรงหรือทางอ้อม

          เวลานั้น มีศิลปินดารา นักแสดง ดีเจ และคนดังรวม 24 คน ที่ต้องมีความผิด และหลายคนก็เจอพนักงานสอบสวนนำตัวส่งเปรียบเทียบปรับกันไป รายละ 5 หมื่นบาท สำหรับความผิดครั้งแรก !

          วกกลับมาที่ข่าวคราวของสินค้าในเครือของ เมจิกสกิน ถามว่า มีความเหมือนต่างอย่างไร

          สรุปแม้จะเป็นสินค้าคนละชนิด แต่ทั้งสองชนิดต่างมีกฎ ข้อห้ามทางกฎหมายทั้งคู่ กล่าวคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือว่าเป็นสินค้าในวงจรของธุรกิจสีเทา ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมมากมาย ทั้ง อุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท ฯลฯ ดังนั้น จึงมีการห้ามโฆษณา ที่เรียกว่าเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมเลียนแบบ และนำไปสู่การเริ่มอยากทดลองดื่มเร็วขึ้น

 

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

 

          ส่วนแบรนด์สินค้าในลักษณะของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาหารเสริม ก็คือผลิตภัณฑ์ที่นำมาสัมผัสกับร่างกายโดยตรง และรับประทานเข้าสู่ร่างกายโดยตรง หากมีข้อผิดพลาดย่อมส่งผลต่อร่างกายของผู้บริโภคได้ จึงมีข้อกำหนดที่ทาง อย.จะต้องเข้ามาดูแล

          แต่ปัญหาวันนี้คือ มีอย.บนฉลากอย่างเดียวไม่พอ ต้องไม่ใช่ อย. “เก๊” ด้วย

          ว่าแล้ว ลองรวบรวมความเห็นที่ให้ต่อสื่อมวลชน จากปากของบรรดาดาราที่มีชื่อในข่าว พบว่าส่วนใหญ่แร็พตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า ไม่เกี่ยว แต่เป็นการรับงานมาเท่านั้น  และทุกคนเชื่อว่าได้รับ อย.ถูกต้อง เช่น

          “สายป่าน” อภิญญา สกุลเจริญสุข ที่ระบุว่า ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ทราบเพียงแค่ว่ามีการสวม อย. และได้ทราบหลังจากที่ได้รีวิวไปแล้ว แต่ก็ได้ลบคลิปการรีวิวสินค้านี้ออกไปแล้ว

          “โดยปกติทั่วไปการไปซื้อเครื่องสำอางหรือการไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นครีมบำรุงที่ขายตามท้องตลาด คือเราเห็น อย. เราก็คิดว่าปลอดภัยสำหรับเราแล้ว สำหรับผู้บริโภค ป่านเลยไม่ได้ตรวจสอบตรงนี้”

          “ดีเจเพชรจ้า” วิเชียร กุศลมโนมัย ระบุว่า ก่อนจะรีวิวก็ถามย้ำกับผู้จัดการแล้วว่ามี อย.หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบยืนยันว่ามี จึงตัดสินใจรับถ่ายภาพคู่กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไป 1 รูป (สัมภาษณ์รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV)

 

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

 

 

          ด้าน “แพท" ณปภา ตันตระกูล ระบุว่า ได้พูดคุยกับเจ้าของบริษัท แจ้งแค่ว่าในผลิตภัณฑ์ที่ตนรีวิว น่าจะไม่ผิดกฎหมายเพราะมีการขออนุญาตจาก อย. อย่างถูกต้อง แต่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง หรือเป็นหุ้นส่วนใดๆ ทั้งสิ้น และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกให้ไปสอบปากคำ ก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ (สัมภาษณ์รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV)

          ด้าน “ปันปัน” สุทัตตา อุดมศิลป์ กล่าวว่า เขาติดต่อมาทางผู้จัดการให้เราลงรูปและรีวิวปกติ คือเรารับงานแล้วก็ถ่ายรูปปกติเลย สัญญาที่บอกคือ 15 วันลงครั้งแค่นั้น

          “ก็เห็นกล่อง อย. เห็นหมายเลขข้างหลัง ด้วยความที่เราเป็นผู้บริโภคปกติ เราไม่ได้มีความรู้ว่า เลข อย. อันนี้ถูกต้องหรือเปล่า”

          แถมล่าสุดวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ทาง อย.ยังได้ส่งรายชื่อดารา-นักแสดง จำนวน 7 คน ที่พบว่าเข้าข่ายมีพฤติการณ์เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเมจิกสกิน คือ “ลีเดีย” ศรัณย์รัชต์ ดีน, “แพตตี้” อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา, “มาร์ช” จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล, “ไอซ์” อภิษฎา เครือคงคา, “วุ้นเส้น” วิริฒิพา ภักดีประสงค์, พุฒิชัย เกษตรสิน, “ม้า” อรนภา กฤษฎี

          ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า พวกเขาจะว่าอย่างไร แต่เบื้องต้นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 8 คน ถูกจับกุมได้แล้ว 6 คน เหลืออีก 2 คือ น.ส.ธนัญพรรธน์ บุญโญสิทธิ์ และ น.ส.มธุรส แดงสัมฤทธิ์ อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยประมาณการความเสียหายครั้งนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท

 

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

 

 

          นอกจากผู้ผลิตแล้ว ผู้ขายสินค้าของบริษัท เมจิกสกิน ก็มีความผิด เพราะจำหน่ายสินค้าปลอม มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท จำคุก 6 เดือน-10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ส่วนพรีเซ็นเตอร์ ดารานักแสดง ที่รับรีวิวสินค้าก็อาจจะไม่รอด หากพบว่าเข้าข่ายโฆษณาสินค้าอวดอ้างสรรพคุณ ถือว่าผิดกฎหมาย ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี

          อย่างไรก็ดี ยังมีสิ่งที่ต้องคิดอย่างหนักว่า เมื่อดาราต่างพาเหรดกันออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้อง และยอมว่าตนผิดพลาดที่หลงเชื่อฉลากติด อย.ปลอม ถามว่า เวลานี้ชาวบ้านร้านตลาดอย่างเราจะเชื่อใครดี

          เพราะมุมหนึ่ง แม้จะน่าเห็นใจเพราะพวกเขาก็เหมือนเป็น “เหยื่อ” ที่ไปหลงเชื่อว่าได้รับ อย.ถูกต้องแล้วเช่นกัน แต่ในฐานะความเป็นคนดังที่สามารถชี้นำสังคมได้ จักต้องตรวจสอบสูงกว่าปกติ โดยรายงานข่าวระบุว่าหนึ่งในผู้ต้องหา ยอมรับว่า มีการว่าจ้างในราคาตั้งแต่ 10,000-50,000 บาท!!

          ซึ่งแม้ว่าผู้บริโภคเองอย่างเราๆ ถึงจะแอบเชื่อลึกๆ ว่าดาราเหล่านี้ก็อาจไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จริงในชีวิตประจำวัน แต่การรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ก็เหมือนออกมาการันตีคุณภาพในระดับหนึ่ง

          ดังนั้น แม้ว่าโดยเบื้องต้นในเรื่องสารประกอบต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ในเครือเมจิกสกิน เรายังต้องรอคำตอบจาก “กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์” ที่กำลังตรวจสอบหาสารอันตราย หลังจากที่ทาง อย. ได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปแล้วนั้น

 

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

 

 

          แต่เมื่อเรารู้กันแล้วว่า “ดารา” ก็ไม่ใช่ “หมอ” ที่ไหน เพื่อความไม่ประมาทกับสินค้าตัวอื่นที่กำลังใช้อยู่ เบื้องต้นง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว เช็กเลข อย. ไปได้ที่ สองเว็บไซต์นี้ 
          คือ http://164.115.28.123/FDA_SEARCH_ALL/MAIN/SEARCH_CENTER_MAIN.aspx หรือ           http://porta.fda.moph.go.th/FDA_SEARCH_ALL/MAIN/SEARCH_CENTER_MAIN.aspx

          ส่วนถ้าไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยี ก็ยกหูโทรสอบถามกันไปเลยที่สายด่วน 1556 จะได้ไม่โป๊ะแตกภายหลังว่าหลงใช้ของปลอมมาตั้งนาน !

 

บทเรียนเมจิกสกินอย่าเชื่อแค่ "ฉลาก"-รอยยิ้มจาก"พรีเซ็นเตอร์"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ