คอลัมนิสต์

“2 หมอ1ทหาร”คุมวังจันทร์ “บิ๊กตู่”เมินตัวแทนครู

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บรรดานักเลงคีย์บอดต้องหงายเงิบ! ไปตามๆ กันเมื่อ“ครม.ประยุทธ์5”ไม่ปรากฏชื่อ“รมต.ศึกษา”ตามโผ เพราะกลายเป็น“ศ.นพ.อุดม คชิคชินทร”ม้ามืดมานั่ง"รมช.ศึกษาฯ"แทน

 

          ก่อนหน้านี้ “หมออุดม” ก็เพิ่งประกาศลาออกจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ทั้งน้ำตา กลางที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเอกฉันท์ให้ลาออก โดยมีผลในวันที่ 1 ส.ค. 2560

          เหตุเพราะรองอธิการบดีทั้ง 13 คน ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เนื่องจากมีข้อจำกัดทั้งส่วนตัวและครอบครัว ต่อเงื่อนไข ที่กำหนดบังคับใช้ใหม่ในการดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

           อีกทั้งเหลือระยะเวลาดำรงตำแหน่งเพียงปีกว่า เกรงว่าหากสรรหารองอธิการบดีคนใหม่ต่อไป จะทำให้การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

           การตั้ง “ศ.นพ.อุดม คชินทร” ขึ้นมาเป็น “รมช.ศึกษาธิการ” ส่งสัญญาณชัดเจน เพื่อเป็นการรองรับการตั้งกระทรวงใหม่ที่เรียกว่า “กระทรวงอุดมศึกษา” ที่กำลังอยู่ในระหว่างร่างกฎหมาย

           ด้วยสมัย“บิ๊กหนุ่ย”พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี 2559 ก็มอบโจทย์ให้แยก“สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา”(สกอ.) ออกจากกระทรวงศึกษาธิการ หวังให้คุณภาพบัณฑิตและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาล ที่มีข้อร้องเรียนจำนวนมาก

           “ศ.นพ.อุดม”อธิการบดี มม. ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ก็รับโจทย์นี้ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะเตรียมและศึกษาการจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา เมื่อต้นปี 2560

          ขณะที่การจัดทำร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ยังไม่แล้วเสร็จ กำลังพิจารณาเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ประเทศ ตามนโยบาย“ Thailand 4.0”ได้ ก่อนจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี นำเข้ากฤษฎีกา และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ตามขั้นตอนการออกกฏหมายต่อไป

           "กระทรวงอุดมศึกษา”หากเกิดขึ้นจริง ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่เสร็จในยุคนี้ ต่อไปคงไม่ได้เกิดกระทรวงอุดมศึกษาแน่นอน”

           น่าสังเกตุว่าการปรับ “ครม.ประยุทธ์” มาแล้ว 5 ครั้ง ทุกครั้งไม่เคยมี “ตัวแทนครู” ก้าวขึ้นมาเป็นปากเป็นเสียง  แทนครูกว่า 4 แสนคน จากสถานศึกษาทั่วประเทศกว่า 39,000 โรงเรียน เป็นการ “จงใจ” หรือ “หาคนเหมาะสมไม่ได้” แต่นี่คือ“จุดอ่อน”ที่ไม่อาจมองข้าม ทำให้"วังจันทรเกษม" ยามนี้อยู่ภายใต้ผู้นำ “2หมอ1ทหาร” ที่มี“หมอธี นพ.ธีระเกียรติ  เจริญเศรษฐศิลป์”ยังนั่งเก้าอี้“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ”ได้คุม“กระทรวงศึกษาธิการ”แบบเหนียวแน่น มี “บิ๊กน้อย”พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และ ”หมออุดม" ศ.นพ.อุดม คชินทร 2 รมช.ศึกษาธิการ ่

          ซ้ำร้ายหากไม่ปรับสไตล์การบริหารกระทรวงศึกษาธิการ ที่ยังเป็นในลักษณะ single command “ห้ามเถียง ห้ามถาม ให้ทำตามลูกเดียว” เป็น “การบริหารแบบมีส่วนร่วม” รับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการจัดการศึกษาให้มากขึ้น องค์กรวิชาชีพต่างๆไม่ว่าจะเป็นคุรุสภา สกสค. และ ก.ค.ศ. ต้องมีตัวแทนของครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน

          รอยปริแยก แตกร้าวในวังจันทร์ เห็นชัดเจนหลังคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 ข้อ13 ต้นเหตุของความล้มเหลวในการปฎิรูปการศึกษาระดับภูมิภาค จนทำให้"ศึกษาธิการจังหวัด" (ศธจ.) ติดหล่มงานบริหารงานบุคคล จนแทบขยับตัวทำเรื่องยุทธศาสตร์การศึกษาของจังหวัดไม่ได้เลย เกิดการทำงานทับซ้อนในเขตพื้นที่การศึกษา

          แม้ในอนาคต “กระทรวงอุดมศึกษา” จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ แต่ ณ วันนี้ "สถานศึกษา" ค่อนประเทศไทย หมดหวัง ไม่สนใจว่าใครจะมาเป็น“รัฐมนตรี” ใครจะมาเป็น“เลขาธิการ”ใครจะมาเป็น“ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา หรือ ศึกษาธิการภาค/จังหวัด” เพราะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆดังกล่าว คิดทำอะไรก็ไม่ได้ส่งผลถึง“ผู้เรียน” หรือเด็กและเยาวชนเลย

          ซ้ำร้าย!! นโยบาย หรือ การดำเนินงานบางอย่าง ที่ท่านเหล่านี้คิด ยังมาเบียดบังเวลาและแรงงานของ“คุณครู”ที่จะทำให้“ผู้เรียน”เป็น"คนดีคนเก่ง"เสียอีก!! 

          ข้อสรุปที่สุดแสนเจ็บปวดมาก!! จากผู้บริหารโรงเรียนและคณะครู ก็คือกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานศึกษาธิการภาค/จังหวัด “ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของโรงเรียนได้” อีกต่อไป ระวังการปรับ“ครม.ประยุทธ์5”เท่ากับ“เสียของ”นะขอบอก!!

   0 กมลทิพย์   ใบเงิน 0 รายงาน

   [email protected] 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ