ไพ่“เลื่อนเลือกตั้ง”ของ“บิ๊กตู่”:โยนบาป“พรรคการเมือง”!!

          ช่วงหลังมานี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูเหมือนจะโฟกัสการใช้ “งบประมาณ” มากเป็นพิเศษ มีโอกาสพูดที่ไหนเมื่อไหร่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้

          ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่พูดออกมาตรงๆ ว่าเป็นเพราะ “โครงการรับจำนำข้าว” จาก “รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ทำให้ “รัฐบาลคสช.” ต้องรับหน้าที่เคลียร์ปัญหาที่ส่งต่อมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ล่าสุดในการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ “ครม.สัญจร” ที่สมุทรสาครและเพชรบุรี เมื่อ “บิ๊กตู่” ได้จังหวะจับไมค์พูดคุยกับประชาชน ผู้นำท้องถิ่น ที่องค์การสะพานปลาสมุทสาคร ก็ต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาทวนความจำกันอีกหน วาดภาพความน่ากลัวในฝีมือการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างไร้วินัยการเงินการคลังของรัฐบาลก่อนๆ ที่หวังเพียงแค่คะแนนเสียงหรือความนิยมเท่านั้น อันตรายต่อประเทศอย่างไร

          “รัฐสวัสดิการเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเราให้มากเกินไปก็จะทำให้ประเทศล้มเหลว ระบบงบประมาณการเงินการคลังล้มไปทั้งหมด เช่นความล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมา ผมต้องรับผิดชอบปัญหาจากอดีต ที่ต้องสูญเสียเงินไปกว่า 5-6 แสนล้าน ต้องหาเงินใช้หนี้ให้เขา ดังนั้นเราต้องอย่าให้ใครมาทำเช่นนี้อีก” ข้อความบางช่วงบางตอนของ “บิ๊กตู่” ที่จับอาการได้ถึงกังวลว่ารัฐบาลต่อไปหลังการเลือกตั้งจะไม่นำบทเรียนในอดีตมาใช้

          นอกจากนั้นคำให้สัมภาษณ์สื่อหลังการประชุมครม.สัญจร ที่เพชรบุรี ของ “บิ๊กตู่” ตอนหนึ่งระบุว่า

          “การเป็นรัฐบาลไม่ใช่จะเป็นเพียงแค่ส.ส. ที่ไปรับฟังเสียงจากชาวบ้าน แล้วยื่นขออนุมัติโครงการจากรัฐบาล แต่ทุกคนจะต้องรู้ระบบงบประมาณของประเทศ ว่าเงินงบประมาณจะมาจากไหน รายรับรายจ่ายของประเทศมาจากไหน ไม่ใช่คิดแต่รายจ่ายอย่างเดียว จะต้องหาเงินด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย ปล่อยให้คนทำผิดกฎหมาย และได้เงินจากการทำผิดกฎหมายไปมากพอสมควร”

          ทั้งนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ยังส่งสัญญาณไปยังบรรดา “พรรคการเมือง” อีกด้วยว่า

          “การแก้ไขปัญหาจะต้องแก้ไขในภาพรวมและในพื้นที่ที่เดือดร้อน จึงต้องฝากไปถึงตัวแทนพรรคการเมืองด้วย เมื่อถึงเวลาก็จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาพูดคุย โดยพูดคุยถึงเรื่องของการจัดทำงบประมาณและอื่นๆ ด้วย เพื่อช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองต่อไป ยืนยันว่าผมไม่ได้ไปอะไรกับใคร แต่เพื่อที่จะได้เข้าใจตรงกัน ว่าการที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้นต้องเข้าใจถึงระบบงบประมาณ การจัดทำแผนโครงการ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท เราจะคุยเรื่องนี้ ไม่ใช่เรียกมาคุยเพื่อกำหนดว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ แล้วกลับบ้าน มันไม่ใช่ ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนว่า ต้องทำอย่างไร ขอให้เตรียมกันให้ดี”

          ได้ยินแบบนี้จากปาก “บิ๊กตู่” ยิ่งทำให้หลายคนหนาวๆ ร้อนๆ เนื่องจากตีความต่อไปได้ว่าการเลือกตั้งจากที่เคยลั่นวาจาครั้งล่าสุดว่าไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นั้น ส่อแววจะถูกเลื่อนออกไปอีก นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ที่ “หัวหน้าคสช.” เคยบอกไว้กว้างๆ ว่า เมื่อกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศใช้ จะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงพรรคการเมืองมาหารือว่าควรกำหนดให้มีการเลือกตั้งเมื่อใด

          เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงวันนี้รายละเอียดและความซับซ้อนของเรื่องที่จะพูดคุยมันเริ่มเผยให้เห็นว่าแผนการเรื่องงบประมาณ รวมถึงการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติของบรรดาพรรคการเมือง ว่าที่ “รัฐบาลใหม่” นั้นเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะกำหนดวันเลือกตั้งที่แท้จริง ซึ่งยังไม่นับสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยของประเทศ

          ถ้าให้ลองเดาใจคนชื่อ “ประยุทธ์” เมื่อถึงวันที่ต้องเรียกพรรคการเมืองมาพูดคุยจริงๆ คงมีการฝากให้พรรคการเมืองกลับไปคิดเรื่องการใช้งบประมาณว่าแต่ละพรรคเป็นอย่างไร จะเดินหน้าปฏิรูปและยุทธศาสตร์ของประเทศอย่างไร ก่อนจะเรียกกลับมาตรวจการบ้านกันใหม่ 

          ถ้าพรรคการเมืองส่วนใหญ่สอบผ่านก็ดีไป แต่ถ้ามีคนสอบไม่ผ่านโดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” “ประชาธิปัตย์” หรือพรรคใดก็ตามที่มีแนวโน้มจะได้รับเลือกตั้งส.ส.จำนวนที่ได้น้ำได้เนื้อ คงต้องโดนตีกลับให้ไปปรับแก้นโยบายที่ร่างกันมาอีกหลายรอบ เรียกได้ว่าแก้กันจนเข้ารูปเข้ารอยตามที่ “บิ๊กตู่” พอใจ หรืออาจจะถึงขั้นทำสัญญาประชาคมให้ประชาชนเป็นพยาน ใครก็ตามเมื่อได้เป็นรัฐบาล จะไม่ละเลงงบตามชอบใจเหมือนในอดีต

          ดังนั้นแผนการใช้งบประมาณของประเทศ การขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ ล้วนเป็นปัจจัยชี้ขาดที่สำคัญที่จะบอกได้ว่าวันเลือกตั้งจะเกินขึ้นเร็วหรือช้ากว่ากุมภาพันธ์ 2562 !!!

          ด้วยเหตุผลที่ว่ามา “บิ๊กตู่” อาจใช้ตรงนี้ทั้งบีบทั้งต่อรองพรรคการเมือง ถ้าแผนการต่างๆ ไม่ชัด ก็เลือกตั้งไม่ได้ !!! และหากถึงขั้นต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เลื่อนเลือกตั้งจากกุมภาพันธ์ 2562 ขึ้นจริงแล้วล่ะก็ ก็ยังมีข้ออ้างรองรับอีกว่าพรรคการเมืองนั้นเองที่มีปัญหา ไม่มีความพร้อมที่จะลงเลือกตั้ง ถ้าปล่อยไปก็อาจผิดพลาดซ้ำเก่าได้ ทั้งที่ “รัฐบาลคสช.” ปูทางทุกอย่างมาให้เรียบร้อยแล้ว

          นี่จึงถือเป็นไพ่ในมืออีกใบของ “บิ๊กตู่” ที่อาจจะหงายโชว์ในเร็ววันนี้ เพราะเจ้าตัวนั่งนายกฯ มานานพอที่จะเข้าใจอย่างสุดซึ้งว่าอะไรต่อมิอะไรมันยากเย็นแค่ไหน

          ทั้งเรื่องงบของประเทศที่มีจำกัด แต่ความต้องการใช้เพื่อช่วยประชาชนด้านต่างๆ ไม่เคยมีขีดจำกัด การปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติที่ทำมาก็ยังไม่เห็นจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้อย่างไร และเมื่อถึงเวลาต้องลงจากอำนาจแล้วให้รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งขึ้นมามีอำนาจแทน “บิ๊กตู่” จะวางใจได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลนี้มีอำนาจพิเศษเต็มมือ ก็ยังทำอะไรไม่ค่อยจะได้ดั่งใจ แล้ว “รัฐบาลปกติ” ยิ่งไม่ต้องพูดถึง จะทำอะไรแต่ละอย่างเรียกว่าลากเลือด

          ที่สุดแล้วอนาคตอันใกล้นี้บรรดา “พรรคการเมือง” คงต้องซุ่มร่างนโยบายและแผนงบประมาณให้ถูกใจ “หัวหน้าคสช.” เพื่อแลกกับการเคาะวันเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้นคงเจอโรคเลื่อนอีกหลายระลอกแน่