คอลัมนิสต์

มาไกลมาก!!ดราม่า“เซตซีโร่”สุนัขจรจัด!สุดท้ายใครต้องไปสุสาน?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มาไกลมาก!!ดราม่า “เซตซีโร่” สุนัขจรจัด!สุดท้าย...ใครต้องไปสุสาน?

 

          ไม่ใช่คำใหม่ “เซตซีโร่” สังคมไทยได้ยินมานานจากแวดวงการเมือง แต่วันนี้มาโผล่ในแวดวงของสุนัข และแมวจรจัด ที่หลังจากเกิดโรคพิษสุนัขบ้าระบาดในประเทศไทย จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในปีนี้รวม 5 ราย แถมยังระบาดไปแล้วเกือบ 22 จังหวัดภายในเวลาแค่ 2 เดือน ซึ่งหากเทียบแล้วถือว่าใกล้เข้าขั้นวิกฤติ !!

          เดิมทีสังคมพุ่งไปที่ปัญหาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่ไม่ได้ดำเนินการอย่างทั่วถึงครอบคลุม ซึ่งตอนแรกก็มีดราม่าถามหาคนผิด ว่าเป็นใครกันแน่ระหว่างสองหน่วยงานนี้ คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.

 

มาไกลมาก!!ดราม่า“เซตซีโร่”สุนัขจรจัด!สุดท้ายใครต้องไปสุสาน?
จากเพจรายการ คมชัดลึก



          มาเวลานี้ สังคมไทยก็มีดราม่าอีกรูปแบบ อันเนื่องมาจากการที่มีผู้ลุกขึ้นมาเสนอแนวทาง “เซตซีโร่” แปลตรงตัวคือ “ทำให้เหลือศูนย์” เพื่อยุติปัญหาสุนัขจรจัดดังกล่าว

          ไปๆ มาๆ แนวคิดนี้ ก็ได้สร้างกระแสถกเถียงกันเป็นวงกว้าง มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและคัดค้าน ชนิดที่ลามไปถึงขนาดที่ว่า ที่จริงควร “เซตซีโร่มนุษย์” แทนเสียดีมั้ย !!?

          สองขั้วเห็นต่าง

          อย่างที่รู้กันว่า สำหรับ “ผู้เห็นด้วย” และ “ผู้เห็นต่าง” แนวคิดนี้ มีสองคนที่เป็นผู้ที่อยู่ในสถานะ “ผู้นำทางความคิด” ของคนในสังคมออนไลน์ ที่ออกมาแสดงตัวเต็มที่

          คนหนึ่งคือ เจ้าของเฟซบุ๊ก “Drama-Addict” โดย นพ.วิทวัส ศิริประชัย หรือ “จ่าพิชิต ขจัดพาลชน” ที่เหมือนจะสนับสนุนแนวคิดให้มีการกำจัดสุนัข และแมวจรจัดอย่างต่อเนื่อง

          อีกคนคือ บก.ลายจุด หรือ สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ที่ทำงานเพื่อสังคมมานาน ในนามมูลนิธิกระจกเงา และยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับการรัฐประหาร


มาไกลมาก!!ดราม่า“เซตซีโร่”สุนัขจรจัด!สุดท้ายใครต้องไปสุสาน?
จากเพจ Drama-Addict 

 

          คนไทยอาจผ่านตาไปแล้วกับการถกเถียงของทั้งคู่ผ่านสื่อช่องหนึ่งโดยประมวลคร่าวๆ ว่า ทางด้านของจ่าพิชิตได้เสนอแนวทางว่า การเซตซีโร่ที่ว่านั้น ดำเนินการโดยการกำจัดสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีปลอกคอ ด้วยการ “การุณยฆาตสุนัข” หรือ ฆ่าทิ้ง

          ส่วนทางด้านบก.ลายจุด ก็แสดงความเห็นคัดค้าน เพราะไม่ได้ทำให้โรคพิษสุนัขบ้า หมดไปจากเมืองไทยอย่างแท้จริง จึงได้เสนอการทำ “Shelter” หรือ “ศูนย์พักพิง” ให้แก่สัตว์เหล่านั้นแทน โดยมีระบบบริหารจัดการต่างๆอย่างเป็นระบบ

          หลังจากนั้น ทั้งคู่ต่างก็พยายามนำแนวคิดของตนเอง ผ่านทางสังคมออนไลน์ พร้อมๆ กับที่ลูกเพจของต่างฝ่าย ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างออกรสชาติ

          แต่มุมหนึ่งของฝ่ายผู้สนับสนุนแนวคิดเซตซีโร่ คือ อยากให้คนไทยที่ไม่เห็นด้วย “เปิดใจ” และทำความเข้าใจว่า เซตซีโร่นั้น คืออะไรกันแน่

          ทั้งนี้ เมื่อมาดูจาก ผลสำรวจของรายการคมชัดลึก ทางเนชั่นทีวี 22 ช่วงวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่สอบถามว่า คุณเห็นด้วยกับแนวคิด “เซตซีโร่” สุนัข-แมว จรจัด เพื่อแก้ปัญหาพิษสุนัขบ้าระบาดหรือไม่ ? และเพราะอะไร ?

 

มาไกลมาก!!ดราม่า“เซตซีโร่”สุนัขจรจัด!สุดท้ายใครต้องไปสุสาน?
จากเพจ Drama-Addict 

 

          ปรากฏตัวเลขทำความตกใจให้แก่ “คนรักสัตว์” ไม่น้อย คือ มีผู้ที่เห็นด้วยกับการเซตซีโร่ถึง 66% ในขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วยมีเพียง 34% โดยเหตุผลที่ผู้คนเข้ามาคอมเมนท์ เช่น

          “เห็นด้วย แต่ก่อนจะทำควรหาวิธีจัดการหลังทำไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยการควบคุมจำนวนสุนัขไม่ให้เพิ่มขึ้น เช่น บังคับจดทะเบียนเก็บภาษี เพื่อที่จะนำเงินภาษีมาดำเนินการเกี่ยวกับสุนัขในเรื่องต่างๆ"

          “เห็นด้วย เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะจัดการกับหมาจรจัดเดิมที่มีอยู่แล้วในระบบ"

          หรืออีกมุมเลย เช่น “ตั้งคำถามให้คนคิดบาปนะครับ การแก้ปัญหาโรคระบาดมีวิธีแก้ตามหลักวิชาการอยู่แล้วครับ”

          ถึงตรงนี้ จึงต้องมาทำความเข้าใจกันอีกครั้งว่า เซตซีโร่ที่ว่ากันนั้นคืออะไรแน่ ?

          “เซตซีโร่” ไม่ใช่อย่างที่คิด

          ปรากฏว่า ก็เป็น “ต้นคิด” ที่นำเสนอวิธีการเซตซีโร่เองที่พยายามมาอธิบายว่า หลักการของเซตซีโร่คืออะไรบ้าง

 

มาไกลมาก!!ดราม่า“เซตซีโร่”สุนัขจรจัด!สุดท้ายใครต้องไปสุสาน?

 

 

          โดยช่วงวันที่ 15 มีนาคม เพจ “Drama-Addict” ได้ออกมาระบุถึงชื่อ “หมาป่า คะนองศึก” คือผู้ที่เปิดประเด็นคำว่าเซตซีโร่ โดยเขาได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับแนวคิดนี้ให้รับรู้พอสังเขป ว่าการ “เซตซีโร่" มิใช่การนำสัตว์จรจัดทั้งหมดจับมาแล้วฆ่าทิ้งโดยยกตัวอย่าง โครงการเซตซีโร่ที่ญี่ปุ่น ที่ใช้คำว่า Dreambox ซึ่งเขาไม่ได้ทำการกำจัดสัตว์จรจัดด้วยการฆ่าท้งหมด แต่สัตว์เลี้ยงหลายตัวก็ได้รับการอุปการะจากมูลนิธิ รวมไปถึงประชาชนจำนวนมาก

          ซึ่งแม้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” แต่ปัญหาพิษสุนัขบ้า ถ้าแก้ที่ต้นเหตุมันไม่สามารถแก้ไขได้ เช่นไปนั่งหาคนที่ทิ้งสุนัขมาลงโทษ ก็ไม่ได้ทำให้ปัญหาพิษสุนัขบ้าหายไป

          "ทางแก้ที่สำคัญที่สุด คือการทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้โรคนี้ระบาดไปมากกว่านี้เพื่อช่วยชีวิตสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาจได้รับความเสียหายจากโรคนี้ (ไม่ใช่แค่คน แต่ยังรวมถึง วัว, หมา, แมว, นก, กระรอก ที่อาจถูกหมาติดเชื้อทำร้ายได้)

          ดังนั้น จากข้างต้นจึงพอทำให้เห็นภาพว่า เอาเข้าจริงๆ แนวคิดเซตซีโร่ หรือการฆ่าทิ้งนั้น ก็สุดโต่งเกินไป แต่จะมีวิธีการต่างๆ หลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงจุดนั้น

          พร้อมๆ กับที่ “จ่าพิชิต” เองก็เพิ่งออกมาปรับเปลี่ยนท่าทีว่า หลังพูดคุยกับ บก.ลายจุดเรื่องการทำ “ศูนย์พักพิง” ให้แก่สัตว์จรจัด เขาก็เริ่มมองว่า อาจมีทางเป็นไปได้

          “คุยๆ กันแล้ว น่าสนใจ ฟังดูอาจจะเป็นไปได้ คือเขามีแผนงาน มีการคำนวณประเมินพวกค่าใช้จ่ายมาแล้วในวงเงินที่รับได้ ไม่ใช่แบบวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ น่าลองเอาไปเสนอให้ภาครัฐลองทำดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกำจัดหมาจรจัด ให้เป็นออปชั่นสุดท้าย”

          ต้นเหตุตัวจริงที่ควรกำจัด

          อย่างไรก็ดี ดราม่าไทย ไม่เหมือนชาติใดในโลก เพราะมันซับซ้อนกว่าที่คิด!!

          ในขณะที่คนกลุ่มนำกระแส กำลังจะลงเอยที่คำตอบว่าหาวิธี “สร้างศูนย์พักพิง” ก่อน ได้ผลอย่างไรมาว่ากันทีหลัง

 

มาไกลมาก!!ดราม่า“เซตซีโร่”สุนัขจรจัด!สุดท้ายใครต้องไปสุสาน?
จากเพจ Drama-Addict 

 

          แต่เวลานี้ คนไทยสายฮาร์ดคอร์ ที่จุดติดแล้วยาว กำลังไปไกลกว่าที่คิด โดยอาจแบ่งได้สองรูปแบบ คือ แบบที่ “ถามแล้วได้ทางออก”  กับ “ถามแล้วมีเรื่อง!!”

          กลุ่มแรกถามทำนองว่า แทนที่จะเซตซีโร่กับสัตว์ ซึ่งก็รักชีวิต และไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำไมไม่จัดการ “คน” ที่เลี้ยงสัตว์อย่างปล่อยปละละเลย หรือพวกรักสัตว์ผิดๆ

          แน่นอนตรงนี้ พ้องกับความคิดเห็นของผู้รู้หลายคน ที่ออกมายืนยันว่า “ต้นเหตุ” ของพิษสุนัขบ้าที่ลุกลาม ไม่ได้เกิดจากจำนวนสุนัขหรือสัตว์จรจัดที่มีล้นเกินไป

          แต่เกิดจากปัญหาอื่นๆ ทั้งเรื่องการดูแลเรื่องวัคซีนของภาครัฐไม่ทั่วถึง และคนเลี้ยงที่ไร้ความรับผิดชอบ !!

          ทางด้าน โรเจอร์ โลหะนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการ “คม ชัด ลึก” คืนวันที่ 16 มีนาคม ว่า ยังมีอีกสาเหตุคือ คนเราด้วยกันเองที่เหมือนรักลูกไม่ถูกทาง คือ การไม่ดูแลสุนัขสัตว์เลี้ยงของท่านอย่างที่ควรจะเป็น เช่น การให้รับวัคซีนและทำหมัน ตลอดจนการไม่นำมาปล่อยทิ้งให้เป็นภาระสังคม

          “แต่ที่ประเทศไทยไม่เคยทำเลยก็คือ ไม่เคยหยุดคนที่ปล่อย (หมา แมว) ได้”

          และก็สอดคล้องกับที่ สพญ.ภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย วอทช์ด็อก ไทยแลนด์ ซึ่งคัดค้านแนวคิดเซตซีโร่ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีีวีว่า ต้นเหตุจริงๆ เกิดจากคนนำไปปล่อย ซึ่งต้องเร่งแก้ไข

          “ตอนนี้มีโทษปรับในการปล่อยสัตว์ แต่เรายังไม่ได้มีการฝังไมโครชิพว่าเจ้าของคือใคร ถ้ามีการฝังไมโครชิพก็จะระบุถึงเจ้าของได้ มองว่าควรจะแก้ที่วิธีอื่นและใช้กฎหมายอื่นควบคู่กันไป”

          เรื่องนี้จึงต้องดูกันต่อไป เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่า การเซตซีโร่คนไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งในความหมายคือให้ "กฎหมายจัดการ” มีความเป็นไปได้ที่จะป้องกันปัญหานี้ในอนาคต

          หากแต่แนวคิดเรื่อง เซตซีโร่คน ในอีกมุมหนึ่ง ที่เข้าข่าย “หาเรื่อง” อันนี้เล่าพอเป็นสีสันที่สะท้อนว่า สำหรับคนไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้
เช่น ในเฟซบุ๊ก “จ่าพิชิต” ที่เดิม ที่เพิ่งมีคนเข้ามาถามว่า “หมา พิษสุนัขบ้า = เซตซีโร่, คน เอดส์ =ทำไมไม่เซตซีโร่”

          “ขออนุญาตคิดนอกกรอบแบบพาดพิงถึงโรคอื่นที่เป็นแล้วตายเหมือนกัน อย่างโรคเอดส์หน่อยนะครับ ทำไมเขาไม่เซตซีโร่คนพวกนี้บ้างครับ”

          คำตอบจากจ่าพิชิตคือ “เพราะชีวิตคนมีค่ากว่าชีวิตหมาครับ ปัญหาจริงๆ คือรักหมาแต่ไม่มีความรู้ ที่เป็นคนก่อปัญหา”
และยังมีความเห็นทำนองที่ว่า “น่าจะนำไปใช้เซตซีโร่การเมืองด้วยนะ แบบนี้แหละ”

          ก็นี่แหละดราม่าแบบไทยที่ชาติไหนๆ ก็ตามไม่ทัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ