คอลัมนิสต์

หนังดีน่าดู!! “คู่พยัคฆ์" สะท้าน คสช.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ภายในพรรค ปชป.กำลังเผชิญกับความขัดแย้งครั้งสำคัญ จะก้าวเดินไปตามวิถีประชาธิปไตย หรือนำพรรคไปบนวิถีอำนาจพิเศษ

             เหลืออีกไม่กี่วัน ก็จะย่างเข้าสู่ปีใหม่ 2561 ซึ่งเป็นปีที่นักเลือกตั้งเฝ้ารอ เฝ้าหวังว่า คสช.จะปลดล็อกให้ทำกิจกรรมการเมืองโดยเสรี แต่การเมืองกลับร้อนแรงในวันที่กรุงเทพหนาว

             เมื่อมี “หน่วยกล้าตาย” เสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบพรรคการเมือง เพื่อรีเซตสมาชิกพรรคการเมืองทั้งหมด แถมสมาชิกสภาแต่งตั้งบางกลุ่มก็ขานรับ

             มิหนำซ้ำ นักเลือกตั้งจอมเก๋าอาสาผ่าทางตัน เสนอให้ผู้สมัคร ส.ส.ไม่สังกัดพรรค ไม่มีเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มีพรรคเป็นการชั่วคราว

             จะว่าไปแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวข้างต้น นักเลือกตั้งต่างรู้ดีว่า มีเป้าประสงค์อย่างไร? โดยเฉพาะนักการเมืองจากพรรคเก่าแก่ ที่อ่านเกมขาดมองเกมเป็น จึงต้องออกโรงมา “กรีดเชิงยุทธศาสตร์” เป็นประเดิม

              เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว มีคอนเสิร์ตการกุศล “แสงเทียนบันดาลใจ” ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และที่น่าสนใจคือ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ควง “ชวน หลีกภัย” ร่วมร้องเพลงบนเวทีด้วย เฉพาะอดีตนายกฯ ชวน ได้ร้องเพลงและเป่าแซกโซโฟนโชว์เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 47 “รัก”

             ด้วยดีกรีนักพูดระดับชาติ นักการเมืองอาวุโสเล่าถึงที่มาของการหัดเป่าแซกโซโฟน ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กประถมว่า เพื่อนที่สอนนั้นเป่าไม่เป็น ตนไปเป่าที่ไหน คนก็รำคาญที่นั่น จึงไปหัดเป่าในสวนยาง 

             "ช่วงที่เป่า กระรอกหายหมด น้ำยางพาราหยุดไหล แต่เพราะยางสมัยก่อนไม่มีน้ำยาง ไม่ใช่เพราะตนเป่าแซกโซโฟนหรอก ที่พูดเรื่องยางนี้ไม่ใช่เพราะขอให้เขาขึ้นราคายางพารานะ"

             นี่คือลีลาเฉพาะตัวจริงๆ จึงไม่แปลกหรอกที่ชาวปักษ์ใต้ จะมานั่งฟังการปราศรัยของนายหัวชวนได้ทั้งคืน

             อีกเหตุผลหนึ่งที่ร้องเพลง “รัก” นายหัวชวนว่า เพลงรักเพลงนี้ ไม่ใช่เพลงรักประโลมโลก รักๆ ใคร่ๆ แต่เป็นเพลงรักอมตะ ถ้าเรารักตามเนื้อเพลงนี้ ไม่ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ แต่เป็นยุทธศาสตร์โลกเลย บ้านเมืองจะสดใส ร่มรื่น

             ถ้อยวลี "ถ้าเรารักตามเนื้อเพลงนี้ ไม่ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ.." เรียกว่า กรีดกันจะจะ ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว

             ถ้าย้อนไปดูบทบาทของ “อภิสิทธิ์” และลูกพรรคสายนายหัวชวน ช่วงหลังๆ ต่างเรียงหน้ามาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์ถี่ขึ้น ซึ่งในอดีตนายหัวชวน ย้ำกับสมาชิกพรรคว่า อุดมการณ์ของประชาธิปัตย์คือ ผู้บำเพ็ญประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้รับใช้เผด็จการ

             นายหัวชวน ขยับตัวครั้งแรกด้วยการทำหนังสือถึงนายกฯ ประยุทธ์ ร้องเรียนเรื่องรายได้ของประชาชนในภาคใต้ลดลง และใบมีดโกนได้ตวัดไปที่ใบหน้า “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากก่อนหน้านั้น รองนายกฯสมคิด ลั่นคำจะแก้ไขความยากจนให้หมดไป

             ล่าสุด “แจ๊ค" วัชระ เพชรทอง ปชป.(สายไม่เอากำนัน) ก็ออกมาแฉเรื่องพรรคประชารัฐ ชี้เป้าตัวละครที่ถูกกำหนดให้เป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค

             ภายในพรรค ปชป.กำลังเผชิญกับความขัดแย้งครั้งสำคัญ จะก้าวเดินไปตามวิถีประชาธิปไตย หรือนำพรรคไปบนวิถีอำนาจพิเศษ

             หากเลือกหนทางแรก ก็ต้องดูจำนวน ส.ส.หลังเลือกตั้ง และมีการตั้งโต๊ะเจรจากับทุกพรรคการเมือง ฉะนั้นการจับมือกันของสองพรรคใหญ่คือ เพื่อไทยกับ ปชป. ก็มีความเป็นไปได้ 

             ส่วนหนทางที่สอง ปชป.จะมีบทบาทเป็นกองหนุน เหมือนยุครัฐบาลเปรม ถึงพรรคจะได้เสียงข้างมากในปี 2529 แต่หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะหวยล็อคต้องป๋าเปรมเท่านั้น

             ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย หาก “นายหัวชวน” กับ “เดอะมาร์ค” ไม่ยอมสร้าง “นั่งร้าน” ให้ คสช. และปล่อยให้ “ลุงกำนัน” เลือกทางเดินของตัวเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ