คอลัมนิสต์

มูลนิธิสืบฯถก12ข้อหาคดีเสือดำ!รอดไม่รอด!คนไทยยังจับตาอยู่...

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มูลนิธิสืบฯ ถก 12 ข้อหา คดีเสือดำ! รอดไม่รอด!! คนไทยยังจับตาอยู่...

          ไม่น่าเชื่อว่าจากคดีที่เห็นกัน “คาตา” กับภาพของซากเสือดำ และกลุ่มคนที่เข้าไปตั้งแคมป์ต้มยำทำกินกันกลางป่า ที่เราเรียกกันว่า “คดีเปรมชัย” หรือ "คดีล่าเสือดำ” ทุ่งใหญ่นเรศวร จะนำมาสู่ความซับซ้อนทางกฎหมาย ต้องมานั่งขบคิดกันมึนตึ้บ !

          โดยเฉพาะเมื่อ ศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ อรยุพา สังขะมาน หัวหน้าฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้มีการวิเคราะห์คดีเสือดำ ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ทั้ง 12 ข้อหาที่ เปรมชัยและพวกต้องเจอ ไล่เรียงตามลำดับดังนี้

 

มูลนิธิสืบฯถก12ข้อหาคดีเสือดำ!รอดไม่รอด!คนไทยยังจับตาอยู่...


          1.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โทษ จำคุก 5 ปี โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

          ข้อหานี้ศศินระบุว่า กฎหมายนี้ ถ้าตบแมลงวันตายในพื้นที่นี้ และมีคนร้องทุกข์กล่าวหา ก็จะโดนดำเนินคดีตามนี้ เพราะข้อนี้เรียกว่าเป็นการคุ้มครองโดย “พื้นที่” ไม่ได้ดูในส่วนของสัตว์นั่นเอง หากแต่ข้อหานี้ยังต้องดูพยานหลักฐานกันต่อไปว่าจะมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งทางผู้ต้องหายังปฏิเสธอยู่

          2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษ จำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

         ข้อนี้ ศศินบอกว่า ที่พบคือ เสือดำ ไก่ฟ้า ก็ถือเป็นการคุ้มครองตัวสัตว์ ดังนั้นจึงมีโทษแยกจากข้อแรก และเมื่อรวมกันก็จะตีคร่าวๆ ว่า จำคุกไม่เกิน 9 ปี ปรับไม่เกิน 90,000 บาท

          หากแต่ทาง อรยุพา สังขะมาน ระบุว่า เข้าใจว่าน่าจะมีการเลือกบทลงโทษอันที่หนักที่สุด ซึ่งอาจจะต้องไปโดนในข้อหา ที่ 8 คือ ร่วมกันเก็บหาของป่าในพื้นที่ป่าสงวนฯ ไปเลย โดยมีโทษ จำคุก 1-10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ 200,000 บาท

          3.ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ซึ่งหมายถึงซากเสือดำและซากไก่ฟ้า) จำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท

          ข้อนี้วิเคราะห์กันว่าต้องแยกกันดำเนินคดี ระหว่างข้อ 2 และ 3 เพราะต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งศศินระบุว่า “เดาใจหัวหน้าวิเชียร ผู้ร้องทุกข์นั้นอาจมองว่า หากว่าผู้ต้องหาหลุดจากข้อหาร่วมกันล่า เพราะไม่เห็นกับตาตอนที่ยิง จึงได้เดินหน้าต่อในข้อหานี้ คือ “ครอบครองซาก” นั่นเอง"

 

มูลนิธิสืบฯถก12ข้อหาคดีเสือดำ!รอดไม่รอด!คนไทยยังจับตาอยู่...

 

          4.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตวป่า โทษ จำคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท

          ข้อนี้ทาง อรยุพา หัวหน้าฝ่ายวิชาการระบุว่า สามารถเอามาเทียบเคียงกับกฎหมายอาญาได้ เป็นการกระทำผิดไปไม่ตลอด รับโทษสองในสามส่วน ซึ่งความผิดข้อนี้ ไม่ได้หมายถึงเสือดำและไก่ฟ้าที่พบ แต่เนื่องจากในบันทึกการจับกุม ได้ระบุว่ามีการพยายามล่า “กระรอก” ด้วย ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทอื่น ซึ่งเมื่อเป็นการคุ้มครอง “พื้นที่” จึงโดนดำเนินคดีด้วยนั่นเอง

          5.ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้จากการกระทำความผิด โทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 50,000 บาท

          ศศินกล่าวว่า ในขณะที่น่าจะเป็นกรรมเดียวกันกับ “การครอบครองซากสัตว์ป่าในข้อ 3” แต่เมื่อพบว่า มีการซุกซ่อนไว้โดยใส่ถุงดำ จึงน่าจะเข้าข่ายโทษจำคุก 1 ปีตามความผิดนี้

          6.นำเครื่องมือสำหรับใช้ล่าสัตว์ป่า หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษ “ไม่มีโทษทางอาญา”

          อันนี้ศศินตั้งคำถามว่า ในเมื่อชัดเจนว่าน่าจะผิดแน่ๆ เพราะมีปืนไรเฟิล ที่มีชื่อของเปรมชัย และยังมีปืนลูกซองอีกด้วย แต่ข้อนี้ไม่มีโทษ คำอธิบายจากผู้ร่วมเสวนา คือ ข้อนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับการเข้าพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตามกฎหมายแล้วเป็นหน้าที่ของหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่จะมีสิทธิ์ที่จะเชิญออกจากพื้นที่เท่านั้น แต่จะไม่มีโทษทางอาญานั่นเอง

 

มูลนิธิสืบฯถก12ข้อหาคดีเสือดำ!รอดไม่รอด!คนไทยยังจับตาอยู่...

 

          7.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โทษ “ไม่มีโทษทางอาญา”

          ข้อนี้เป็นเช่นเดียวกับข้อ 6 หากแต่ภายหลังมีการสอบภายในของกรมอุทยานฯ ผลออกมาว่า มีการอนุญาตทางปกครองแล้ว และในเมื่อโทษข้อนี้ คือไม่มีโทษทางอาญา จึงตกไป ทำได้แค่การเชิญออกจากพื้นที่นั่นเอง

          อย่างไรก็ดี ผู้ร่วมเสวนาระบุว่า ข้อนี้อาจสามารถนำไปพิจารณาได้ในแง่ของการ “บ่งชี้เจตนา” ของการเข้าไปกระทำความผิดข้ออื่น ซึ่งต้องว่ากันต่อไป

          8.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โทษ จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท

          ข้อนี้มีความน่าสนใจเพราะโทษหนักที่สุด ซึ่งศศินมีคำถามว่า ทุ่งใหญ่นเรศวรไม่ใช่ “ป่าสงวน” แต่เป็น “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ จะพิจารณาอย่างไร”

          ผู้ร่วมเสวนาอธิบายว่า ก่อนที่พื้นที่นี้จะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ก่อนหน้านั้นก็เป็นพื้นที่ป่าสงวนอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการซ้อนทับพอดี โดยสรุปคือเสือดำตัวนั้นก็อยู่ทั้ง 2 ป่านั่นเอง และยังถือเป็นของป่าด้วย ในส่วนของซากหนัง หรือกระดูกที่พบ

          แต่พอมาถึงตรงนี้ ศศินเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า หากว่าผู้ต้องหาเจอข้อหานี้ ก็อาจจะทำให้ข้อหาที่ 1 (ร่วมกันล่าสัตว์ป่าฯ) ตกไปหรือไม่ เพราะอาจอ้างว่า มีการเก็บซากเสือที่ตกอยู่มาได้ มุมนี้ต้องดูกันต่อไป

          ส่วนโทษข้อนี้ หัวหน้าฝ่ายวิชาการมูลนิธิฯ ระบุว่า มีความพิเศษตรงที่ว่า ในโทษข้ออื่นจะระบุว่า จำ หรือ ปรับ แต่ในข้อนี้ระบุโดยใช้คำว่า “และ” นั่นคือ ทั้ง “จำคุก 1-10 ปี และปรับ 200,000 บาท” เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อนี้ยังมีเผื่อไว้ว่า ศาลอาจมีดุลพินิจมีการลดโทษกึ่งหนึ่ง คือเหลือ 5 ปี เพราะไม่เคยกระทำความผิดนั่นเอง

 

มูลนิธิสืบฯถก12ข้อหาคดีเสือดำ!รอดไม่รอด!คนไทยยังจับตาอยู่...

 

          9.ร่วมกันมีอาวุธหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน สาธารณะ
          โดยแยกเป็น 2 ฐานความผิดที่โทษต่างกันคือ ร่วมกันมีอาวุธหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ข้อนี้วิเคราะห์กันว่า เปรมชัยไม่โดนข้อหานี้ เพราะปืนนั้น ศาลแจ้งว่าเป็นปืนที่จดทะเบียนของเปรมชัยเป็นเจ้าของปืน ก็จริง แต่ไม่ได้ครอบครองในเวลานั้น หากแต่ผู้ต้องหารายอื่นที่เหลืออาจโดน เนื่องจากเป็นคนใช้ปืนของเปรมชัย ข้อนี้โทษคือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

          ส่วนอีกฐานคือ พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน สาธารณะ ข้อนี้โดนหมดทั้ง 4 คน โทษคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

          ดังนั้น แฟนคลับเสือดำอาจมีโอกาส “ใจชื้น” ว่า ผู้ต้องหามีสิทธิ์รับโทษนี้ (คุกไม่เกิน 5 ปี) ในขณะที่ศศินกล่าวว่า ถ้าเอาไปรวมกับข้อหาเก็บหาของป่าในข้อ 8 ซึ่งหากเหลือโทษกึ่งหนึ่ง 5 ปี รวมกันแล้ว บิ๊กอิตาเลียนไทย อาจติดคุกถึง 10 ปี!! (ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังขึ้นอยู่กับสำนวนและพยานหลักฐานอีกที) แต่ประธานมูลนิธิสืบก็สรุปอย่างตั้งคำถามว่า ถ้าเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเปรมชัยและพวกไม่เจอโทษตามข้อหาที่ 1 นั่นเอง

          “หลุดจากข้อหาทางสังคมว่า ล่าสัตว์ป่า แต่อาจจะติดคุกในฐานะเก็บของป่า ซากเสือ กับพกพาอาวุธปืนไปทองผาภูมิ คือเราก็สนใจว่า กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า กับการจับกุมของหัวหน้าวิเชียร เพราะว่ามีผู้เข้ามากระทำผิด จะศักดิ์สิทธิ์มั้ย ซึ่งถ้าเกิดโดนข้อหานี้ (ข้อ 8) แม้จะหนัก แต่ก็หลุดจากการล่าสัตว์ป่าไง”

          10.ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) โทษ จำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท
          ข้อนี้เป็นคดีที่เปรมชัยและภรรยาโดนร่วมกัน หากแต่ศศินตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าของเดิมของงาช้างแอฟริกานี้ เสียชีวิตไปแล้ว ก็อาจเข้าข่ายขาดเจตนา จึงอาจโดนแค่ถูกยึดของคืนเท่านั้น

          11.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษ จำคุก 10 ปี ปรับ 20,000 บาท
          ข้อนี้ในส่วนของ “ปีนคาบศิลา” ตามพ.ร.บ.โบราณวัตถุ ไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิด จึงทำได้เพียงยึดคืน

          12.ติดสินบนเจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ โทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

          ข้อนี้ ศศินกล่าวว่า ในคลิปเป็นเสียงของคนขับรถ (ยงค์ โดดเครือ) ดังนั้น จึงอาจไม่เกี่ยวกับเปรมชัย หากแต่พยานบุคคล ในทีมงานของหัวหน้าวิเชียรมีการระบุว่า มีการต่อรองเกิดขึ้นจริง

          อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบันข้อนี้ถูกแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันติดสินบน” ซึ่งหมายรวมถึงเจ้าสัวด้วย และหากว่าคดีนี้ตรวจสอบได้ว่าจริง ก็อาจเชื่อมโยงไปถึงข้อหาที่ 1 ได้ จนนำมาสู่คดีความผิดทุกๆ ข้อหาด้วยได้ เพราะข้อนี้ได้ทำให้น้ำหนักในข้ออื่นมันชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากหากไม่ได้กระทำผิด จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ก็นับว่าเป็นข้อหาที่น่าจับตามองข้อหนึ่ง

          สุดท้าย ศศินกล่าวว่า ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะนับจากนี้ยังอีกยาวไกลกว่าที่ข้อหานี้จะไล่จบทั้งหลักฐานต่างๆ และพยานถึง 51 ปาก!

 

มูลนิธิสืบฯถก12ข้อหาคดีเสือดำ!รอดไม่รอด!คนไทยยังจับตาอยู่...


          ส่วนประเด็นที่เป็นห่วงคือ เมื่อครบกำหนดฝากขังทั้ง 7 ผัด (ซึ่งเข้าผัด 4 แล้ว) กว่าจะหมดทั้ง 7 ผัดราวช่วง 1 พฤษภาคม ถึงจะเข้าสู่การส่งฟ้องศาล ซึ่งหากกระบวนการสืบสวนตามที่กล่าวไว้ทั้งหมด ยังไม่จบง่ายๆ ถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดขึ้นก็น่าคิด !

          แต่หากว่ากระบวนการเดินเป็นไปตามกำหนดเวลา ก็จะประมาณการได้ว่าจะมีการขึ้นศาลชั้นต้น ช่วงเดือนมิถุนายนนี้ คนไทยต้องติดตามกันต่อไป 

///////////////

ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ