คอลัมนิสต์

“เพ้ง” ช่วยอุ้ม “หน่อย”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนตัวคนถือธงนำทัพในการเลือกตั้งล่วงหน้า อะไรเป็นที่ไป อะไรเป็นที่มา และจริงหรือไม่ที่ "เฮียเพ้ง" จะมาแทน "เจ๊หน่อย"

เรื่องร้อนๆรับเทศกาลตรุษจีนนี้ คงหนีไม่พ้น 2 ศรีพี่น้อง 2 นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย พี่ชายที่แสนดี “ทักษิณ ชินวัตร” และ น้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้เดินทางมายังสาธารณประชาชนจีน และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือด้วยเหตุผลกลใดก็ยังไม่ปรากฏชัด

แต่เมื่อมาใกล้ขนาดนี้ บรรดาคนใกล้ชิด แกนนำพรรค อดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.ของพรรคเพื่อไทยรวมไปถึงคนเสื้อแดง ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ต่างบินเพื่อไปพบนายใหญ่และอดีตนายกฯหญิงในคราวเดียวกัน ซึ่งการไปในครั้งนี้เดินทางกันเป็นกลุ่มเล็กๆทยอยเข้าพบพูดคุยเป็นกลุ่มๆ ทั้งที่ปักกิ่งและฮ่องกง แต่ส่วนใหญ่จะไปพบที่ฮ่องกง

เรื่องการบินไปพบนายใหญ่คงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่นายใหญ่กลายเป็นคนพลัดถิ่น แต่กับครั้งนี้มีข่าวร้อนออกมา ว่า การพบครั้งนี้มีนัยยะครั้งสำคัญ คือ มีการพูดคุยกันถึงว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่

เพราะช่วงที่ผ่านมาก็ต่างมีชื่อแคนดิเดตออกมาตลอด และชื่อเต็ง 1 คือ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”  โดยมีการนำประเด็นนี้ไปพูดคุยเพื่อจะขอเปลี่ยนตัว ซึ่งให้เหตุผลว่า มีหลายกลุ่มที่ต่างลำบากใจในการทำงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ เนื่องจากคุณหญิงไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนในพรรคสักเท่าไหร่

ทำให้หลายต่อหลายคนมองว่าทำไมกระแสการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคช่วงถึงเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ 

ต้องไม่ลืมว่าแม้ “บิ๊กตู่” นายกฯ ยังเป็นโรคเลื่อน ไม่มีการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่ก็คาดการณ์กันว่า การเลือกตั้งก็น่าจะอยู่ราวต้นปี 2562 ซึ่งถ้านับกันจริงๆก็เหลือเวลาเพียงแค่ 1 ปี

ในเดือนเมษายนนี้ พรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็สามารถเริ่มทำกิจกรรมทางการเมืองได้แล้ว แต่พรรคใหญ่ก็คงต้องรอไปก่อน เมื่อคำนวณวลาที่เหลือจึงพบว่าไม่มาก เพราะต้องมีการเตรียมตัว ปรับทัพเตรียมเข้าโหมดการเลือกตั้งแล้ว

ทำให้ในช่วงนี้กระแสการขยับขยายของพรรคใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย จึงต้องเริ่มขึ้น เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะเกิดขึ้น ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย นอกจากจะต้องแข่งกับคู่แข่งแล้ว ต้องแข่งกับกติกาใหม่แล้ว ยังต้องแข่งกับคนในกันเองเพื่อให้ได้จับจองเก้าอี้ในการลงสมัครด้วย เพราตัวเลขส.ส.จะน้อยลงอย่างแน่นอน

หัวหน้าพรรคจึงมีส่วนสำคัญในการชี้ขาดไม่น้อย แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้ไมได้เพิ่งเกิดขึ้น คลื่นใต้น้ำในการขอเปลี่ยนหัวพรรคเพื่อไทย เกิดขึ้นมาโดยตลอด ต้องอย่าลืมว่า คนในพรรคเพื่อไทยเองก็มีอยู่หลายกลุ่ม หลายก๊วนอยู่ และในส่วนของแกนนำพรรคเอง หากนับเรื่องการเมือง ก็อยู่เลเวลเดียวกับ “คุณหญิงสุดารัตน์” ไม่ว่าจะเป็น  “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง”  “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล”  “จาตุรนต์ ฉายแสง”  “ภูมิธรรม เวชยชัย”  “นพดล ปัทมะ” เป็นต้น

แต่หากสังเกตุท่าทีของนายใหญ่ครั้งนี้ ที่มีการพูดคุยกับคนที่เดินทางไปพบ ว่า ต้องรอคสช.ปลดล็อกก่อน แล้วให้เลือกกรรมการบริการ ถ้ามติส่วนใหญ่เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ซึ่งเป็นการตอบแบบกลางๆ แบ่งรับแบ่งสู้

ต้องไม่ลืมว่า “เจ๊หน่อย” ได้รับการสนับสนุนจาก “หญิงอ้อ” ซึ่งรู้กันดีว่า ถือว่าเข้ามามีบทบาทบริหารจัดการในพรรค ดูแลพรรคต่อจากนายใหญ่ ซึ่งก่อนที่จะเคาะชื่อน่าจะมีการพูดคุยกันมาก่อนแล้ว หรือเปล่ากับคน 2 คน เพราะ ”เจ๊หน่อย” เดิมไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพรรค แต่ช่วงปี สองปี ที่ผ่านมาก็นั่งหัวโต๊ะมาตลอด

ที่ผ่านมา “เจ๊หน่อย” เข้ามาจัดระบบ บริหารจัดการในพรรคเยอะ ด้วยสไตล์เจ๊หน่อยเอง จะเน้นคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามาช่วยงานเยอะ เรียกว่า เน้นคนรุ่นใหม่ หัวสมัยใหม่ “ยังบลัด” เข้ามาทำงาน จึงอาจจะเป็นสาเหตุทำให้บรรดาผู้อาวุโส ไม่เข้าใจ หรือไม่พอใจ ก็เป็นไปได้

เพื่อลดกระแสกดดัน เจ๊หน่อย จึงมีข่าวว่า นายใหญ่ ได้ให้ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อีกหนึ่งแกนนำของพรรคเพื่อไทย ให้เข้ามามีบทบาทช่วยบริหารจัดการในพรรคมากขึ้น

“เฮียเพ้ง” ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ในพรรค และคอยช่วยเหลืองานมาตลอด และหลายครั้งอดีตส.ส.มีปัญหา เขาก็ถือว่าเป็นสายตรงจากนายใหญ่ ในการเคลียร์ใจให้ ซึ่งส.ส.ก็ความเกรงใจ ให้ความเคารพนับถือ รวมไปถึงคนสื้อแดงด้วย เรียกได้ว่า มีทั้งบารมีและมีเงิน และในครั้งนี้ นายใหญ่ก็ได้เชิญ “เฮียเพ้ง” ไปร่วมหารือ พูดคุยกับซึ่งเป็นแกนนำพรรคเพียงไม่กี่คนที่ได้รับเชิญ

แต่คำบอกเล่า จากคนรอบข้าง เฮียเพ้ง ว่า ส่วนใหญ่เฮียเพ้งจะเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยแสดงตัว ชอบอยู่ข้างหลังมากกว่า เพราะชอบทำธุรกิจมากกว่า เนื่องจากมีธุรกิจหลายอย่าง

สุดท้ายเชื่อว่า กระแสการกดดันหรือขอเปลี่ยนหัวหน้าพรรคจะออกมาเรื่อยๆ นี่คงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เรียกกันว่า ทุกกลุ่ม ทุกก๊วน เดินกันแรงมาก และภาพที่ออกมาเป็นเหมือนความขัดแย้งในพรรค ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องไปบริหารจัดการ แต่สุดท้ายเชื่อว่า เมื่อคสช.ปลดล็อกพรรคการเมืองและมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ทุกอย่างคงจะจบ แต่จะจบลงด้วยดีหรือไม่ดี ก็ต้องรอติตดตามกันต่อไป

-------

โอฬาร เลิศรัตนดำรงกุล

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ