คอลัมนิสต์

เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดคำพิพากษา 87 หน้า ศาลจังหวัดกระบี่พิพากษาประหารชีวิต"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ ครอบครัว"ผู้ใหญ่บัติ" ระบุ โหดเหี้ยม อำมหิตผิดวิสัยมนุษย์ไม่ลดโทษให้

          เปิดคำพิพากษา 87 หน้า ศาลจังหวัดกระบี่ สั่งประหารชีวิต "บังฟัต-นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล" กับพวก ฆ่ายกครัว 8 ศพนายวรยุทธ สังหลัง หรือ "ผู้ใหญ่บัติ" พร้อมทั้งภรรยา-ลูก และครอบครัวน้องภรรยา เมื่อวันที่ 10 ก.ค.60 ที่บ้านพักของผู้ใหญ่บัติ เลขที่ 14/3 ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

          โดยคดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายซูริก์ฟัตหรือฟัตหรือโทริ บ้านนบวงศ์สกุล , นายคมสรรค์หรือมล หรือม่อน เวียงนนท์ , นายอับดุลเลาะหรือเลาะ ดอเลาะ , นายอรุณหรือกี หรือบังกี ทองคำ , นายประจักษ์หรือจัก บุญทอย , นายธนชัยหรือโกบ หรือบังโกบ จำนอง , นายธวัฒชัยหรือชล หรือชัย บุญคง และ น.ส.ชลิดาหรือดา หรือเจี๊ยบ สังขโชติ เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นฯ , ร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันรับของโจร และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ ตามความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490  

          โดยมีนายสนาน สังหลัง , นางห้าแกฉะ บุตรหลี , นายจรีย์ บุตรเติบ , นางอุไร พัฒแก้ว และเด็กหญิง 1 คน ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต และเด็กหญิงอีก 2 คนกับน.ส.อัญชลี บุตรเติบ ซึ่งรอดชีวิตแต่ได้รับบาดเจ็บ ร่วมยื่นคำร้องขอให้จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันชดใช้เงินรวม 12,105,626 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ยื่นคำร้อง เดือน ก.ค.และเดือน พ.ย.60 จนกว่าจะชำระเสร็จด้วย

           เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

                                                          หนึ่งในผู้รอดชีวิต

          # จำเลยแต่ละคนยอมรับหรือสู้คดีว่าอย่างไร ?

          ขณะที่ "บังฟัต" จำเลยที่ 1 รับสารภาพในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ , ซ่องโจร ,สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯที่สาธารณะ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่ได้เพื่อจะเอาทรัพย์สินและไม่ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์

          "นายคมสรรค์หรือมล" จำเลยที่ 2 รับสารภาพในข้อหาซ่องโจร , สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ โดยปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่ได้เพื่อจะเอาทรัพย์สิน และไม่ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์

            "นายอับดุลเลาะหรือเลาะ" จำเลยที่ 3 รับสารภาพข้อหา สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ และร่วมมีอาวุธปืนของอื่นไว้ในครอบครอง , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ

              เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

                                                          บรรยากาศวันฟังคำพิพากษา

            "นายอรุณหรือกี หรือบังกี"จำเลยที่ 4 รับสารภาพข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ , ซ่องโจร , ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ และร่วมมีอาวุธปืนของอื่นไว้ในครอบครอง , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำไปเพื่อจะเอาทรัพย์สินและไม่ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์

           "นายประจักษ์หรือจัก" จำเลยที่ 5 และ "นายธนชัยหรือบังโกบ" จำเลยที่ 6 รับสารภาพในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ,ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ , สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ และร่วมมีอาวุธปืนของอื่นไว้ในครอบครอง , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำไปเพื่อจะเอาทรัพย์สิน และข้อหาซ่องโจร , ร่วมกันปล้นทรัพย์

            "นายธวัฒชัยหรือชล" จำเลยที่ 7 รับสารภาพในข้อหาร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ และร่วมมีอาวุธปืนของอื่นไว้ในครอบครอง ,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ

           "น.ส.ชลิดาหรือดา" จำเลยที่ 8 ให้การปฏิเสธ

เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

                                            บรรยากาศคนมาฟังคำพิพากษา

            #เรื่องหนี้สินปมขัดแย้ง

            โดยศาลจังหวัดกระบี่ พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และญาติผู้เสียชีวิตที่ยื่นคำร้องขอชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง นำสืบแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนถึงสาเหตุคดีนี้พบว่า "บังฟัต" จำเลยที่ 1 มีปัญหาเรื่องหนี้สินกับ "ผู้ใหญ่บัติ" ผู้ตายที่ 1 ที่ขอยืมเงินเมื่อปี 2553 โดย "ผู้ใหญ่บัติ" นำที่ดินของพ่อตาเป็นประกัน ต่อมาปี 2559 "ผู้ใหญ่บัติ" ก็ได้ชำระหนี้ให้ครบถ้วนแต่เมื่อต้องการโอนขายที่ดิน  "บังฟัต" จำเลยที่ 1 ไม่โอนที่คืนและอ้างว่า "ผู้ใหญ่บัติ" ยังชำระหนี้ไม่ครบ และถึงแม้ว่าชำระครบแล้วก็ไม่สามารถโอนคืนให้ได้เพราะ"บังฟัต" จำเลยที่ 1 นำที่ดินนั้นไปจำนองกับธนาคาร ซึ่งทำให้เกิดความโกรธแค้นและขู่ฆ่ากัน

              ขณะที่ทางสืบสวนยังพบข้อมูลการใช้มือถือ ที่เห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างจำเลยจนน่าสงสัยจึงเชื่อว่าจะเป็นคนร้าย โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจควบคุมตัวจำเลยมาสอบปากคำก็รับสารภาพ และตำรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้หลายรายการที่สามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ว่า จากเหตุความขัดแย้งเรื่องหนี้สิน "บังฟัต" จำเลยที่ 1 คิดวางแผนจะอุ้ม"ผู้ใหญ่บัติ" มาจัดการเรื่องหนี้สินครั้งแรกในช่วงปลายปี 2559 ด้วยการวางแผนจะเป็นทหารมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากการขุดสระขวางทางน้ำของ "ผู้ใหญ่บัติ" ที่มีชาวบ้านร้องเรียนแต่ขณะนั้นไม่สบโอกาสจึงล้มเลิกแผนการ  

         เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

                                            นายตำรวจระดับสูงลงมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง

            #วางแผนแต่งกายเลียนแบบทหารออกปฏิบัติการ

             กระทั่งคิดวางแผนใหม่อีกครั้งโดยทยอยชักชวนพวกจำเลยมาร่วมกันวางแผน ที่บ้านของ"บังฟัต" จำเลยที่ 1 โดยจะอุปโลกน์ว่าทุกคนเป็นทหารออกปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดและจะแต่งกายเลียนแบบให้สมจริงด้วย

              กระทั่งถึงวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1-7 จึงไปที่บ้านพัก"ผู้ใหญ่บัติ" ที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยพวกจำเลยถืออาวุธปืนแบบทหาร กำหนดยศเรียกขานทางทหาร ซึ่งระหว่างปฏิบัติการ"บังฟัต" จำเลยที่ 1สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า โดยเข้าไปในบ้านกับพวกอีก 2 คน ส่วนพวกที่เหลืออีก 4 คนคอยคุมเชิงอยู่นอกบ้าน

             กระทั่ง "บังฟัต" จำเลยที่ 1 กับพวกลงมือยิงครอบครัว"ผู้ใหญ่บัติ" เสียชีวิต 8 คน และบาดเจ็บ 3 คน แล้วหลบหนีไป โดย "บังฟัต" จำเลยที่ 1 ขับรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีเทาดำของกลุ่มผู้ตายไป

            ส่วน "จำเลย ที่ 1-8" ไม่สืบพยาน

           เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

           # ศาลเห็นว่าอย่างไร ?

             "ศาลจังหวัดกระบี่" พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้ว รับฟังได้ว่า "บังฟัต" จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2-7 ไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนมาก่อน คดีจึงมีประเด็นวินิจฉัยเป็นลำดับ ดังนี้ว่า

              1.ที่จำเลยให้การรับสารภาพ ในข้อหาซ่องโจร , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันบุกรุก , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ , ร่วมกันมีอาวุธปืนฯ , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ ซึ่งความผิดฐานดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำไว้ว่าให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1-7 ให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาโทษจำเลยเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรก

               #ผิดข้อหาซ่องโจร

              ส่วนที่จำเลยที่ 3 , 5 , 6 , 8 ให้การปฏิเสธข้อหาซ่องโจรนั้น ศาลเห็นว่า โจทก์มีพยานหญิงสาวซึ่งบ้านอยู่ใกล้กับบ้านเกิดเหตุ เบิกความว่า เคยเห็นจำเลยที่ 1,2,4,6,8 มาที่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็เป็นพยานเบิกความว่า จำเลยที่ 8 กับพวกแต่งชุดลายพรางทหารอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มาติดต่อขอลงพื้นที่ และยังมีตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เบิกความถึงการเก็บวัตถุพยานหลายรายการด้วย ซึ่งมีดีเอ็นเอตรงกับจำเลยที่ 3 , 7

             ประกอบกับพนักงานสอบสวนที่สอบปากคำจำเลย ต่างเบิกความว่า จำเลยให้การทำนองเดียวกันว่า "บังฟัต" จำเลยที่ 1 นัดพวกจำเลยคุยเรื่องทวงหนี้และวางแผนให้แต่งกายชุดทหาร ซึ่งแม้ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยัน แต่พยานเหล่านี้ที่เป็นพยานแวดล้อมต่างเบิกความในส่วนที่เกี่ยวข้องรู้เห็น ซึ่งสอดคล้องเชื่อมโยงกันเป็นลำดับขั้นตอนสมเหตุสมผล ซึ่งชั้นสอบปากคำของพนักงานสอบสวนจำเลยก็รับสารภาพ ดังนั้นหากทั้งสี่ไม่ให้การไว้ก็ไม่มีเหตุผลที่พนักงานสอบสวนจะบันทึกข้อความโดยพลการที่จะกลายเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และชั้นพิจารณาทั้งสี่ก็ไม่ได้นำสืบพยานต่อสู้

           พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้องสงสัยว่า จำเลยที่ 3 , 5 , 6 , 8 ร่วมทำผิดกับจำเลยที่ 1,2,4 ในข้อหาซ่องโจร ส่วน"นายธวัฒชัยหรือชล" จำเลยที่ 7 แม้จะมีผลดีเอ็นเอว่าตรงกัน แต่การพบสารนั้นจำเลยที่ 7 อาจเข้าไปเกี่ยวข้องระยะเวลาอื่นก็เป็นไปได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนี้ให้จำเลยที่ 7

      เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

            # ผิดข่มขืนใจ-กักขังหน่วงเหนี่ยว

           2. "นายอับดุลเลาะหรือเลาะ" จำเลยที่ 3 ผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจฯ , ร่วมกันกักขังผู้อื่นฯ หรือไม่ "ศาล" เห็นว่า โจทก์มี 2 ผู้ร้องที่เป็นญาติผู้ตายซึ่งรอดชีวิต เบิกความถึงเหตุการณ์ที่พวกจำเลย ลงมือควบคุมตัวและแยกห้องกัน แม้จะไม่ได้กล่าวถึงจำเลยที่ 3 ชัดเจน แต่ยังมีพนักงานสอบสวน ผู้สอบคำให้การจำเลย เบิกความว่า จำเลยที่ 3 ให้การด้วยความสมัครใจว่าเมื่อไปถึงที่บ้านผู้ตาย จำเลยที่ 3 ได้ตามจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านและถอดเครื่องบันทึกวงจรปิด

            แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ได้เป็นคนข่มขืนใจและหน่วงเหนี่ยวกลุ่มผู้ตาย-คนบาดเจ็บ แต่ก็เป็นพวกเดียวกันที่คอยวนเวียนเข้าออก ตรวจตราในบ้านและความเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งพร้อมจะดำเนินการเสมือนคนอื่นและไม่เคยห้ามพวกจำเลยแต่ยังเป็นคนคอยเร่งเร้าให้จำเลยที่ 1 รีบลงมือบรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็วเพราะใช้เวลาผ่านมานานแล้ว จึงบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1,2 ,4,5,6,7 ในข้อหานี้ด้วย

         เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

            # ผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่น

           3.จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันปล้นทรัพย์ , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ที่กระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาทรัพย์หรือเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือไม่ 

            "ศาล" เห็นว่า โจทก์ที่ผู้ร้องที่เป็นญาติของผู้ตายรวม 6 คน เบิกความถึงเหตุการณ์ที่พวกจำเลยที่ 1 มาที่บ้านพักโดยสวมชุดลายพรางแล้วรื้อขนสิ่งของจนถึงการถูกแยกตัวไปควบคุมตัวห้องต่างๆ ในบ้าน และเหตุการณ์ที่ "บังฟัต" จำเลยที่ 1 ใช้ปืนจ่อยิงศีรษะผู้ตายหลายคน

            นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวนอีก 7 ปากที่สอบคำให้การพวกจำเลย เป็นพยานเบิกความด้วย ซึ่งก่อนสอบปากคำพนักงานสอบสวนก็แจ้งพฤติกรรมต่างๆ และรายละเอียดแห่งการกระทำให้พวกจำเลยเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว และคำให้การก็กระทำในวันเดียวกันคือ 21 ก.ค.60 ซึ่งเป็นการให้การต่อพนักงานสอบสวนคนละคนกัน และยังนำชี้ภาพถ่ายประกอบคำรับสารภาพอีกด้วยจึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่พนักงานสอบสวนจะคิดปรุงแต่งข้อเท็จจริงขึ้นเองโดยพลการ

            เชื่อว่าได้บันทึกคำให้การรับสารภาพโดยสมัครใจของจำเลยที่ 1-6 เอง ซึ่งรับฟังได้ว่าพวกจำเลย ร่วมเดินทางไปยังบ้านพักผู้ตาย แล้วกระจายกำลังอยู่ในภายใน-นอกบ้าน ช่วยกันรื้อค้นทรัพย์สินที่มีค่า เมื่อพบอาวุธปืนก็เอาไปเก็บในรถ และช่วยกันสอดส่องดูลาดเลา บังคับควบคุมตัวคนในบ้านไว้ แล้วยังบังคับให้ทำเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์ของผู้ตายไว้ด้วย ก่อนที่จำเลยที่ 1 กับพวกจะร่วมกันใช้ปืนยิงผู้ตายทั้ง 8 คน แล้วหลบหนีไปพร้อมอาวุธปืนกับรถยนต์ของผู้ตายด้วย

            ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ชี้ชัดว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา และคำให้การรับสารภาพของจำเลย รับฟังได้จนเป็นที่พอใจว่า จำเลยที่ 1,4,5,6 ได้กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้ง 8 คนและพยายามฆ่าผู้ร้องอีก 3 รายจริงตามฟ้อง

            เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

          ส่วนจำเลยที่ 2-3 ซึ่งให้การปฏิเสธนั้น "ศาล" เห็นว่า ขณะจำเลยที่ 1 เริ่มต้นยิงผู้ตาย จำเลยที่ 2 ก็เป็นคนถือกระสุนปืนไว้และรับรู้ในขณะนั้นว่า จำเลยที่ 1 จะจัดการให้หมดทุกคน ซึ่งจำเลยที่ 2 ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มีท่าทีห้ามปรามอย่างแข็งขัน และเมื่อเกิดเสียงปืนขึ้นนัดแรก หนึ่งในผู้ร้องจะขอไปดู จำเลยที่ 2 ที่กำลังควบคุมผู้ร้อง ก็ไม่ให้ไป

           พฤติการณ์จึงบ่งชี้ว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเป็นตัวการกับจำเลยที่ 1 ในการฆ่าผู้ตายทั้ง 8 คนและพยายามฆ่าผู้ร้อง 3 คนด้วย

           ส่วนจำเลยที่ 3 ก็เป็นคนเร่งเร้าจำเลยที่ 1 ให้ลงมือเพราะใช้เวลามากแล้วโดยบอกกับจำเลยที่ 1 ในการเร่งเร้าครั้งที่ 2 ว่า จะทำอะไรก็ทำ ถึงแม้จำเลยที่ 3 แย้งไม่ให้ฆ่าผู้หญิงและเด็กแต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอย่างแข็งขันที่จะทำให้จำเลยที่ 1 เปลี่ยนใจ และเมื่อ "ผู้ใหญ่บัติ" วิ่งหนี จำเลยที่ 3 ก็เป็นคนไล่ตามจับมาได้ทั้งๆที่ขณะนั้นก็ทราบว่าคนอื่นถูกยิงหมดแล้ว แสดงว่าจำเลยที่ 3 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกโดยพร้อมที่จะรับการกระทำของคนอื่นเป็นการกระทำของตนเองด้วย

           พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 2-3 ร่วมกับจำเลยที่ 1,4,5,6 ในการฆ่าผู้ตายทั้ง 8 คนและพยายามฆ่าผู้ร้องอีก 3 ราย

           และแม้ว่า "ผู้ร้องอีก 3 ราย" ที่ถูกยิงนั้นไม่ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ แต่อาวุธปืนพกที่ยิงจ่อศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายย่อมแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาฆ่าด้วย ดังนั้นการกระทำของพวกจำเลยจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าด้วยตามฟ้อง

           เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

        #ผิดปล้นทรัพย์

          ส่วนรถยนต์ของผู้ตาย ที่พวกจำเลยเอาไปแล้วเผาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ก็ฟังได้ว่ามีเจตนาร่วมกันชิงทรัพย์โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คนกระทำการ ดังนั้นจึงผิดฐานปล้นทรัพย์ โดยพวกจำเลยได้แต่งกายแบบทหาร และใช้อาวุธปืนไล่เรียงยิงผู้ตายทั้ง 8 คนกับผู้ร้อง 3 คน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อให้พ้นการจับกุมและพาทรัพย์นั้นไป

          # ผิดฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

          4.การกระทำฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นฯ เป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่นั้น "ศาล" เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 -2 จะชักชวนกันไปทวงหนี้ แต่จำเลยที่ 1 ก็ตระเตรียมวางแผนอย่างดี พร้อมจัดเตรียมชุดทหาร อาวุธปืน และรับรู้กันว่าจะเป็นการทวงหนี้ครั้งสุดท้าย ดังนั้นจึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 -2 กระทำผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นฯ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

             5. "น.ส.ชลิดาหรือดา" จำเลยที่ 8 กระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่ "ศาล" เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 นำทรัพย์สินของผู้ตายไปเผา ไม่ปรากฏว่าพยานโจทก์เห็นว่าจำเลยที่ 8 เกี่ยวข้อง แต่เห็นเพียงว่าไปบ้านของจำเลยที่ 1 แล้วขับรถตามไป ขณะที่สิ่งของซึ่งเอาไปเผาก็ไม่แน่ว่าจำเลยที่ 8 จะรู้หรือไม่ว่าจำเลยที่ 1-2 กับพวกปล้นมา ประกอบกับจำเลยที่ 8 ให้การปฏิเสธไว้ตั้งแต่ชั้นสอบสวน เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ดังนั้นจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 8 ฐานรับของโจร

           เปิดคำพิพากษา(ฉบับเต็ม) ประหารฯ"บังฟัต" ฆ่ายกครัว 8 ศพ

                                                         ภาพจำลองเหตุการณ์

           6.ส่วนค่าความเสียหายทางแพ่ง ที่ญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บขอให้ชดใช้นั้น "ศาล" เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1-6 ร่วมกันกระทำผิดแล้ว จึงต้องชดใช้ให้กับผู้ร้องทั้ง 8 รายรวม 7,540,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ยื่นคำร้อง เดือน ก.ค.และเดือน พ.ย.60 จนกว่าจะชำระเสร็จ

         โดยโทษทางอาญานั้น "ศาลจังหวัดกระบี่" พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 วรรคแรก , 289 (7) , มาตรา 309 วรรคสอง , มาตรา 310 วรรคแรก , มาตรา 340 วรรคห้า , มาตรา 364 , มาตรา 365 (2)(3),  มาตรา 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 7 , 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 วรรคหนึ่งและวรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง

         และจำเลยที่ 1 , 2, 3, 5,6 ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง กับจำเลยที่ 1-2 ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ด้วย    

           # ประหารชีวิต "บังฟัต"กับพวก ข้อหาปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 

         ซึ่งการกระทำนั้นเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมตามมาตรา 91 ฐานซ่องโจร ให้จำคุก "บังฟัต" จำเลยที่ 1 เป็นเวลา  2 ปี , ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ ให้จำคุก 6 เดือน , ฐานร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปี , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ จำคุก 6 เดือน ส่วนความผิดร่วมบุกรุกในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ , ร่วมกันกักขัง , ร่วมกันข่มขืนใจ , ร่วมกันปล้นทรัพย์ นั้นผิดกฎหมายหลายบทกับความผิดฐานร่วมกันฆ่า-พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อทรัพย์สิน หรือปกปิดความผิดอื่นฯ จึงให้ลงโทษบทหนักสุดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยให้ประหารชีวิตสถานเดียว

          ส่วนจำเลยที่ 2,3,4,5,6 ก็มีความผิดฐานร่วม กันปล้นทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเช่นกัน ให้ประหารชีวิตสถานเดียว และจำเลยที่ 2,3,5,6 ยังมีความผิดฐานซ่องโจรให้จำคุกอีก 2 ปี , ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ ให้จำคุก 6 เดือน , ฐานร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปี , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ จำคุก 6 เดือน

           ขณะที่จำเลยที่ 4 ก็ยังมีความผิดฐานซ่องโจร ให้จำคุก 1 ปี , ฐานร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปี , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ จำคุก 6 เดือนด้วยเช่นกัน

          # โหดเหี้ยม อำมหิตผิดวิสัยมนุษย์ไม่ลดโทษให้

            โดย "ศาล" เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1,4,5,6 ให้การรับสารภาพว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น กับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2-3 จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างก็ตาม แต่จำเลยดังกล่าวก็ไม่ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อีกทั้งพฤติการณ์จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันใช้อาวุธปืนพกจ่อยิงศีรษะผู้ตายทั้ง 8 คน และผู้ร้องอีก 3 คน โดยหวังจะเอาชีวิตเพื่อปิดปากถึง 11 คนซึ่งมีทั้งผู้หญิง เด็กผู้หญิงอายุเพียง 4 ปี , 8 ปี , 11 ปี , 12 ปี , 14 ปี รวมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คนนั้น นับเป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลดหดหู่ใจ และสะเทือนขวัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจำเลยดังกล่าวเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาเองและลงมือกระทำความผิดอย่างอุกอาจโหดเหี้ยม อำมหิผิดวิสัยมนุษย์ จึงเห็นสมควรไม่ลดโทษให้

             และเมื่อความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้ลงโทษประหารชีวิตแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษในกระทงอื่นๆ มารวมได้อีก

             จึงให้ประหารชีวิต "บังฟัต-นายคมสรรค์หรือมล-นายอับดุลเลาะหรือเลาะ-นายอรุณหรือกี หรือบังกี-นายประจักษ์หรือจัก-นายธนชัยหรือบังโกบ"จำเลยที่ 1-6 สถานเดียว

             ส่วน "นายธวัฒชัยหรือชล" จำเลยที่ 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง , มาตรา 310 วรรคแรก , มาตรา 364 , มาตรา 365 (2)(3) มาตรา 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 7 , 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 วรรคหนึ่งและวรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง ให้จำคุกฐานร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปี , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านฯ ที่สาธารณะ จำคุก 6 เดือน และร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปบุกรุกในเวลากลางคืนกับข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธฯ ให้จำคุก 2 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษเหลือจำคุกทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือน โดยให้ยกฟ้องจำเลยที่ 7 ฐานซ่องโจร , ร่วมกันปล้นทรัพย์ , ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าฯ

          สำหรับ "น.ส.ชลิดาหรือดา" จำเลยที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 วรรคแรก , มาตรา 210 วรรคแรก ให้จำคุกฐานซ่องโจร 1 ปี , ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯ ให้จำคุก 6 เดือน ซึ่งคำรับสารภาพชั้นสอบสวนฐานซ่องโจรและร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานฯเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษ เหลือจำคุกทั้งสิ้น 12 เดือน โดยให้ยกฟ้องฐานรับของโจร

           โดยเมื่อพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้จำเลยที่ 7-8 จะไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนก็ตาม แต่จำเลยที่ 8 ก็เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันอยู่กับเหตุการณ์ทวงหนี้มาก่อนเพียงแต่ไม่สบโอกาส และจำเลยที่ 7 ก็เข้าร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้จะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการฆ่าและพยายามฆ่าฯ ก็ตาม แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งให้เกิดปฏิบัติการนี้ พฤติการณ์จึงนับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษ 

 

 

 

 

     

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ