คอมฯ วงแตก สายเหลืองตั้งพรรค เดินแนวทางสภา?

          เช้าวันที่ 19 มี.ค.2561 ตัวแทนของ “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” (พคท.) ได้เข้ายื่นขอจดทะเบียนชื่อพรรคตามกฏหมายการเลือกตั้ง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ กกต.ไม่รับจดแจ้ง เพราะถือว่าขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่เป็นประชาธิปไตย (อ่านต่อ...กกต. ไม่รับตั้งพรรค "คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย")

 

         แหล่งข่าวในคณะผู้ก่อการจัดตั้ง พคท.ยังจะเดินหน้ายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองหรือศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยการจดชื่อพรรคคอมมิวนิสต์ฯ เป็นพรรคการเมืองถูกกฎหมาย

          พลันที่มีข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนที่รับทราบก็มีความเห็นแตกต่างกันไป แต่หลายคนไม่ทราบว่า สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย รัฐสภาได้เห็นชอบให้ประกาศยกเลิก “พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495” ไปแล้ว 

          เนื่องจากยุคสงครามเย็นได้พ้นผ่านไปแล้ว กองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้สลายตัว กลายเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

          ขณะเดียวกัน “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” (พคท.) ยังดำรงอยู่ และดำเนินกิจกรรมไปตามกรอบของกฎหมายความมั่นคง ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลแต่อย่างใด 

          ปัจจุบัน "วิชัย ชูธรรม" นักศึกษานิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่นก่อน 2500 วัย 70 กว่าปี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ พคท. หลังจาก “ประชา ธัญไพบูลย์” (ธง แจ่มศรี) ลาออกจากเลขาธิการพรรคฯ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว

          ต้นปีนี้ นิตยสาร “เอเชียวีค” (ภาษาจีน) ได้เดินทางมาสัมภาษณ์ “วิชัย ชูธรรม” เลขาธิการ พคท. และบทสัมภาษณ์ดังกล่าวนิตยสารเอเชียวีค ได้ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อ 14 มกราคม 2561

          เมื่อเอเชียวีค ถามว่าพวกท่านคิดจะลงทะเบียนให้พรรคเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการหรือไม่ และเข้าร่วมการเลือกตั้งสภาผู้แทนฯหรือไม่ เพราะอะไร?

          สหายวิชัย เลขาธิการพรรคฯ ตอบว่า ปัจจุบันรัฐบาลไม่อนุญาตให้พรรคคอมมิวนิสต์จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย อาจจะเป็นเพราะพรรคฯเราเคยนำพาประชาชนต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างกว้างขวางเกือบทั่วประเทศ ถ้าปล่อยให้พรรคฯลงเลือกตั้งอย่างถูกกฎหมายแล้ว อาจจะกระทบกระเทือนระบอบการปกครองของเขาได้

          อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกลาง พคท.ได้ปรึกษาหารือกัน และลงมติว่า จะยื่นจดแจ้งชื่อพรรคการเมืองต่อ กกต. เพราะมีความสุกงอมในการเคลื่อนไหวตามแนวทางรัฐสภาแล้ว

          ย้อนอดีตปี 2485 พคท.เคยมี ส.ส.ในสภาฯ มาแล้วคือ “ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร” ส.ส.สุราษฏร์ธานี 

          เรื่องมีอยู่ว่า “ประเสริฐ” รับราชการเป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นลาออกไปสมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งปี 2489

          ระหว่างเป็น ส.ส. ประเสริฐ ได้มีส่วนในการยกเลิกพระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ.2476 และไม่มี พรบ.คอมมิวนิสต์ฯ ประเสริฐจึงแจ้งต่อเลขาธิการรัฐสภาว่า ตนขอเป็น ส.ส.สังกัดพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศ

          8 พ.ย.2490 คณะทหารก่อการรัฐประหาร ทำให้ พคท.กลับไปสู่การเคลื่อนไหวใต้ดินอีกครั้ง และเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2495 รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ขึ้นแทนพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์ พ.ศ.2476 ซึ่งยกเลิกไปเมื่อปี 2489

 

          วกกลับมาใน พ.ศ.นี้ คณะกรรมการกลาง พคท.ชุดสมัชชาฯ 4 ได้แยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ "ธง แจ่มศรี" อดีตเลขาธิการพรรคฯ ได้แยกตัวออกไปตั้ง “พรรคใหม่” ซึ่งเป็นมีสถานะเป็น “ปิดลับ” และดำเนินแนวทางปฏิวัติแบบเดิม ต่างจาก พคท.สายของ "วิชัย ชูธรรม" ที่ยึดแนวทางเคลื่อนไหวถูกกฎหมาย

          สรุปว่า ชาวคอมมิวนิสต์ไทยแยกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ยึดกุมการนำ พคท. เตรียมเดินแนวทางสภาฯ และกลุ่มที่แยกตัวไปตั้ง “พรรคใต้ดิน” โดยกลุ่มหลังจะเรียกกลุ่มที่เตรียมจัดตั้งพรรคถูกกฎหมายเป็น “คอมฯ สายเหลือง”